2 มี.ค. 2021 เวลา 00:49 • หุ้น & เศรษฐกิจ
ลงทุน ETF กับ Jitta เทียบกับการลงทุนกองทุนเปิดต่างประเทศ แบบไหนดีกว่ากัน
ในช่วงนี้เกิดกระแสการตื่นตัวในการลงทุนกองทุนเปิดเป็นจำนวนมาก ทำให้คนเริ่มมองหาการลงทุนโดยตรงกับกองทุนต่างประเทศ หรือใน ETF เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า การลงทุนในกองทุนเปิดของไทย ซึ่งช่องทางหนึ่งที่คนนิยมกันมากที่สุดตอนนี้คือ "Jitta"
4
Jitta คือ ผู้ให้บริการในการลงทุนสินทรัพย์ต่างประเทศอย่าง ETF ผ่านระบบของ Jitta โดยปัจจุบันมี Theme ต่างๆให้เลือกถึง 13 Theme ในตลาดหุ้นและ Sector ต่างๆ ทั่วโลก
2
หากจะมาเทียบ ETF ที่ Jitta ลงทุนอยู่ใน Theme ต่างๆ กับกองทุนเปิดในตลาดตอนนี้ แบบไหนที่ให้ Performance ที่ดีกว่ากัน
เงื่อนไขการเปรียบเทียบ
1. การเปรียบเทียบจะใช้ ETF ที่ Jitta ลงทุนอยู่ เทียบกับ Master Fund ที่กองทุนลงทุนอยู่เป็นหลักในการเปรียบเทียบ เพื่อตัดเรื่องความแตกต่างด้านค่าธรรมเนียม
2. เปรียบเทียบเฉพาะกองทุนที่เป็น Feeder Fund หรือมีนโยบายลงทุนในกองทุน Master Fund เพียงกองเดียว เพื่อความยุติธรรมในการเปรียบเทียบ
3. กองทุนที่นำมาเปรียบเทียบ เป็นกองทุนที่ผมเห็นสมควรนำมาใช้เปรียบเทียบ ไม่ได้มีปัจจัยใดมาเป็นส่วนเกี่ยวข้อง และกองทุนอาจจะมีทั้งแบบ Active และ Passive
4. เปรียบเทียบจากปัจจัยเรื่อง Past Performance เป็นอันดับแรก (ซึ่งไม่สามารถรับรองผลตอบแทนในอนาคตได้) และปัจจัยอื่นๆ บ้างตามลำดับ
1
📌ตลาดหุ้นจีน
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : iShares MSCI China ETF (MCHI)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.59%
iShares MSCI China ETF ลงทุนอย่างน้อย 90% ในหุ้นประเทศจีน ตามดัชนี MSCI China Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในตลาดทุนจีน รวมทั้งสิ้น 700 กว่าหุ้น หรือประมาณ 85% ของหุ้นทั้งหมดในตลาดจีน ไม่ว่าจะเป็น A-Shares B-Shares H-Shares Red-Chips P-Chips หรือ US-ADR ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาด Nasdaq
----
⚖️ กองทุนเปิดตลาดหุ้นจีนที่นำมาเปรียบเทียบ
K-CHINA, KT-CHINA, TMBCOF
🔍 K-CHINA ลงทุนใน JPMorgan Funds - China Fund
🔍 KT-CHINA ลงทุนใน BlackRock Global Funds
🔍 TMBCOF ลงทุนใน UBS (Lux) Equity Fund - China Opportunity
กราฟเปรียบเทียบ iShares MSCI China ETF กับ Master Fund ของกองทุนจีนทั้ง 3 กอง จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
MCHI ของ Jitta = +45.19%
Master fund ของ K-CHINA = +61.82%
Master fund ของ KT-CHINA = +53.63%
Master fund ของ TMBCOF = +24.89%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Master Fund ของกองทุนไทยทั้ง 3 กอง ต่างมี Sharpe Ratio และ SD ที่ดีกว่ากองทุน MCHI ของ Jitta แทบทุกตัว
1
📍 ดังนั้นสำหรับการเลือกลงทุนในกองทุนจีน
กองทุนเปิดตลาดจีน K-China, KT-CHINA มีโอกาสทำผลงานได้ดีกว่า การลงทุนใน ETF ของ Jitta
ในขณะที่กองทุน TMBCOF จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนน้อยกว่า การลงทุนใน ETF ของ Jitta
2
📌ธุรกิจขายของออนไลน์ (E-Commerce)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : ProShares Online Retail ETF (ONLN)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.58%
roShares Online Retail ETF อ้างอิงดัชนี ProShares Online Retail Index® ที่สะท้อนภาพธุรกิจกลุ่มค้าปลีกรายใหญ่ทั่วโลก ที่มีรายได้หลักมาจากการค้าขายออนไลน์ ผ่านมือถือ หรือแอปพลิเคชัน โดยแต่ละบริษัทมีมูลค่าทางตลาด 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป และภายใน 6 เดือนมีปริมาณการซื้อขายหุ้นไม่ต่ำกว่า 1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เช่น Amazon Alibaba Ebay และ JD.com เป็นต้น
