1 มี.ค. 2021 เวลา 09:52 • ครอบครัว & เด็ก
คนธรรมดาก็สามารถสร้างเมล็ดพันธุ์ดีไว้ให้โลกใบนี้ได้
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ผมมีนัดกับเด็กๆในกลุ่มวิชาชีวิต พี่ณัฐฏ์ พี่เพชร พี่นะโม น้องนาย และน้องพอ นัดคุยกันผ่านทาง ZOOM ผมเริ่มด้วยการบอกเด็กๆว่าปีนี้โค้ชจะส่งของขวัญวันเกิดให้เด็กๆทุกคน เป็นหนังสือ 1 เล่ม และเงิน 1,000 บาท และมีเงื่อนไขด้วย โดยที่เด็กๆสามารถที่จะทำตามเงื่อนไข รึไม่ทำก็ได้ ตอนนี้พี่เพชร พี่วา พี่ณัฐฏ์ ได้รับของขวัญไปแล้ว และพี่ๆทั้งสามคน ก็ยินดีที่จะทำตามเงื่อนไข โดยตอนนี้พี่เพชรกับพี่ณัฐฏ์ กำลังอ่านหนังสือ และสรุปหนังสือส่งมาให้โค้ช
จากนั้นผมก็ให้พี่เพชรและพี่ณัฐฏ์ แชร์ประโยคดีๆที่ได้จากหนังสือที่ได้เป็นของขวัญวันเกิด
ผมพูดคุยกับเด็กๆ สามเรื่อง คือ
เรื่องที่หนึ่ง เรื่องการอ่านหนังสือ โดยถามว่า ใครอ่านหนังสืออะไรอยู่บ้าง และมีสาระสำคัญอะไรจะเล่าให้โค้ชและพี่ๆน้องๆคนอื่นได้ฟังบ้าง ผมเชื่อว่านิสัยการอ่าน คือนิสัยพื้นฐานในการพัฒนาตัวเอง ผมปลูกฝังเด็กๆในเรื่องการอ่านมาตลอด และสิ่งที่ทำในปีนี้ คือส่งของขวัญเป็นหนังสือให้เด็กๆทุกคนพร้อมแนบเงิน 1,000 บาทให้ด้วย และบอกอีกว่า ปีหน้าก็จะได้เพิ่มขึ้นอีก แต่ขึ้นอยู่กับว่า คนไหนรับเงื่อนไขแล้ว สรุปหนังสือส่งมาทุกเดือนได้ดีแค่ไหน ถ้าสรุปได้ดีมากก็จะได้ของขวัญวันเกิดเพิ่มแน่นอน อาจจะฟังดูเหมือนเป็นการให้รางวัล แต่เราก็ควรให้รางวัลเมื่อเด็กๆทำได้ดีไม่ใช่เหรอครับ เด็กๆทุกคนตอบรับวิธีการนี้ และยินดีรับเงื่อนไข โดยยังมีอีกสามคนที่รอให้ถึงวันเกิดของตัวเองเร็วๆ เพื่อจะได้ของขวัญวันเกิดซะที
เรื่องที่สอง เรื่องการออมเงิน โดยถามว่า มีใครออมเงินอยู่บ้าง และออมกี่กระปุก แต่ละกระปุกมีวัตถุประสงค์อย่างไร เด็กๆแต่ละคนออมเงินคนละ2-3 กระปุก กระปุกแรกตอบได้ว่า ออมเงินตามที่โค้ชแนะนำคือออมตามวันที่ และเมื่อครบปีก็จะเอาเงินนั้นไปซื้อสลากออมสินบ้าง ลงทุนในทองคำบ้าง แต่กระปุกที่สองหรือสาม เด็กๆออมโดยไม่มีวัตถุประสงค์ คือมีเงินเหลือก็เก็บ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี แต่สิ่งที่ดีกว่า คือ เราต้องแนะนำให้เด็กๆตั้งเป้าหมายในการออมด้วย การตั้งเป้าหมายในการออม แล้วออมให้ได้ตามนั้น เหมือนเป็นการตกปลาครั้งเดียวได้ปลาสองตัว คือได้นิสัยการออม และยังได้นิสัยการตั้งเป้าหมายด้วย
เรื่องสำคัญเกี่ยวกับการออมที่บอกเด็กๆ คือ
