28 ก.พ. 2021 เวลา 11:05 • กีฬา
คนที่เริ่มต้นจากศูนย์ ครอบครัวยากจนยิ่งกว่าติดลบ ทำอย่างไรถึงปั้นลูกชายให้โด่งดังจนกลายเป็นสตาร์ของโลกได้ นี่คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับมาเรีย โดโลเรส คุณแม่ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้
2
มาเรีย โดโลเรส ชาวเกาะมาเดยร่า ดินแดนโพ้นทะเลของประเทศโปรตุเกส เธอเกิดในวันส่งท้ายปี 31 ธันวาคม 1954 แต่จะเกิดวันไหน ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกัน เพราะวันเกิดเธอแต่ละปี ไม่เคยมีความหมายอะไรสำหรับคนอื่นอยู่แล้ว
คุณพ่อของมาเรีย ชื่อโชเซ่ ส่วนคุณแม่ชื่อมาทิลด์ สองสามี-ภรรยา เป็นกลุ่มครอบครัวที่ยากจนที่สุดในเมือง ต้องอาศัยอยู่ในสลัม แต่โชเซ่ กับมาทิลด์ ก็ไม่ได้คิดจะคุมกำเนิดแต่อย่างใด พวกเขามีลูก 4 คน โดยมาเรียเป็นคนโต
ในปี 1960 ตอนที่มาเรียอายุ 5 ขวบ คุณแม่มาทิลด์ เสียชีวิตจากโรคหัวใจล้มเหลว ทำให้เธอเหลือแต่คุณพ่อคนเดียว แต่ปัญหาคือคุณพ่อก็เป็นคนไม่เอาอ่าวเท่าไหร่ แค่ตัวเอง ยังเอาตัวรอดไม่ได้เลย ทำให้โชเซ่ ส่งลูกๆทั้ง 4 คน ไปที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าของเอกชน
สถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ก็แลดูไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะเด็กๆทั้ง 4 คน จะบอกว่ากำพร้าก็ไม่เชิง ก็พวกเขายังมีพ่ออยู่ไมใช่หรือ? แต่สุดท้ายก็รับมาดูแลไปก่อน โดยพี่น้อง 4 คน แยกย้ายไปอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าคนละแห่ง
2
มาเรีย โดโลเรส ในวัย 5 ขวบ ต้องเจอความเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง ต้องมาอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่ก็ไม่อยู่ ต้องแยกจากกับน้องๆ เธอจึงเกิดความสับสนในใจเป็นอย่างมาก แต่ก็กล้ำกลืนให้ผ่านไปในแต่ละวัน
หลังจากมาทิลด์เสียชีวิต โชเซ่ก็มีคนใหม่อย่างรวดเร็ว เขาแต่งงานกับอังเจล่า แม่ม่ายซึ่งมีฐานะยากจนใกล้เคียงกัน โดยอังเจล่า มีลูกติดของตัวเอง 5 คน และกำลังตั้งครรภ์คนที่ 6 กับโชเซ่อยู่
1
มาเรีย อยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้ 4 ปี จนเธออายุ 9 ขวบ สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ายื่นคำขาดไปที่โชเซ่ ว่าต้องรับลูกของตัวเองกลับไปดูแล ไม่อย่างนั้นจะดำเนินคดีทางกฎหมาย นั่นทำให้โชเซ่ ต้องรับมาเรียมาดูแลอย่างเสียไม่ได้
1
