28 ก.พ. 2021 เวลา 09:26 • ท่องเที่ยว
อินเดียในใจฉัน
วันที่สาม ในพาราณสี
ฉันเดินทางออกจากที่พักในเย็นวันที่สองไปขึ้นรถไฟที่สถานี Howrah ผู้คนพลุกพล่านมากๆ ตั๋วรถไฟนั้นซื้อทางออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ทางการของการรถไฟอินเดียตั้งแต่อยู่ไทย ปัญหาที่ฉันเจอจากการซื้อตั๋วรถไฟออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตคือบัตรเครดิตที่ใช้จ่ายนั้นโดนแฮคข้อมูลไปถึงสามใบ เป็นสิ่งที่กังวลมาก โชคดีที่ธนาคารตรวจสอบได้รวดเร็วหลังจากมีการทำธุรกรรมในต่างประเทศ
ตั๋วที่จองไว้เป็นชั้นสามตู้แอร์ จาก Kolkata ไป Varanasi ระยะทาง 680 กม. ก่อนขบวนรถไฟจะออกผู้โดยสารจะต้องไปเช็คชื่อและที่นั่งบนบอร์ดก่อน ซึ่งฉันได้เช็คจากแอปของทางการรถไฟแล้ว
รถไฟเตียงนอนสามชั้น
ส่วนใหญ่ฉันจะจองตั๋วเพื่อเดินทางตอนกลางคืนเพื่อเป็นการประหยัดค่าหัองพักด้วย เว้นแต่เมืองที่อยู่ไม่ไกลกันมากจะจองตั๋วเที่ยวเช้า
เมื่อถึงสถานีพาราณสีฉันใช้บริการ Uber เพื่อให้ไปส่งในเมือง ห้องพักที่จองไว้อยู่ใกล้กับแม่น้ำ ตอนที่เดินตาม GPS เพื่อเข้าที่พักนั้น ระหว่างทางฉันรู้สึกว่าบรรยากาศระแวกนั้นไม่ค่อยน่าพิสมัยสักเท่าไหร่ มีอึมากมายระหว่างทาง ซึ่งพอจะเดาออกได้ว่าเป็น อึวัว อึหมา หรืออาจจะอึลิง ทางเดินเป็นตรอกแคบๆ แล้วก็ถึงที่พัก จากนั้นก็เดินไปหาของกินซึ่งมีตลาดอยู่ใกล้ๆ
แม่น้ำคงคา
ที่นี่มีทัวร์วัดด้วยแต่ฉันไม่ได้เข้าไปเพราะไม่ได้สนใจอะไรมาก ราคาทัวร์ก็สูงอยู่ ก็ได้แต่เพียงเดินเข้าไปในตลาดที่ใกล้กับวัด Kashi Viswanath ซึ่งเป็นวัดฮินดู คนเข้าวัดเยอะมากยืนต่อแถวกันยาวเหยียด ประวัตินี้น่าสนใจเพราะวัดฮินดูนี้ถูกสร้างทับด้วยมัสยิดของมุสลิมเพื่อเป็นการต่อต้านศาสนาฮินดู
มัสยิด Gyanvapi ที่สร้างทับบนพื้นที่เก่าของวัดฮินดู
ฉันใช้เวลาเดินสำรวจพื้นที่ตรงนี้พอสมควรก็เดินกลับไปที่ริมน้ำ เพื่อที่จะไปดูจุดที่ฉันสนใจที่สุดของแม่น้ำคงคา และนี่คือเหตุผลที่ฉันอยากมาพาราณสี คือ การได้เห็นการเผาศพริมน้ำของคนฮินดู จุดตรงนั้นเรียกว่า Manikarnika Ghat มีคนต่างชาติมากมายที่ยืนดูตรงนั้นเป็นระยะเวลานาน บางคนยืนตั้งแต่เริ่มเผาร่างจนร่างนั้นมอดไหม้จนหมด พื้นที่บริเวณนี้ห้ามถ่ายรูป และจะอนุญาตให้ผู้เกี่ยวข้องเข้าไป แต่ฉันก็เห็นนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ แม้กระทั่งมีทัวร์ การได้เห็นศพกำลังถูกเผาก็ไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นสำหรับฉันเท่าไหร่ อาจจะเพราะยืนอยู่ไกล และมีไกด์ท้องถิ่นพยายามมาเล่าให้ฉันฟัง มันก็ดีที่ได้รับความรู้แต่การที่เขาเดินตามติดมันก็ทำให้ฉันรู้สึกกลัว ด้วยระบบของคนฮินดูนั้นแบ่งชนชั้น คนชนชั้นสูงศพจะถูกเผาบนอาคารที่อยู่ใกล้ๆ และใกล้กับเชิงตะกอนจะมีวัวถูกล่ามอยู่ ฉันค่อนข้างเห็นใจวัวที่ต้องอยู่ในที่ร้อนๆ ทั้งวัน
1
โยคีที่เคยได้เห็นกันบ่อยๆ
การเผาศพที่นี่ทุกคนจะต้องซื้อฟืน ฉันได้ยินจากไกด์ท้องถิ่นมาว่าราคาค่อนข้างสูง ระหว่างทางริมน้ำก็จะเห็นคนขายฟืน คนที่ยากจนจะมีมูลนิธิที่รับบริจาคเพื่อซื้อฟืนเผาศพให้ ไม่ไกลจากจุดเผาศพจะมีอาคารที่เป็นที่พักพิงสำหรับคนที่ชีวิตใกล้จะดับ จากที่ฉันเคยดูในสารคดี ซึ่งส่วนใหญ่ที่พักจะเป็นคนจน ญาติพี่น้องจะมาช่วยดูแลจนจากลากันไป แล้วก็นำร่างไปเผาด้านล่าง
