27 ก.พ. 2021 เวลา 08:58 • การเมือง
ชวนอ่านชวนคุย
Propaganda เมื่อความคิดถูกครอบงำโดยเผด็จการ
การตั้งคำถามเเละการวิเคราะห์เป็นสิ่งผิด by Firista Novoski
คำเตือน มีเนื้อหาที่กล่าวถึงการใช้ความรุนแรง!!!
อิทธิพลของPropagandaหรือสื่อชวนเชื่อนั้นในสังคมเรานั้น
ไม่ว่าจะผ่านไปเเค่ไหน เราก็ยังเห็นได้ถึงอิทธิพลของมัน
Propaganda ที่มีเนื้อหาสร้างความเกลียดชัง สร้างความขัดเเย้ง
เเละเสริมสร้างความคิดบางอย่างที่มั่งเน้นให้ผู้คนนั้นปฏิบัติตามหรือยึดถือ
ยังคงมีให้เห็นอยู่ทั่วไป จนผมเกิดข้อสงสัยขึ้นมาว่า
คนที่ถูกครอบงำโดยPropaganda ได้รับสื่อมาจากเเหล่งใดกันนะ?
ที่มาของข้อมูลของพวกเขานั้นมาจากใคร น่าเชื่อถือหรือไม่?
เนื้อหาที่เขาได้รับ เขาได้ไตร่ตรองหรือมานั่งทบทวนหรือไม่?
ทั้งที่ ณ ยุคสมัยนี้ เนื้อหา ข้อมูล ข่าว ก็กระจายอยู่ทั่วทุกที่
ในโลกที่อินเตอร์เน็ตที่ผู้คนส่วนมากล้วนเข้าถึงได้
เเต่ทำไมเขาถึงตัดสินใจที่จะรับข่าวสารจากฝั่งหนึ่งอยู่ตลอดเวลา?
1
ทั้งที่เราสามารถวิเคราะห์ได้จากเนื้อหาเเละภาษา
ที่ใช้ในข่าวหรือบทความเเละข้อมูลพวกนั้นได้เลยว่า
มีการสื่อถึงการส่งเสริมการใช้ความรุนแรงและกระตุ้นอารมณ์มากกว่า
การตัดสินหรือวิเคราะห์ด้วยเหตุและ
ผู้ที่ได้รับสารเหล่านั้นก็ยังตัดสินใจที่จะใช้ความรุนแรง
ตามสารที่ได้รับมาอีกด้วย?
การแสดงเจตจำนงเเละความคิดเห็นของพวกเขาเหล่านั้น
เเสดงให้เห็นถึงการกระทำที่เกินกว่า มนุษย์ จะกระทำได้
“กระทืบพวกเเม่งเลย” “ยิงทิ้งให้หมด” “เผาเเม่งซะ”
หรือการกระทำที่ล่วงละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ที่ผมไม่สามารถกล่าวได้ในบทความ
ทำไมกัน ทำไม Propaganda
ถึงสามารถสร้างภาพความโหดร้ายได้ขนาดนี้
เเต่สิ่งที่เห็นชัดมากที่สุดคือ คนพวกนั้นล้วนเเล้วเเต่มีอายุมาก
หรืออยู่ในช่วงอายุการทำงาน เเสดงว่าผู้คนในช่วงอายุเหล่านั้น
ถูกPropaganda ครอบงำหรือไม่? ที่น่าสนใจก็คือ
พวกเขาคือผู้คนที่อยู่ในช่วง “สงครามเย็น”
ตอนนี้ก็คงมีเเต่คำถามที่หากเราลองมองย้อนให้ดีๆ
ในช่วงยุคสมัยของพวกเขา
สื่อทำหน้าที่หลักเป็นตัวกระจายข่าวสารเเละข้อมูลต่างๆ
ยากนักที่จะหาข่าวสารจากเเหล่งอื่นๆ
หากไม่ใช่ สื่อที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น
ไม่ว่าจะเป็น วิทยุ หนังสือพิมพ์ ทีวี หนังสือ บทเรียน
