เชอร์ล็อกและวัตสันคืออะไร
แม้ว่าดาวอังคารจะอยู่ห่างจาก 221B Baker Street มากกว่า 50 ล้านกิโลเมตร แต่ SHERLOC และ WATSON กับเครื่องมืออื่น ๆ อีก 6 เครื่องมือ ได้ไปโลดแล่นบนดาวอังคารเพื่อช่วยนักวิทยาศาสตร์ทำภารกิจสำรวจดาวอังคารนี้
SHERLOC เป็นชื่อของเครื่องมือที่ถูกติดกับปลายแขนกล (Robotic arm) ของยานสำรวจ Perseverance แขนกลนี้ทำหน้าที่หาเบาะแสที่เป็นหินจากดาวอังคารที่มีขนาดเท่าเม็ดทราย โดย SHERLOC จะทำงานร่วมกับ WATSON ซึ่งเป็นกล้องที่จะถ่ายภาพสีเพื่อแสดงลักษณะของหินขนาดใกล้ ทำให้นักวิทยาศาสตร์สามารถศึกษาพื้นผิวของหิน และสามารถสร้างแผนที่ของแร่ธาตุชนิดต่าง ๆ รวมทั้งสารอินทรีย์ต่าง ๆ ที่ปรากฏบนพื้นผิวของหินได้
SHERLOC มีชื่อเต็มว่า Scanning Habitable Environments with Raman & Luminescence for Organics and Chemicals เป็นเครื่องฟลูออเรสเซนต์และเรโซแนนซ์รามานสเปกโตรมิเตอร์ (Fluorescence and Resonance Raman Spectrometer) โดยมี Dr. Luther Beegle เป็นผู้วิจัยหลักจาก Jet Propulsion Laboratory (JPL)
SHERLOC ใช้เลเซอร์ Deep UV ที่ความยาวคลื่น 284.6 นาโนเมตร เลเซอร์นี้จะทำให้เกิดอนุภาค photon ที่สามารถเข้าพุ่งชนเข้ากับอนุภาคของสารอินทรีย์และแร่ธาตุต่าง ๆ ในก้อนหิน ทำให้เกิดการกระเจิงของแสงแบบรามาน (Raman scattering) เมื่อใช้เครื่องมือนี้วิเคราะห์โมเลกุลของสารคนละชนิดกัน จะทำให้การกระเจิงแสงแบบรามานมีรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ทำให้มีลักษณะคล้ายกับเป็นลายนิ้วมือ (Fingerprint) ของสาร ส่งผลให้เราสามารถใช้ในการพิสูจน์เอกลักษณ์ของสารได้ นอกจากนั้นยังจำแนกประเภทของสารอินทรีย์และแร่ธาตุในหินเป็นกลุ่มต่าง ๆ ได้อีกด้วย
เนื่องจากภาพจาก SHERLOC เป็นสีขาว-ดำ ทำให้ WATSON ซึ่งมีชื่อเต็มว่า Wide Angle Topographic Sensor for Operations and eNgineering เข้ามาช่วยทำหน้าที่ถ่ายภาพสี แสดงลักษณะพื้นผิวของก้อนหิน สามารถให้ความละเอียดของภาพสูงสุดที่ 16 ไมโครเมตร (มีความสามารถในการแยกแยะจุดสองจุดที่ห่างกันที่ 16 ไมโครเมตรได้ ยิ่งค่าน้อย ยิ่งมีความละเอียดสูง)
เมื่อทำงานร่วมกัน SHERLOC และ WATSON จึงสามารถตามหาสัญญาณบ่งชี้ถึงสิ่งมีชีวิต (Biosignature) เช่น สารกลุ่มคาร์บอเนต ไนเตรต ฟอสเฟต ซัลเฟต เป็นต้น ในตัวอย่างได้
ข้อดีของ SHERLOC คือสามารถวิเคราะห์ตัวอย่างได้ โดยไม่ทำให้ตัวอย่างเสียหาย เพียงแค่ให้กล้องอยู่เหนือตัวอย่างแค่ 2 นิ้ว ทำให้ไม่เกิดการปนเปื้อนและทำลายหลักฐาน รวมทั้งตัวมันมีกล้องที่มีหน้าที่เปรียบเสมือนแว่นขยาย ทำให้มุมมองของภาพที่ได้เป็นแบบใกล้มาก ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เห็นลักษณะของหินได้ คล้ายคลึงกับการไขคดีของ Sherlock Holmes และ Dr. John H. Watson สองคู่หูจากนวนิยายชื่อดังที่ประพันธ์โดย Sir Arthur Conan Doyle นั่นเอง