ในแต่ละวันจะมีเผาศพประมาณ 30-35 ร่าง
พูดถึงการอาบน้ำในแม่น้ำนั้น ในขณะที่เขาเอาชิ้นส่วนศพไปโยนใส่ในน้ำนั้น ก็มีหลายคนลงไปอาบว่ายน้ำใกล้ๆ กันนั้น (เท่าที่ฉันทราบมาจากไกด์ท้องถิ่นที่พยายามมาคุยกับฉันเขาบอกมาว่า ศพคนพวกนี้จะเป็นพวกนักบวช หลังจากร่างไหม้แล้วเขาจะเอาชิ้นส่วนของศพมาโยนลงน้ำ)
ฉันเดินดูจนเย็นก็ได้เวลากลับไปที่พักเพื่อเช็คดูห้องและชาร์ตแบตโทรศัพท์ แต่ปลั๊กเสียบไฟที่นี่ใช้ถึง 5 รู ฉันต้องไปเดินหาซื้อ adaptor ในวันถัดไป
1
จุดขายฟืน มีขายตลอดทางริมน้ำที่ไม่ไกลจากจุดเผาศพ
ในตอนเย็นวันนั้นมีพิธีกรรมริมแม่น้ำคงคา ฉันไปนั่งเฝ้าจองที่ตั้งแต่เย็น จนเริ่มพิธี มาคนมาร่วมเยอะมาก แต่พอเริ่มได้ไม่นานฝนก็ตกแรงมากเลย อากาศก็เย็นอยู่แล้ว ร่มก็ไม่ได้พกไป ต้องเอาเก้าอี้พลาสติกที่ใช้นั่งคลุมหัวแทน พิธีกรรมก็ยังดำเนินต่อแต่ฉันกลัวจะไม่สบายเลยต้องรีบกลับที่พัก น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
พิธีกรรมริมน้ำ
วันที่สี่ ในพาราณสี
ฉันรีบตื่นแต่เช้าเพื่อจะไปเดินดูชีวิตริมน้ำคงคา เห็นผู้คนมาอาบน้ำแต่งตัวกันเต็มไปหมด มีซุ้มไว้ให้คนแต่งตัว กระจก หวี มีห้องน้ำ ห้องส้วม ฉันได้เห็นว่าน้ำตรงนั้นมันไหลลงไปในแม่น้ำแล้วกลิ่นน้ำนั้นก็เหม็นชัดเจนเลยว่าคือกลิ่นฉี่ ถึงแม้จะขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน สิ่งที่ฉันทำได้แค่เอามือไปแกว่งๆ น้ำ เพราะไหนๆ ฉันก็มาถึงแล้ว
สำหรับนักท่องเที่ยวแล้ว ที่นี่มีบริการเรือล่องไปในแม่น้ำเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศในตอนเช้าตรู่
ตอนเช้าริมแม่น้ำคงคา
หลังจากนั้นก็เดินไปหาของกิน อาหารที่ฉันสั่งกินส่วนใหญ่ก็ไปแอบดูว่าคนส่วนใหญ่เขากินอะไรกันแล้วก็ชี้นิ้วสั่งเอาว่าต้องการแบบนี้ ที่สั่งกินบ่อยๆ คือชาและโยเกิร์ต รวมถึงเครื่องดื่มผลไม้ ชอบมาก มันอร่อยจริงๆ
ฉันไม่เคยศึกษาเรื่องอาหารอินเดียเลย ส่วนใหญ่จะก็กินแบบเดิมๆ
หลังจากกินข้าวแล้วก็เดินดูเมืองเพื่อหาซื้อ adaptor ช่วงที่อยู่พาราณสีนั้น การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่าเริ่มเป็นข่าวใหญ่ในอินเดีย ฉันโดนคนท้องถิ่นบางคนรังเกียจและบางคนเรียกฉันว่าโคโรน่าไวรัส มันก็แค่ส่วนน้อยแต่ก็รู้สึกแย่อยู่เหมือนกัน ซึ่งก็เข้าใจเพราะเขาบอกว่าฉันเหมือนคนจีน มันก็เป็นความรู้สึกแย่ๆ อย่างนึงในทริปนี้
มีคนใจดียื่นให้ฉันชิม รสชาติเหมือนแตงกวาอ่อน
และแล้วก็ถึงคราวที่ฉันต้องลาจากพาราณสีเพื่อไปยังจุดหมายต่อไป ฉันใช้บริการ Uber เหมือนเดิม แต่คราวนี้ต้องไปขึ้นรถไฟอีกสถานี ช่วงที่รอก็ซื้อขนมที่เป็นร้านสวัสดิการของการรถไฟ ในราคาที่เป็นมิตร หลังจากที่ฉันขึ้นไปนั่งนั้น เจอคุณยายที่นั่งตรงข้าม เขาคงเอ็นดูฉัน เทขนมใส่มือยื่นส่งให้ฉันซะมากมาย
สถานีรถไฟพาราณสี
รถไฟขบวนนี้คนจองเยอะแล้วที่นั่งฉันก็ไม่ยืนยัน คือฉันต้องรอวินาทีสุดท้ายว่าจะต้องไปแชร์ที่นั่งกับใคร คืออาจจะต้องเปลี่ยนที่นั่งหลายครั้งกว่าจะถึงปลายทาง
แล้วเจอกันในวันถัดไปที่นิวเดลี...
โฆษณา