บ้านของโชเซ่ กับ อังเจล่า ไม่มีไฟฟ้า ไม่มีประปา ในบ้านหลังเล็กๆ มีคน 12 คน อาศัยรวมกัน ได้แก่ โชเซ่, อังเจล่า, ลูกฝั่งโชเซ่ 4 คน, ลูกฝั่งอังเจล่า 5 คน และลูกของโชเซ่กับอังเจล่าอีก 1 คน ซึ่งทั้ง 12 คนก็แออัดกันอยู่ในบ้านแคบๆ
3
อังเจล่า เป็นพวกชอบใช้ความรุนแรง เมื่อเด็กๆ โดยเฉพาะฝั่งลูกของโชเซ่ ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจก็จะทำร้ายร่างกาย ครั้งหนึ่งมาเรียเคยถูกเอาเชือกมัดมืดไว้กับขาโต๊ะกินข้าวมาแล้ว
3
มาเรียกำลังจะเป็นบ้า บ้านที่อยู่ก็เหมือนนรกดีๆนี่เอง เธอจึงคิดฆ่าตัวตาย แต่ไม่ตาย นั่นทำให้ คุณพ่อโชเซ่ต้องพามาเรียไปโรงพยาบาลจิตเวช เพื่อถามหมอว่าลูกของตัวเองมีอาการผิดปกติทางสมองหรือเปล่า ทำไมถึงคิดฆ่าตัวตาย แต่แพทย์บอกว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็ก แต่ปัญหาอยู่ที่สิ่งแวดล้อมที่มาเรียต้องเผชิญต่างหาก
4
มาเรียเมื่อฆ่าตัวตายแล้วไม่ตาย เธอก็ก้มหน้าก้มตาใช้ชีวิตไป พออายุ 13 พ่อสั่งให้เธอลาออกจากโรงเรียน มาช่วยทำมาหากินเลี้ยงครอบครัว ซึ่งกับเด็ก 13 จะไปมีความรู้อะไรได้ เธอจึงรับจ๊อบเป็นแรงงาน คอยเก็บเกี่ยวพืชผลของไร่ผลไม้ ซึ่งก็เป็นค่าแรงขั้นต่ำ ทุกวันเธอต้องตื่น 05.30 น. และทำงาน 6 วันต่อสัปดาห์
3
เธอทำงานแบบเดิมซ้ำๆ อยู่ 5 ปี จนในวัย 18 ปี เธอก็ได้เจอสิ่งดีๆในชีวิตเป็นครั้งแรก นั่นคือผู้ชายนิสัยน่ารัก ที่ชื่อ โชเซ่ ดินิส อเวโร่
2
โชเซ่ ดินิส เป็นคนขายปลาในเมือง เขาอายุมากกว่ามาเรีย 2 ปี ทั้งคู่เจอกันโดยบังเอิญตอนที่มาเรียไปตลาด หลังจากที่คุยกัน ก็เริ่มถูกคอ และมีมิตรภาพที่ดีต่อกัน สิ่งที่โชเซ่ ดินิสทำได้ คือ เขาทำให้มาเรียหัวเราะ ในชีวิตที่บัดซบขนาดนี้ได้
2
มาเรียตกหลุมรักโชเซ่ ดินิส เพราะเขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีชีวิตชีวาอย่างมาก และที่สำคัญให้เกียรติเธอ ทั้งๆที่เธอก็เป็นแค่คนใช้แรงงานธรรมดา
1
หลังจากที่ทั้งคู่ดูใจกันได้สักพัก คุณพ่อของมาเรียจับได้ว่าคบกัน จึงสั่งให้มาเรียออกจากบ้านไปแต่งงานกับโชเซ่ ดินิสทันทีในระยะเวลาไม่เกิน 3 เดือน เพราะที่บ้านจะได้มีคนลดลงไป 1 คน ลดความแออัดไปได้ และจะได้ลดค่าใช้จ่ายไปได้ด้วย
1
แม้จะเป็นความปุบปับ แต่โชเซ่ ดินิส ก็ยินดีแต่งงานกับมาเรีย ทั้งคู่ย้ายไปอยู่ที่บ้านของอเวโร่ ซึ่งก็มีฐานะยากจนเหมือนกัน แต่ก็ยังดีกว่าบ้านของมาเรีย เพราะตระกูลอเวโร่ มีแค่พ่อ แม่ และโชเซ่ ดินิส แค่นั้น เมื่อรวมกับมาเรีย ก็ยังมี 4 คน โดยทั้ง 4 คน จะนอนในห้องเดียวกัน แต่มีผ้าม่านมาคั่น ระหว่างพ่อแม่ กับสองสามีภรรยา
4
หลังจากแต่งงานกันได้สักระยะ ในปี 1973 มาเรียก็มีลูกสาวคนแรก ชื่อเอลม่า ตามด้วยลูกชายฮิวโก้ ในปี 1975 และ ลูกสาวอีกคนเคเธีย ในปี 1976
1
ชีวิตของครอบครัวอเวโร่ ก็ดูมีความสุขดี โชเซ่ ดินิส กับ มาเรีย และลูกๆ ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข แต่ความสุขก็อยู่กับเธอได้ไม่นาน เพราะโชเซ่ ดินิส ถูกรัฐบาลเรียกตัวไปร่วมสงคราม และต้องปล่อยให้มาเรียเลี้ยงลูกคนตามลำพัง
ณ เวลานั้น แองโกลา และ โมซัมบิก สองประเทศที่เป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ต้องการปลดแอกและทำสงครามขอเอกราชคืน นั่นทำให้โปรตุเกสต้องเกณฑ์คนจำนวนมากที่สุด เพื่อส่งเข้าไปร่วมรบในแนวหน้า โดยโชเซ่ ดินิส ก็ต้องเข้าร่วมรบเป็นเวลา 10 เดือนเต็ม
1
โชเซ่ ดินิส รอดชีวิตกลับมาได้ก็จริง แต่ในวันที่เขากลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จิตใจที่ร่าเริงของเขาไม่มีอีกแล้ว รอยยิ้มที่มีชีวิตชีวาก็หายไป อิทธิพลจากการเห็นสงครามกับตาตัวเอง มันมีผลต่อความรู้สึกของเขาไปตลอด
4
โชเซ่ ดินิสเปลี่ยนไป จากเดินเป็นคนขยันขันแข็ง ก็กลายเป็นเสียงานเสียการ ตอนนี้เขาเริ่มติดเหล้า และถ้าตอนเช้าเขาไม่กลับบ้าน ก็รู้ได้เลยว่าเมาหลับอยู่บาร์แน่นอน
1
เมื่อโชเซ่ ดินิสไม่ทำงานทำการ ก็กลายเป็นมาเรีย ที่ต้องทำงานหนักอยู่คนเดียว เธอต้องหาเงินเลี้ยงดูครอบครัว และทำหน้าที่ดูแลลูกๆไปพร้อมกัน เธอตัดสินใจว่าวิธีที่จะหาเงินได้ดีที่สุด คือต้องไปใช้แรงงานในประเทศที่รวยกว่าอย่างฝรั่งเศส
2
คือถ้าอยู่ไหน ก็ทำได้แค่ใช้แรงงาน ไปอยู่ในประเทศที่มีค่าครองชีพสูงกว่า ก็จะได้ส่งเงินก้อนกลับมาให้ครอบครัวได้ นั่นทำให้มาเรีย ไปปารีส เพื่อเป็นแม่บ้าน โดยฝากลูกๆให้ โชเซ่ ดินิส และคุณปู่คุณย่าช่วยดูแล
2
มาเรีย ทำงานอย่างหนักอยู่ 5 เดือน สามีของเธอก็โทรศัพท์ไปหา แล้วบอกว่า "ถ้าเราเกิดมาจนแล้ว ยังไงเราก็ต้องจนอยู่ดี แต่อย่างน้อยก็มาจนอยู่ใกล้ๆครอบครัวที่มาเดยร่าดีกว่า" เมื่อสามีพูดดังนั้น เธอจึงกลับมาที่โปรตุเกสอีกครั้ง และเข้าลูปวงจรชีวิตตามเดิม
1
ความสัมพันธ์ของมาเรีย กับโชเซ่ ดินิส ดูห่างเหินกันเรื่อยๆ จากเดิมมีลูกหัวปีท้ายปี ลูกสามคนแรก เกิดไล่ๆกันในช่วง 3 ปี แต่หลังจากเคเธียเกิดในปี 1976 ทั้งสองคนก็ไม่มีบุตรด้วยกันอีกเลย