1
----
1
⚖️ กองทุนเปิดธุรกิจขายของออนไลน์ที่นำมาเปรียบเทียบ
ONE-GECOM, WE-OSHOP (ขณะนี้ใช้กองแม่เดียวกันกับ ONE-GECOM)
🔍 ONE-GECOM, WE-OSHOP ลงทุนใน Amplify Online Retail ETF (IBUY)
กราฟเปรียบเทียบ ProShares Online Retail ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดธุรกิจขายของออนไลน์ จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
ProShares Online Retail ETF ของ Jitta = 124.36%
Master fund ของ ONE-GECOM, WE-OSHOP = +141.66%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Sharpe Ratio ของ ProShares Online Retail ETF = 2.45
Sharpe Ratio ของ Amplify Online Retail ETF = 2.29
SD ของ ProShares Online Retail ETF = 36.17%
SD ของ Amplify Online Retail ETF = 43.43%
📍 ดังนั้นสำหรับการเลือกลงทุนในธุรกิจขายของออนไลน์ ของการลงทุนทั้ง 2 แบบ มีแนวโน้มใกล้เคียงกัน ONE-GECOM, WE-OSHOP อาจจะให้ผลตอบแทนมากกว่า แต่ก็มีความผันผวนมากกว่า ProShares Online Retail ETF ของ Jitta ซึ่งความผันผวนนี้มีแนวโน้มที่ทำให้การลงทุนทั้ง 2 ประเภท ทำผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกัน
1
📌ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (United States)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : Schwab U.S. Large-Cap ETF (SCHX)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.03%
Schwab U.S. Large-Cap ETF อ้างอิงดัชนี Dow Jones U.S. Large-Cap Total Stock Market Index ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นที่มีมูลค่าทางตลาดสูงที่สุดประมาณ 750 หุ้นของสหรัฐฯ ประกอบด้วยหุ้นจากหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรม อาทิ บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple Microsoft Amazon Facebook และ Google รวมไปถึง บริษัท Berkshire Hathaway บริษัท Johnson & Johnson บริษัท Tesla และบริษัท Visa เป็นต้น
----
⚖️ กองทุนเปิดตลาดหุ้นสหรัฐฯที่นำมาเปรียบเทียบ
K-USA, KF-US, SCBUS
🔍 K-USA, SCBUS ลงทุนใน Morgan Stanley Investment Funds
🔍 KF-US ลงทุนใน Baillie Gifford Worldwide US Equity Growth Fund
กราฟเปรียบเทียบ Schwab U.S. Large-Cap ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดตลาดหุ้นสหรัฐฯ จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
Schwab U.S. Large-Cap ETF ของ Jitta = +19.69%
Master fund ของ K-USA, SCBUS = +59.01%
Master fund ของ KF-US = +105.50%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
SD ของกองทุน ETF และ Master fund ของกองทุนมีขนาดใกล้เคียงกัน ประมาณ 26-28%
Sharpe Ratio ของ KF-US ทำได้ดีที่สุดอยู่ที่ +3.04 ขณะที่ ETF ของ Jitta ได้อยู่ +0.79
📍 เนื่องจากกองทุน ETF ที่ Jitta ลงทุนเป็นกองทุนดัชนี จึงทำให้ผลการดำเนินงานย้อนหลังเสียเปรียบกองทุน USA ทั้ง 3 กองทุนที่เป็น Active Fund อย่างมาก
หากนักลงทุนสนใจกองทุนที่ผลตอบแทนสูง และมีความเสี่ยงได้มาก ก็เหมาะสมกับกองทุนเปิดทั้ง 3 ตัว แต่หากใครที่ไม่ต้องการความเสี่ยงมาก การลงทุนกับ Jitta ถือเป็นกองทุนที่อ้างอิงตามดัชนี จึงมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่น้อยกว่า
📌 ตลาดหุ้นอินเดีย (India)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : WisdomTree India Earnings Fund ETF (EPI)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.84%
