28 ก.พ. 2021 เวลา 13:37 • ไลฟ์สไตล์
"All the best!" คำที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน...
กลับมาแล้วค่า กับตอนสุดท้ายของการแข่งขันกีฬาครั้งแรกในชีวิตเรา แถมเป็นการไปต่างประเทศคนเดียวครั้งแรกที่ไม่ใช่ไปเรียน จุดเริ่มต้นบทบาทนักกีฬาทีมชาติ จุดเริ่มต้นของการ get out of comfort zone และจุดเริ่มต้นของมิตรภาพต่างๆมากมาย (หากใครเพิ่งมาเห็นโพสต์นี้แล้วสงสัย สามารถย้อนกลับไปอ่านตั้งแต่ตอนแรกได้นะคะ ฮ่าฮ่า)
1
วิวจากโรงแรม มองไปที่สถานที่จัดการแข่งขัน
วันนั้น มีแข่งหลายรุ่นค่ะ การแข่งขันเริ่มตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้า โดย 8.30 Cheif Judge หรือหัวหน้าผู้จัดสิน เรียกนักกีฬาทุกคนมา brief รายละเอียด กฎ กติกา เกณฑ์การตัดสิน ฯลฯ ก่อน รุ่นเรามีนักกีฬาทั้งหมด 6 คน สิงคโปร์ 5 คน ไทย 1 คน (เราเอง) การแข่งขันแบ่งเป็น 2 รอบ คือ รอบ Preliminary โดยลำดับการแข่งจะถูกจัดโดยการสุ่ม (แต่ถ้าเป็นระดับสูงกว่านี้หรือสำหรับคนที่เคยมีประสบการณ์การแข่งขันแล้ว ลำดับจะถูกจัดโดย ranking หรืออันดับที่ทำไว้จากการแข่งขันครั้งก่อนๆ เรียกง่ายๆว่าเหมือนเป็นมือวางอันดับที่เท่าไหร่ของการแข่งขันนั้นๆ) ผลคะแนนที่ได้จากรอบ Preliminary นี้จะถูกนำไปจัดอันดับการแข่งในรอบ final ในช่วงบ่ายค่ะ โดยคนที่ได้คะแนนสูงสุดในรอบนี้ จะได้ลงแข่งเป็นคนสุดท้ายในรอบ final
รอบ Preliminary เราถูกจัดให้ลงแข่งลำดับที่ 3 นักกีฬาได้รับอนุญาตให้ไปรอที่ dock start หรือที่ท่าเรือได้แต่ไม่เกิน 2 คน และนักกีฬาแต่ละคนสามารถมีโค้ช หรือผู้จัดการทีมติดตัวไปได้แค่ 1 คน เพื่อช่วยในเรื่องการเตรียมเชือกและแจ้งความเร็วเรือแก่เจ้าหน้าที่) แน่นอนว่า...เราไม่มีคนช่วยค่ะ เพราะเราไปคนเดียว ฮ่าๆๆ แต่อย่างที่เล่าเมื่อตอนที่ผ่านๆมาค่ะ เราได้เพื่อนใหม่เยอะเลย สรุปว่าก็มีนักกีฬาจากสิงคโปร์คนอื่น ที่ไม่ได้แข่งรุ่นเดียวกับเรา อาสามาช่วยเราค่ะ
บรรยากาศก่อนการแข่งขันที่ dock start  หรือท่าเรือออกตัว เมื่อการแข่งขันเริ่ม ตรงนี้จะโล่งมาก จะมีแค่เจ้าหน้าที่ และนักกีฬา + โค้ช หรือ ผู้จัดการทีม ไม่เกิน 2 ชุด
สิ่งที่เรา surprise มากที่สุดคือ จังหวะที่นักกีฬากำลังเดินเข้าไปที่ท่าเรือ เพื่อเตรียมตัวลงแข่ง ทุกคนจะพูดว่า "All the best!" หมายความว่า โชคดี สู้ๆ ทำให้เต็มที่นะ อะไรประมาณนั้น ตอนแรกเราก็คิดว่า อ่อ ก็เขามาจากทีมเดียวกัน ก็คงเป็นเรื่องปกติ แต่สรุปว่า ไม่ใช่เลยค่ะ จังหวะที่เราต้องเข้าไปเตรียมตัว ทุกคนบนฝั่งก็พูดกับเราแบบนั้น หรือแม้แต่ตอนที่เราอยู่ในน้ำแล้วและเรือกำลังลากเราขึ้นไป นักกีฬาคนที่เตรียมตัวอยู่ข้างหลังเรา เจ้าหน้าที่และคนที่อยู่บนท่าเรือ ทุกคนพูดเหมือนกัน นี่คือประสบการณ์ใหม่ที่เราประทับใจมาก
จริงๆแล้ว การแข่งกีฬา มันก็คงจะดีกว่า ถ้าจะเป็นการทำเพื่อเอาชนะตัวเอง มากกว่าเอาชนะคนอื่น ทำของเราให้เต็มที่ ให้เหมือน หรือดีกว่าที่ซ้อมมา มากกว่าที่จะไปลุ้นให้คนอื่นเล่นไม่ดี ทุกคนว่าจริงไหมคะ :)