จนมาถึงปี 1984 ด้วยความไม่คาดคิด ทำให้มาเรียตั้งครรภ์ ลูกคนที่ 4 ถึงจุดนี้ตัวมาเรียไม่แน่ใจว่า ควรจะให้กำเนิดเด็กคนนี้ดีหรือไม่ เพราะเธอเห็นบทเรียนจากพ่อแม่ของตัวเองแล้วว่า ถ้ามีลูกเยอะๆ ตอนไม่พร้อมแล้วจุดจบจะเป็นอย่างไร
1
ตอนนั้นมาเรียทำงานเป็นแม่ครัว ส่วนโชเซ่ ดินิส ก็รับจ้างทั่วไป เป็นช่างตัดหินบ้าง เป็นคนสวนบ้าง และที่สำคัญยังคงติดเหล้าเหมือนเดิม ดังนั้นตัวมาเรียก็ไม่แน่ใจนักว่าถ้ามีลูกอีกคน แล้วจะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีพอให้กับเขาได้
ไม่เพียงแค่นั้น เธอยังมีลูกๆอีก 3 คนอยู่แล้ว คนเด็กสุดคือเคเธีย ที่มีอายุ 9 ขวบ เด็กๆเหล่านี้กำลังเรียนชั้นประถม และจำเป็นต้องใช้เงินมากขึ้นเรื่อยๆ เธอจึงคิดว่าการเอาเด็กออก น่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ปัญหาของโดโลเรส คือในปี 1984 การทำแท้งที่โปรตุเกสยังเป็นเรื่องผิดกฎหมาย แพทย์ไม่ให้เธอทำ บอกว่าเธอยังอายุน้อย เพิ่งจะ 30 สามารถมีลูกได้อีกคนสบายๆ แต่เธออธิบายให้คุณหมอเข้าใจว่า เธอลำบากจริงๆ เธอมีลูก 3 คนแล้วนะ จะให้เลี้ยงอีกคนคงไม่ไหว
แต่สุดท้ายแพทย์ไม่ยอม ดังนั้นโดโลเรส จึงต้องหาวิธีอื่นเพื่อเอาเด็กออก "เขาเป็นเด็กที่ฉันไม่ต้องการเลย" โดโลเรสเผย "เพื่อนบ้านคนหนึ่งแนะนำว่า ให้ดื่มเบียร์ดำต้มเดือด จากนั้นก็ไปออกวิ่งจนร่างกายอ่อนล้า จากนั้นมีโอกาสที่จะตกเลือด และแท้งได้เอง"
ฟังดูไม่น่าเป็นไปได้ แต่ด้วยความที่เธอไม่มีความรู้ เธอก็ทำมันจริงๆ และแน่นอน มันไม่ได้ผล จึงเหลือเพียงทางเลือกสุดท้ายในการเอาเด็กออก คือการไปหาแพทย์เถื่อน ซึ่งเธอจะทำก็ทำได้ แต่เมื่อพิจารณาแล้ว คิดว่ามันยุ่งยากเหลือเกิน สุดท้ายจึงตัดสินใจเก็บเด็กคนนี้ไว้
1
โดโลเรส ตัดสินใจคลอดลูกคนที่ 4 โดย เป็นเด็กผู้ชายเขาเกิดวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 1985 สิ่งที่เธอตั้งใจคือ ใช่เธอไม่อยากจะมีเขา แต่เมื่อเลือกจะมีแล้ว ก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด
6
"ฉันกับสามี อยากให้เขาชื่อโรนัลโด้ เหมือนประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนของสหรัฐฯ ส่วนน้องสาวของฉันอยากให้ชื่อคริสเตียโน่ ดังนั้นเราเลยเอาทั้งสองชื่อมารวมกันเลย เป็นคริสเตียโน่ โรนัลโด้" มาเรีย โดโลเรสกล่าว
2
ตอนที่โรนัลโด้คลอดใหม่ๆ ชีวิตของครอบครัวอเวโร่ ก็ยังยากจนอยู่ แม่ยังทำงานหนักเหมือนเดิม ส่วนพ่อก็เริ่มทำงานมากขึ้น แต่ก็ไปลงกับขวดเหล้าตอนจบอยู่ดี