WisdomTree India Earnings Fund ETF ลงทุนอย่างน้อย 95% ตามดัชนี WisdomTree India Earnings Index ซึ่งเป็นตัวแทนของกว่า 300 บริษัททุกไซส์ทุกขนาด จากหลากหลายอุตสาหกรรม ที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอินเดีย โดยผลประกอบการของธุรกิจต้องเป็นบวก และเป็นหุ้นที่นักลงทุนต่างชาติยังสามารถซื้อขายได้
2
----
1
⚖️ กองทุนเปิดตลาดหุ้นอินเดียที่นำมาเปรียบเทียบ
B-BHARATA, KF-INDIA, ONE-INDIAOPP
🔍 B-BHARATA ลงทุนใน RAMS Equities Portfolio Fund India Equities Portfolio Fund
🔍 KF-INDIA ลงทุนใน FSSA Indian Subcontinent Fund Class
🔍 ONE-INDIAOPP ลงทุนใน PineBridge Global Funds
1
กราฟเปรียบเทียบ WisdomTree India Earnings Fund ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดตลาดหุ้นอินเดีย จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
WisdomTree India Earnings Fund ของ Jitta = +18.37%
Master fund ของ B-BHARATA = +11.01%
Master fund ของ KF-INDIA = +6.05%
Master fund ของ ONE-INDIAOPP = +15.53%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
1
Sharpe Ratio
WisdomTree India Earnings Fund ของ Jitta = +0.61
Master fund ของ B-BHARATA = +0.31
Master fund ของ KF-INDIA = +0.33
Master fund ของ ONE-INDIAOPP = +0.68
SD
WisdomTree India Earnings Fund ของ Jitta = 41.02%
Master fund ของ B-BHARATA = 34.14%
Master fund ของ KF-INDIA = 29.91%
Master fund ของ ONE-INDIAOPP = 26.37%
2
📍 ดังนั้นสำหรับการเลือกลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย
การเลือกลงทุนกับทาง Jitta มีโอกาสให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า การลงทุนในกองทุนเปิดอินเดีย
📌 เทคโนโลยี (Technology)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : iShares Exponential Technologies ETF (XT)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.47%
iShares Exponential Technologies ETF อ้างอิงดัชนี Morningstar® Exponential Technologies IndexSM ซึ่งเป็นตัวแทน 198 บริษัททั่วโลกที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเปลี่ยนแปลงสังคมในวงกว้าง ได้แก่ Big Data เทคโนโลยีนาโน แพทยศาสตร์และประสาทวิทยาศาสตร์ ระบบคอมพิวเตอร์และเครือข่าย ระบบสิ่งแวดล้อมและพลังงาน หุ่นยนต์ การพิมพ์ 3 มิติ ชีวสารสนเทศศาสตร์ และนวัตกรรมทางการเงิน
----
⚖️ กองทุนเปิดเทคโนโลยีที่นำมาเปรียบเทียบ
TMB-ES-GINNO, T-NEXTGEN, B-GTO
🔍 TMB-ES-GINNO ลงทุนใน Nikko AM ARK Disruptive Innovation Fund
🔍 T-NEXTGEN ลงทุนใน ARK Next Generation Internet ETF
🔍 B-GTO ลงทุนใน Wellington Global Innovation Fund
กราฟเปรียบเทียบ iShares Exponential Technologies ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดเทคโนโลยี จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
iShares Exponential Technologies ของ Jitta = +38.25%
Master fund ของ TMB-ES-GINNO = +123.75%
Master fund ของ T-NEXTGEN = +154.61%
Master fund ของ B-GTO = +42.14%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Sharpe Ratio
iShares Exponential Technologies ของ Jitta = +1.41
Master fund ของ TMB-ES-GINNO = +2.88
Master fund ของ T-NEXTGEN = +2.60
Master fund ของ B-GTO = +1.81
SD
iShares Exponential Technologies ของ Jitta = 25.13%
Master fund ของ TMB-ES-GINNO = 35.47%
Master fund ของ T-NEXTGEN = 40.05%
Master fund ของ B-GTO = 21.56%
1
📍 สำหรับการเปรียบเทียบกองทุนเปิด กับกองทุน ETF ที่ Jitta ลงทุนอยู่ สำหรับธีมเทคโนโลยี กองทุนเปิดทั้ง TMB-ES-GINNO และ T-NEXTGEN ที่ยกมา ล้วนได้เปรียบกว่ากองทุน ETF เนื่องจากเป็นกองทุน Active ที่ลงทุนในหุ้น Growth จึงทำให้ผลตอบแทนสูงมากๆ ในปีที่ผ่านมา
2
ส่วนกองทุน B-GTO มีความใกล้เคียงกับกองทุน ETF ของ Jitta มากกว่า ซึ่งผลตอบแทนไม่แตกต่างกันมาก เมื่อหักลบกับค่าธรรมเนียมที่ต้องเสียให้กับกองทุนเปิด
1
ดังนั้นสำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนให้หุ้น Growth และรับความเสี่ยง ความผันผวนได้สูง แนะนำให้ลงทุนในกองทุนเทคโนโลยี จะมีโอกาสได้ผลตอบแทนที่ดีกว่ากองทุน ETF ของ Jitta
📌 ธุรกิจสุขภาพ (Healthcare)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : iShares Global Healthcare ETF (IXJ)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.46%
iShares Global Healthcare ETF อ้างอิงดัชนี S&P Global 1200 Health Care Index ที่เป็นตัวแทนของ 108 บริษัททั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ ในธุรกิจเภสัชกรรม เทคโนโลยีชีวภาพและเครื่องมือการแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก เช่น บริษัท Johnson & Johnson บริษัท Pfizer และบริษัท Novartis
1
----
⚖️ กองทุนเปิดธุรกิจสุขภาพที่นำมาเปรียบเทียบ
BCARE, K-GHEALTH, TGHDIGI
1
🔍 BCARE ลงทุนใน Wellington Global Health Care Equity Fund
🔍 K-GHEALTH ลงทุนใน JPMorgan Funds - Global Healthcare Fund
🔍 TGHDIGI ลงทุนใน CS Investment Funds 2
กราฟเปรียบเทียบ iShares Global Healthcare ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดธุรกิจสุขภาพ จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
1
iShares Global Healthcare ETF ของ Jitta = +14.79%
Master fund ของ BCARE = +16.86%
Master fund ของ K-GHEALTH = +14.59%
Master fund ของ TGHDIGI = +73.02%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Sharpe Ratio
iShares Global Healthcare ETF ของ Jitta = +0.81
Master fund ของ BCARE = +1.36
Master fund ของ K-GHEALTH = +1.34
Master fund ของ TGHDIGI = +3.11
SD
iShares Global Healthcare ETF ของ Jitta = 18.75%
Master fund ของ BCARE = +16.02%
Master fund ของ K-GHEALTH = 16.07%
Master fund ของ TGHDIGI = 22.03%
📍 สำหรับธุรกิจกลุ่ม Healthcare หากเปรียบเทียบในส่วนของกองทุนที่มีความใกล้เคียงกับ ETF ของ Jitta คือ BCARE และ K-GHEALTH จะมีผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกัน เพียงแต่ค่าธรรมเนียมของทาง Jitta รวมแล้วจะต่ำกว่าค่าธรรมเนียมของกองทุนเปิด ดังนั้นการลงทุนใน ETF ของ Jitta จะดีกว่า
ส่วน TGHDIGI จะเป็นกองทุน Active ที่มีนโยบายการลงทุนผสมผสานระหว่าง Healthcare และ Digital จึงทำให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนเปิด หรือ ETF
1
📌 AI และ หุ่นยนต์ (AI & Robotics)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : iShares Robotics and Artificial Intelligence Multisector ETF (IRBO)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.47%
iShares Robotics and Artificial Intelligence Multisector ETF อ้างอิงดัชนี NYSE FactSet Global Robotics and Artificial Intelligence Index เน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ 101 หุ้น ที่ได้ประโยชน์จากการเติบโตระยะยาวของนวัตกรรมหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์ ทั้งในตลาดประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่ แต่ละหุ้นมีมูลค่าตลาด 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขึ้นไป และปริมาณการซื้อขายหุ้นเฉลี่ย 3 เดือนไม่ต่ำกว่า 2 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
----
⚖️ กองทุนเปิดAI และ หุ่นยนต์ที่นำมาเปรียบเทียบ
-
ปัจจุบันยังไม่มีกองทุนเปิดในไทย กองทุนใดที่ลงทุนใน Master Fund Theme AI และหุ่นยนต์ เพียง 1 กองทุน และมากกว่า 80% ของพอร์ตทั้งหมด
แต่ยังมีกองทุนเปิดใน Theme AI และ หุ่นยนต์ ที่เป็นลักษณะ Fund of Fund มีการลงทุนในกองทุนมากว่า 2 กองขึ้นไป ได้แก่
1
KT-WTAI ผลการดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี = +80.36%
SCBROBO ผลการดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี = +40.58%
ASP-ROBOT ผลการดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี = +61.28%
📌 ระบบคลาวด์ (Cloud Computing)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : WisdomTree Cloud Computing Fund (WCLD)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.45%
WisdomTree Cloud Computing Fund ติดตามดัชนี BVP Nasdaq Emerging Cloud Index เพื่อรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเติบโตสูงอย่างคลาวด์คอมพิวเตอร์ ครอบคลุมธุรกิจ Software as a Service (SaaS) Platform as a Service (PaaS) และ Infrastructure as a Service (IaaS) ที่รายได้หลักมาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ เช่น Zoom DocuSign และ Shopify
----
⚖️ กองทุนเปิดระบบคลาวด์ที่นำมาเปรียบเทียบ
T-CLOUD, PRINCIPAL GCLOUD
🔍 T-CLOUD ลงทุนใน Global X Cloud Computing ETF (CLOU)
🔍 PRINCIPAL GCLOUD ลงทุนใน WisdomTree Cloud Computing Fund (WCLD)
กราฟเปรียบเทียบ WisdomTree Cloud Computing Fund กับ Master Fund ของกองทุนเปิดระบบคลาวด์ จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
WisdomTree Cloud Computing Fund ของ Jitta = +92.40%
Master fund ของ T-CLOUD = +61.28%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Sharpe Ratio
WisdomTree Cloud Computing Fund ของ Jitta = +1.95
Master fund ของ T-CLOUD = +1.78
SD
WisdomTree Cloud Computing Fund ของ Jitta = 37.43%
Master fund ของ T-CLOUD = 29.22%
📍 สำหรับธุรกิจกลุ่ม Cloud Computing การลงทุน ETF กับทาง Jitta มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนในกองทุนเปิด
📌 เกมส์ และ อีสปอร์ต (Games & Esports)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : Global X Video Games & E-sports ETF (HERO)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.50%
Global X Video Games & E-sports ETF อ้างอิงดัชนี Solactive Video Games & Esports Index สะท้อนการเติบโตของ 40 หุ้นในวงการเกมและ e-sports ไม่ว่าจะเป็นบริษัทพัฒนาและจัดทำเกม บริษัทที่มีส่วนร่วมในการ streaming และเผยแพร่เนื้อหาเกมหรือการแข่งขัน e-sports บริษัทที่ผลิตอุปกรณ์สำหรับการแข่งขัน e-sports รวมไปถึงบริษัทที่เป็นเจ้าของหรือจัดการแข่งขันระหว่างทีม e-sports ต่างๆ
1
----
⚖️ กองทุนเปิดเกมส์ และ อีสปอร์ตที่นำมาเปรียบเทียบ
LHESPORT, WE-PLAY
🔍 LHESPORT, WE-PLAY ลงทุนใน VanEck Vectors® Video Gaming and eSports ETF (ESPO)
กราฟเปรียบเทียบ Global X Video Games & E-sports ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดเกมส์ และ อีสปอร์ต จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
Global X Video Games & E-sports ETF ของ Jitta = +94.57%
Master fund ของ LHESPORT, WE-PLAY = +88.31%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