หากเรามองลึกลงไปอีก ว่าใครอยู่เบื้องหลังของสื่อ
เราจะพบกับคำตอบว่าทำไม
พวกเขาถึงเเสดงกริยาเเละอุดมคติที่โหดร้ายเช่นนั้นได้
เเละคนที่อยู่หลังสื่อนั้นคือ เผด็จการทหาร หรือ รัฐ เเละ ชนชั้นนำ
คนที่ควบคุมสื่อนั้น มีเจตจำนงในการล้างสมอง
เเละปลูกฝั่งความคิดของตนเองลงไปเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุม
ผ่านการใช้สื่อต่างๆที่พวกนั้นได้ควบคุมอยู่
นอกจากนั้น ยังใช้สื่อเพื่อปลุกปั่นผู้คนที่ถูกล้างสมองในการ
กำจัดผู้ที่มีความคิดตรงกันข้ามกับพวกเขานั่นเอง
ซ้ำร้าย ยังมีการใส่ค่านิยมทางสังคมลงไปในสื่อ
ค่านิยมในการไม่ให้ตั้งคำถาม เเละ ค่านิยมในการสรรเสริญ
เพื่อที่จะให้เกิดอุดมการณ์เดียวกันเเละเพื่อปลูกฝังต่อคนรุ่นถัดๆไปอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยบริบทสังคมเเละเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไป
การเข้าถึงข้อมูลนั้นทำได้ดีกว่า ผู้คนไม่จำเป็นอีกเเล้วที่จะต้องรับข่าวสาร
จากสื่อที่รัฐควบคุมหรือการที่เรียนรู้สิ่งต่างๆในด้านเดียว
สายไปเเล้วที่Propaganda จะปิดกั้นสิ่งต่างๆ
Propaganda ทั้งหลายที่ถูกใส่มาหรือถูกส่งต่อกันมานั้น
ถูกนำมาหาข้อเท็จจริง วิเคราะห์เเละนำมาเปิดโปง ถูกนำมากำจัดทิ้ง
ประชาชนยุคหลังๆ ได้ตาสว่างจากPropagandaไม่มากก็น้อย
ได้เห็นถึงความเป็นจริงของโลก หลังจากที่ถูกครอบงำมาโดยตลอด
สิ่งที่รัฐพยายามยัดเยียดใส่ประชาชนนั้นมิอาจทำได้อีก
เพราะผู้คนรู้จักการเลือกรับสื่อเเละวิเคราะห์สื่อมากกว่าเดิม
ผู้คนเริ่มตั้งคำถามเเละสงสัยกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ตั้งคำถามกับสื่อ ตั้งคำถามกับข้อมูล
คิดวิเคราะห์ แยกแยะ มากกว่า ที่เคยเป็น
ทำให้เสรีภาพทางความคิดเกิดขึ้นมาในที่สุด
หลังจากที่ถูกปิดกั้นโดยPropaganda มานานเเสนนาน
จนในที่สุดหากทุกคนหลุดพ้นออกมาจากกรอบของมัน
เมื่อนั้น อิสระภาพ จะกลับมาหาประชาชน
การปิดกั้นได้ถูกทำลายลง ความโหดร้าเหล่านั้น
จะถูกประนามโดย สาธารณะชน
ผู้คนที่ตาสว่างจะร่วมกัน ทำลายความเเละสิ่งที่
Propaganda นั้นได้สร้างขึ้นมาในที่สุด
“ความสงสัยเเละความอยากรู้ จึงเป็นศัตรูหลักของเผด็จการ
เมื่อประชาชนรู้มากเกินไป เผด็จการก็ไม่สามารถที่จะ
ปกปิดความชั่วร้ายเเละเน่าเฟะของตัวเองได้”
ขอบคุณครับ

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา