ไอติมกะทิ ^o^ ไอติมนี่นี้มีที่มา
ว่ากันว่าไอติม เข้ามาในไทยสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งที่เสด็จเตี่ยกลับมาจาก ประพาส เมืองชวา อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ ในยุคนั้นต้องสั่งนำเข้าเครื่องทำน้ำแข็ง ดิ่งตรงมาจากสิงคโปร์กันเลย
และก็เริ่มมีการทำไอติมกันก่อน จากเจ้านายในรั้วในวัง ซึ่งสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ก็ได้บันทึกเรื่องราวนี้ไว้เช่นกัน ช่วงแรกเริ่มไอติมในพระราชวังนั้น ทำจากน้ำมะพร้าวอ่อน ใส่เมล็ดมะขามคั่ว เอ....เม็ดมะขามมันก็แข็งอยู่นา !!! กินยังไงนึกภาพไม่ออกจริงๆ ค่ะ ใครพอเดาทางได้บ้างคะ ^^
ต่อมาเมื่อไทยมีโรงน้ำแข็งเอง ก็เริ่มมีการทำไอติมกันแพร่หลาย ช่วงแรกเน้นไปที่ไอติมกะทิโรยถั่วลิสงคั่ว ก็แน่ล่ะบ้านเราเมืองเรา กะทิเหลือเฟือ ซึ่งมั่นใจว่าหลายคนต้องปลื้มแน่ๆ สมัยนั้นบางคนก็ใส่กลิ่นดอกนมแมว ลงไปในไอติมกะทิด้วยนะคะ .
ดังนั้นจะกล่าวว่าไอติมกะทิโรยถั่ว เป็นไอติมยุคบุกเบิกของไทยก็ว่าได้ ที่สำคัญยังยืนหยัดคลาสสิคมาถึงปัจจุบันซะด้วย ต่อมาก็มีการดัดแปลงเครื่องเคียงต่างๆ นู่น นี่ นั่น จะลอดช่อง ซาหริ่ม ขนุนก็ว่ากันไป จวบจนปัจจุบันนี่ล่ะค่ะ
ส่วนไอติมหลอด ที่ใช้น้ำหวานใส่ลงไปในหลอดสังกะสี เขย่าๆๆ เอาไม้เสียบจิ้ม และถอดหลอดติดไอติมขึ้นมา อันนี้เราคุ้นเคยมาก ๆ คิดว่าเป็นของไทยแท้ๆ ตัวนี้เกิดในยุครัชกาลที่ 7 นะคะ และก็มีการพัฒนาต่อมาเป็นไอติมตัด
ไอติมจะถูกจัดวางใส่รถเข็น วิ่งขายกันไปตามหมู่บ้าน พร้อมเสียงสั่นกระดิ่ง แกร๊ง แกร๊ง เสียงกังวาล กริ๊ง...กริ๊ง...ใส...ใส ที่ไม่ต้องอาศัยเสียงตะโกนขาย แต่เป็นสัญลักษณ์รวมพลที่ดีเยี่ยม ไม่ว่าเหล่าเด็กจะอยู่ตรงไหน จะมารุมมาตุ้มกันที่ต้นกำเนิดเสียง โดยพร้อมเพรียงกัน
เสียงแกร๊ง แกร๊ง ที่ทำให้หัวใจเราพองโต ในวัยเด็ก .... ความสุขมันช่างหาได้ง่ายนัก จริงมั๊ยคะ ^^ . ไอติม เป็นภาษาพูดของไทย ที่มาจากคำว่า ไอศกรีมค่ะ ^^
เครดิต Facebook : สุรีรัตน์ ยิ่งพัฒนสุนทร
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