ในช่วงปี 1985 ชาวเมืองเมเดยร่า เริ่มทยอยอพยพไปตั้งรกรากที่ต่างแดน โดยเฉพาะในออสเตรเลีย ที่ต้องการแรงงานจำนวนมาก หลายคนเชื่อว่าการไปนับหนึ่งในดินแดนใหม่ อาจทำให้ชีวิตดีขึ้น
4
โชเซ่ และอังเจล่า คุณพ่อและแม่เลี้ยงของมาเรีย ได้รับโควต้าให้ย้ายไปอยู่ที่เมืองเพิร์ธ ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งมาเรียก็ขอคุณพ่อว่า เธอกับครอบครัว อยากไปออสเตรเลียด้วยได้ไหม เธอก็อยากไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ และเอาตัวลูกๆ และสามี ออกจากจุดนี้เหมือนกัน แต่พ่อและแม่เลี้ยง ปฏิเสธ โดยบอกว่า ถ้าอยากไปก็จัดการเอง แต่ตอนนี้ส่วนตัวเขาไม่อยากวุ่นวายกับคนอื่นอีกแล้ว เพราะแค่เขากับอังเจล่า และลูกๆของอังเจล่า ก็เต็มลิมิตแล้ว
สุดท้ายพ่อของมาเรียก็ไปอยู่ออสเตรเลีย ส่วนตัวมาเรีย ก็สู้ต่อที่มาเดยร่าเหมือนเดิม
เป็นโชคดีของมาเรียอย่างหนึ่ง คือโชเซ่ ดินิส เป็นผู้ชายที่ดี แม้เขาจะติดเหล้า แต่เงินที่ใช้ดื่มเหล้าเขาก็หามาเอง นอกจากนั้นยังรับผิดชอบในหน้าที่ของพ่อได้ดี มันทำให้เธอยังพอทนกับสถานการณ์ไปได้
ในชีวิตการทำงาน มาเรียเริ่มเก็บประสบการณ์แม่ครัว จนได้ก้าวกระโดดไปทำงานในห้องอาหารที่โรงแรมฟันคาล โรงแรมใหญ่ในเมือง โดยทุกๆวัน เธอจะการันตีว่าลูกๆ ต้องได้กินขนมปัง ต้องมีอะไรตกถึงท้อง นอกจากนั้นเธอจะมีเมนูซุป ที่เธอจะทำให้ลูกกินสัปดาห์ละครั้ง ทุกๆวันพุธ และเมนูเนื้อ ทุกๆวันอาทิตย์
7
ชีวิตของครอบครัวอเวโร่ พอประคองต่อไปได้ แต่จุดสำคัญก็เกิดขึ้น เมื่อคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ลูกชายคนเล็ก เริ่มอายุมากขึ้น เขามีแววเรื่องฟุตบอลตั้งแต่เล็กๆ จนทำให้คนในหมู่บ้านก็เชียร์ให้ส่งโรนัลโด้ไปเรียนฟุตบอลอย่างจริงจังไปเลย เผื่อจะต่อยอดเป็นนักฟุตบอลได้จริงๆ
1
แน่นอน การทุ่มเทเรื่องฟุตบอล มันต้องใช้เงินจำนวนมาก ค่าเล่าเรียน ค่าเดินทาง อุปกรณ์ต่างๆทั้งรองเท้า ทั้งลูกฟุตบอล นั่นทำให้ทั้งครอบครัวมานั่งคุยกัน ว่าจะหาเงินอย่างไรดี เพราะจะให้แม่ส่งเสียทุกคนพร้อมกับให้โรนัลโด้ไปเรียนฟุตบอลด้วย ก็คงไม่ไหว สุดท้ายพี่สาวคนโตเอลม่า และ พี่ชายฮิวโก้ จึงตัดสินใจลาออกจากโรงเรียน เพื่อไปทำงาน เอลม่าไปเป็นพนักงานในร้านอาหาร ส่วนฮิวโก้ ไปทำที่โรงงานอลูมิเนียม ทั้งคู่ต้องการลดค่าใช้จ่ายของตัวเอง และสร้างรายได้ขึ้นมาเล็กๆน้อยๆ เพื่อที่ว่าที่บ้าน จะได้มีกำลังส่งให้น้องชายที่เป็นคนเดียวที่มีพรสวรรค์ ไปต่อให้ได้ไกลที่สุด