กองทุนทั้งสอง มี Sharpe Ratio และ SD ใกล้เคียงกัน
📍 การลงทุนในธีมเกมส์ และ อีสปอร์ต Jitta มีความน่าสนใจกว่า ในแง่ของ Past Performance และค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่า
1
📌 เทคโนโลยีทางการเงิน (FinTech)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : Global X FinTech ETF (FINX)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.68%
Global X FinTech ETF เน้นลงทุนในบริษัทที่เป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีทางการเงินทั่วโลก ตามดัชนี Indxx Global FinTech Thematic Index ครอบคลุม 33 หุ้นในกลุ่มธุรกิจ อาทิ ประกัน ลงทุนระดมทุน สินเชื่อที่พัฒนาเทคโนโลยีทางการเงินอย่าง เช่น Blockchain Cryptocurrency และ การบริหารความมั่งคั่งแบบอัตโนมัติ (automated wealth management)
1
----
1
⚖️ กองทุนเปิดเทคโนโลยีทางการเงินที่นำมาเปรียบเทียบ
MFTECH
(กองทุนยังไม่มีความแน่ชัดในเรื่องสัดส่วนการลงทุนในกองทุน Master Fund ซึ่งมีโอกาสสูงที่กองทุนจะลงทุน Master Fund อย่างน้อย 2 กองทุนขึ้นไป)
1
🔍 MFTECH ลงทุนใน ARK Fintech Innovation ETF (ARKF)
กราฟเปรียบเทียบ Global X FinTech ETF กับ Master Fund ของกองทุนเปิดเทคโนโลยีทางการเงิน จากเว็บ Financial Times
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
Global X FinTech ETF ของ Jitta = +40.94%
Master fund ของ MFTECH = +106.83%
หากเปรียบเทียบ Sharpe Ratio และ SD ของกองทุนพบว่า
Sharpe Ratio
Global X FinTech ETF ของ Jitta = +1.08
Master fund ของ MFTECH = 38.39%
SD
Global X FinTech ETF ของ Jitta = +2.29
Master fund ของ MFTECH = 34.99%
📍 สำหรับกองทุนเปิด MFTECH ที่ลงทุนใน Master Fund ARKF มีความเสี่ยงที่สูงมาก จึงทำให้ผลตอบแทนของกองทุนสูงตาม ดังนั้นหากคุณสามารถรับความเสี่ยงได้ กองทุนเปิด MFTECH มีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่า การลงทุนใน ETF ของ Jitta
📌 เทคโนโลยีจีน (China Tech)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : Invesco China Technology ETF (CQQQ)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.70%
Invesco China Technology ETF เน้นลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีสัญชาติจีน โดยอิงกับดัชนี FTSE China Incl A 25% Technology Capped Index ครอบคลุม 101 บริษัทชั้นนำของจีน ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Information Technology อย่าง บริษัท Tencent บริษัท Meituan บริษัท Baidu และบริษัท Sunny Optical Technology Group เป็นต้น
----
⚖️ กองทุนเปิดเทคโนโลยีจีนที่นำมาเปรียบเทียบ
TCHTECH, BCAP-CTECH
🔍 TCHTECH ลงทุนใน Invesco China Technology ETF
🔍 BCAP-CTECH ลงทุนใน Invesco China Technology ETF (CQQQ US) และ
KraneShares CSI China Internet ETF
📍 เนื่องจากนโยบายการลงทุนของกองทุนเปิดเทคโนโลยีจีน ของทั้ง 2 กองทุน ล้วนแล้วแต่มีการลงทุนใน Invesco China Technology ETF ซึ่งเป็น ETF ที่ Jitta ลงทุนอยู่ ดังนั้น การลงทุนกับทาง Jitta จะได้รับประโยชน์มากกว่าในแง่ของค่าธรรมเนียม
📌 กัญชา (Cannabis)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : ETFMG Alternative Harvest ETF (MJ)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.75%
ETFMG Alternative Harvest ETF เน้นลงทุนในบริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมการเพาะปลูกและแปรรูปกัญชา โดยอิงกับดัชนี Prime Alternative Harvest Index ปัจจุบันลงทุนในบริษัทกัญชา 40 บริษัททั่วโลก เช่น บริษัท Canopy Growth บริษัท Aurora Cannabis เป็นต้น โดย 90% ของเงินลงทุนจะอยู่ในประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา และ อังกฤษ