รอบแรกเราก็สามารถทำได้ทุกท่าตามที่ซ้อมไว้ ผลคะแนนมาเป็นอันดับ 2 ของตารางค่ะ ซึ่งรอบ final เราก็ทำได้เหมือนที่ซ้อมไว้เหมือนกัน ไม่พลาดเลย ผลการแข่งขันครั้งนี้คือ เราได้ที่ 2 เหรียญเงิน ที่ 1 และ 3 ก็ตกเป็นของสิงคโปร์ไป
บรรยากาศการมอบเหรียญรางวัล ได้เงินรางวัลด้วยนะ ฮ่าๆๆ
ต้องขอชมและยอมรับจริงๆว่า ทางผู้จัดการแข่งขันที่มาเลเซียเขามี connection เยอะจริงๆ ด้วยความที่ว่าประธานสโมสรเขาค่อนข้างมีอิทธิพลและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางไปจนถึงระดับรัฐบาล จึงทำให้ได้รับงบการสนับสนุนการจัดการแข่งขันจากเมืองและรัฐบาลด้วย และลูกๆของประธานสโมสรเองก็เป็นนักกีฬาที่มีชื่อเสียง และสร้างผลงานให้กับประเทศเยอะมากไปจนระดับโลกค่ะ ต้องขอชื่นชมในความรักและทุ่มเทในกีฬาของเขาจริงๆ
และจากที่เรากรอบๆ เงินสดไม่มีเหลือให้ซื้อข้าวเย็นกิน จนต้องต้มบะหมี่และชงข้าวโอ๊ตทานที่ห้องไป 2 วัน วันนี้มีเงินซื้อข้าวแล้ววววว เย้! ไม่คิดว่าเขาจะให้เงินรางวัลด้วย หลังจบการแข่งขัน คืนนั้นทีมสิงคโปร์ก็ชวนเราเข้ากรุงกัวลาลัมเปอร์ เพื่อไปทานข้าวและเดินเล่นค่ะ ดีเลย ได้เปิดหูเปิดตา
บรรยากาศพระอาทิตย์ตกดินที่โรงแรมและสนามแข่งสวยมากกกก
ร้านที่ไปทานที่กัวลาลัมเปอร์ เป็นร้านเหมือน street food หรือข้าวต้มกุ๊ยบ้านเราค่ะ แต่สิ่งที่เห็นคือ พนักงานร้านอาหารค่อนข้าง aggressive มาก จู่โจมพวกเรามาก พยายามเสนอให้สั่งโน่นสั่งนี่ ทั้งๆที่พวกเรานั่งอ่านเมนูอาหารกันอยู่ เพิ่งจะได้นั่งยังไม่ทันได้อ่านเลย จนเพื่อนสิงคโปร์คนหนึ่ง เป็นผู้หญิงนะคะ ถึงกับต้องยกมือห้ามและพูดเสียงดังว่า ให้เวลาพวกเราอ่านเมนูหน่อยได้ไหม เหอๆ
ทานข้าวเสร็จก็ไปเดินเล่นที่ตลาดต่อ บรรยากาศเหมือนตลาดนัดสะพานพุทธสมัยก่อน (มีใครทันไหมหว่า ฮ่าๆ) แต่เหมือนเดิมค่ะ พนักงานขายก็จู่โจมมาก แอบน่ากลัว
วันรุ่งขึ้นก็เก็บของ เตรียมตัวบินกลับไทย ตอนเช้าไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมก็เจอกับทีมสิงคโปร์ และทีมผู้จัดงานหลายคน บอกลา แลก facebook กันเรียบร้อย เราก็บินกลับไทยตอนเที่ยงๆค่ะ
มีข่าวของเราลงหนังสือพิมพ์ด้วยค่า :)
จบไปแล้วนะคะ กับประสบการณ์การแข่งขันครั้งแรกของเรา มีทั้งความระทีก ตื่นเต้น ตั้งแต่ที่สนามบิน ยันเช็คอินโรงแรม จนถึงการแข่งขัน แต่สิ่งที่เราได้รับกลับมา เป็นอะไรที่คุ้มมาก เพราะจากวันนั้น ทำให้เรากล้าที่จะเดินทางไปต่างประเทศคนเดียว รู้วิธีแก้สถานการณ์เฉพาะหน้า และตั้งสติเมื่อเจอกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เป็นยังไงกันบ้างคะ หวังว่าจะสนุกกับเรื่องราวในตอนนี้กันนะคะ
โพสต์หน้าจะเป็นเรื่องอะไร รอติดตามกันนะคะ ใครมีคำแนะนำ ติ-ชม เขียนคอมเมนต์ให้กับนักเขียนมือใหม่คนนี้ได้เลยค่า หรือใครอยากให้เขียนเรื่องไหนเป็นพิเศษ request เข้ามาได้เช่นกันค่ะ :)
โฆษณา