10
ในขณะที่ทุกคนไปทำงาน เคเธีย พี่สาวอีกคนที่อายุใกล้โรนัลโด้ที่สุดก็จะไปรับไปส่งโรนัลโด้ที่โรงเรียน ทุกคนมีหน้าที่ของตัวเอง เป็นบ้านที่มีทีมเวิร์ก และน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาก
7
ทุกคนพร้อมจะทำเพื่อโรนัลโด้ ขอแค่โรนัลโด้ทำหน้าที่ของตัวเองก็พอแล้ว ในมุมของครอบครัวอเวโร่ การได้เป็นสะพานส่งใครสักคนที่เป็นความหวังของบ้าน ให้ไปไกลที่สุด ถือเป็นเรื่องที่มีความหมายอย่างมากจริงๆ
9
ดังนั้นแม้โรนัลโด้จะเกิดในครอบครัวที่มีฐานะยากจน แต่เขาได้รับความอบอุ่นอย่างเต็มที่จากคนรอบตัว โรนัลโด้ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีอาหารกิน เขาไม่ต้องกลัวว่าจะขาดอุปกรณ์อื่นใด
1
และเมื่อสภาพจิตใจสมบูรณ์ มันก็ไม่ยากที่เขาจะโฟกัสในสิ่งที่ตัวเองควรจะทำได้อย่างเต็มที่ นั่นคือฟุตบอลนั่นเอง
2
สำหรับเรื่องราวต่อจากนั้นของโรนัลโด้ ก็เป็นอย่างที่ทุกคนทราบกัน เขาพัฒนาตัวเองจนมีชื่อเสียงโด่งดัง และกลายเป็นนักเตะที่มีรายได้มากที่สุดของโลก ณ ปัจจุบัน
เจ้าตัวบอกเสมอ ว่าไม่เคยลืมบุญคุณของคนที่บ้าน ถ้าทุกคนไม่เป็นพลังให้เขา ไม่สร้างความอบอุ่นให้ชีวิตของเขา ตัวเขาเองก็คงไม่มีวันนี้
3
สิ่งที่โรนัลโด้ ให้ความสำคัญมากที่สุดจึงเป็นเรื่องครอบครัวเสมอ คำพูดของแม่ เขาจะไม่ขัดเลย เพราะรู้ว่ากว่าจะมาถึงวันนี้ได้ แม่ผ่านอะไรมาบ้าง
3
หลังจากโรนัลโด้โด่งดังแล้ว มีเงินร่ำรวย มาเรีย โดโลเรส ได้เชิญคุณพ่อ และแม่เลี้ยงของตัวเอง ที่ไปอยู่ออสเตรเลีย ให้มาชมเกมฟุตบอลโลก 2006 โดยเธอจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง แม้เธอจะเกลียดที่ต้องเจอสถานการณ์เลวร้ายสมัยเด็ก แต่ตอนนี้เธอก็ไม่โกรธแล้ว
6
เพราะลองคิดดูว่า ถ้าเธอไม่เจอประสบการณ์เลวร้ายมาก่อนตอนเด็ก เธออาจจะไม่ให้ความสำคัญกับสถาบันครอบครัวขนาดนี้ และเลี้ยงลูกไปอีกวิธีก็ได้ ดังนั้นการที่ชีวิตของเธอมีความสุขทุกวันนี้ อาจเป็นเส้นทางที่กำหนดจากสวรรค์ให้เธอต้องเรียนรู้จากความลำบากมาก่อนก็เป็นได้
12
เมื่อเธอรู้ว่าชีวิตที่โตมาด้วยการไม่ได้รับความรักเป็นอย่างไร เธอก็แค่ไม่ทำสิ่งนั้นกับลูกของตัวเองแค่นั้น
7
เพราะชีวิตมันก็แบบนี้ มันไม่ได้สวยงามไปเสียหมด แต่สิ่งใดที่เกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
3
อยากให้อนาคตเป็นอย่างไร เรานี่แหละต้องกำหนดทิศทางของมันด้วยตัวเอง
4
#RONALDO
โฆษณา