----
⚖️ กองทุนเปิดกัญชาที่นำมาเปรียบเทียบ
ไม่มีกองทุนไทยที่ลงทุนในกัญชา
📌 ตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam)
👉🏻 ETF ที่ JITTA ลงทุน : VanEck Vectors Vietnam ETF (VNM)
📃 ค่าธรรมเนียมกองทุน - 0.66%
VanEck Vectors Vietnam ETF อ้างอิงดัชนี MVIS Vietnam Index เน้นลงทุนใน 28 บริษัทที่มีมูลค่าทางตลาดอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งที่จดทะเบียนในประเทศเวียดนาม หรือจดทะเบียนต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน และญี่ปุ่น แต่มีสินทรัพย์หรือสร้างรายได้อย่างน้อย 50% ในประเทศเวียดนาม
----
⚖️ กองทุนเปิดตลาดหุ้นเวียดนามที่นำมาเปรียบเทียบ
ปัจจุบันยังไม่มีกองทุนเปิดในไทย กองทุนใดที่ลงทุนใน Master Fund Theme ตลาดหุ้นเวียดนาม เพียง 1 กองทุน และมากกว่า 80% ของพอร์ตทั้งหมด
แต่ยังมีกองทุนเปิดใน Theme ตลาดหุ้นเวียดนาม ที่เป็นลักษณะ Fund of Fund มีการลงทุนในกองทุนมากว่า 2 กองขึ้นไป หรือมีการลงทุนถือหุ้นเองเพื่อสร้าง Exposure เช่น
PRINCIPAL VNEQ, ASP-VIET, KF-VIET
เทียบผลดำเนินการย้อนหลัง 1 ปี
VanEck Vectors Vietnam ETF ของ Jitta = +13.56%
PRINCIPAL VNEQ = +40.17%
ASP-VIET = +31.97%
KF-VIET = +27.61%
📍 สรุปการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม การลงทุนในกองทุนเปิดที่มีนโยบายการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ดูมีแนวโน้มในการสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าการลงทุนใน ETF ของ Jitta
สรุป ธีมที่ Jitta ทำได้ดีกว่าหรือมีความใกล้เคียงกับกองทุนเปิด ได้แก่
- ธุรกิจขายของออนไลน์ (E-Commerce)
- ตลาดหุ้นอินเดีย (India)
- ธุรกิจสุขภาพ (Healthcare)
- ระบบคลาวด์ (Cloud Computing)
- เกมส์ และ อีสปอร์ต (Games & Esports)
- เทคโนโลยีจีน (China Tech)
- กัญชา (Cannabis)
1
ในด้านการแข่งขันด้านผลประกอบการ Jitta จะเสียเปรียบกองทุนประเภท Active บางกองทุน และกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนในหุ้น Growth เนื่องจาก การลงทุนของ Jitta จะเลือกลงทุนใน ETF ที่อ้างอิงกับ Index ในธีมนั้นเป็นส่วนใหญ่ ข้อดีคือแนวโน้มผลประกอบการจะไม่แตกต่างกับสภาพเศรษฐกิจในธีมนั้นๆ แต่ข้อเสียคือผลการดำเนินงานอาจจะสู้กับกองทุน Active ได้เท่าที่ควร
ดังนั้นการเลือกลงทุนอาจจะต้องใช้เรื่องความเสี่ยงที่คุณสามารถรับได้เป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจ
Jitta จะมีความได้เปรียบกองทุนเปิดทั่วไป ตรงที่ค่าธรรมเนียมในการบริหารที่ต่ำกว่ากองทุน ซึ่งเก็บอยู่โดยเฉลี่ยไม่ถึง 1% ในขณะที่กองทุนทั่วไปที่ลงทุนในต่างประเทศส่วนใหญ่จะมีค่าธรรมเนียมในการบริหารตั้งแต่ 1.2 - 1.8% ต่อปี
หากมีการลงทุนในระยะยาว ค่าธรรมเนียมในการบริหารที่ถูกหักต่อปี ย่อมส่งผลถึงผลตอบแทนที่นักลงทุนควรจะได้ จะลดลงไปมาก ดูจากตัวอย่างระหว่าง 2 กองทุนที่มีค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันได้
ผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ที่เงินเริ่มต้นเท่ากัน ภาพจาก Investor.gov
ในด้านการลงทุนกับทาง Jitta ยังมีสิ่งที่ต้องคำนึง เช่น การโอนเงินไป/กลับ, ค่าภาษีในการนำเงินกลับประเทศ, อัตราแลกเปลี่ยนเงิน เป็นต้น ดังนั้นผู้ที่ต้องการลงทุนควรศึกษาสิ่งเหล่านี้ให้ดีก่อน และเปรียบเทียบกับการลงทุนกับกองทุนเปิดทั่วไปในไทย
1
ชี้เป้าการลงทุน เปิดช่องทางใหม่ สามารถติดตามและพูดคุยเพิ่มเติมกันได้ที่
โฆษณา