1.เราไม่ได้รวยจากการออม ไม่มีใครรวยจากการออมเงิน แต่เราจะร่ำรวยจากนิสัยการออม และการนำเงินออมไปลงทุนต่อยอด ให้เงินต่อเงิน ดังนั้นแม้การออมจะไม่ได้ทำให้เรารวย แต่นิสัยการออม คือบันไดขั้นแรกที่จะนำไปสู่ความร่ำรวยในอนาคต หากรู้จักใช้เงินออมให้เป็น
2.เด็กๆไม่มีสิทธิ์ใช้เงินออมไปซื้อของฟุ่มเฟือยที่อยากได้ (และก็ไม่ต้องคิดจะของเงินผู้ใหญ่ไปซื้อด้วย ไม่ได้แน่นอน) เช่นเอาเงินออมไปซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ แคะกระปุกเงินออมสินไปซื้อของเล่นที่อยากได้ เอาเงินที่ออมมาทั้งปีไปซื้อรองเท้าคู่สวยที่โฆษณาในสื่อต่างๆ แบบนี้ไม่ได้ เด็กๆห้ามใช้เงินออมเด็ดขาด อ้าว..แล้วถ้าอยากได้ของใช้ เช่นโทรศัพท์เครื่องใหม่ทำไงล่ะ ง่ายมากครับ คือ เด็กๆจะต้องสร้างเส้นทางของรายได้อันใหม่ขึ้นมาก่อน เพื่อเก็บเงินก้อนใหม่เอาไปซื้อสิ่งที่อยากได้ เช่นเด็กๆต้องทำงานหาเงิน อาจจะขายของที่โรงเรียน รับจ้างทำงานเท่าที่ทำได้ หรือเก็บเงินค่าขนมหยอดกระปุกใบใหม่ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเก็บเงินไว้ซื้อของที่อยากได้ ข้อนี้ เหมือนยิงปืนลมนัดเดียวได้ตุ๊กตาหลายตัว(เคยยิงปืนในงานวัดมั๊ย ที่ยิงตุ๊กตาด้วยปืนลมน่ะ นั่นละ)
ตุ๊กตาตัวแรกคือ นิสัยการอดใจ อยากได้แต่อดใจได้
ตุ๊กตาตัวที่สอง คือ ช่องทางหรือเส้นทางในการหาเงิน เช่นขายขนม ขายของเพื่อเก็บเงิน หรือรับจ้างเพื่อนๆพิมพ์งาน เป็นการหารายได้ระหว่างเรียน เป็นการฝึกทักษะการทำงานไปด้วย
ตุ๊กตาตัวที่สาม คือ นิสัยการออมแบบมีวัตถุประสงค์
ตุ๊กตาตัวที่สี่ คือ นิสัยการตั้งเป้าหมาย วางแผน และลงมือทำเอง อยากได้อะไรไม่ใช่เอาแต่แบมือขอ แต่ต้องหาทางเอาเอง
ตุ๊กตาตัวที่ห้า คือ ความภูมิใจในตัวเอง รู้คุณค่าของเงิน และการรักข้าวของ เด็กที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง ซื้อของที่ต้องการด้วยเงินของตัวเองที่หามาได้ จะรู้คุณค่าของเงิน และเห็นคุณค่าของของใช้
เรื่องที่ สาม เรื่องเป้าหมายในปีนี้ ปีนี้เด็กๆแต่ละคนมีเป้าหมายอะไรบ้าง ผมยกตัวอย่างตัวเองเพื่อให้เด็กๆเห็นภาพ คือ
โค้ชมีเป้าหมายอ่านหนังสือ เดือนละ 4 เล่ม โดยอ่านหนังสือเก่าอีก1-2 เล่ม โค้ชมีเป้าหมายในการเก็บเงินให้ได้ 1 แสนบาท ในปีนี้ โค้ชมีเป้าหมายในการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ที่ไม่เกิน 65 กิโลกรัมภายในปีนี้ หลังจากเด็กๆได้ฟังตัวอย่าง แต่ละคนก็บอกเล่าถึงเป้าหมายของตัวเอง ผมรู้ว่าก่อนหน้านี้ เด็กไม่ได้คิดถึงเรื่องเป้าหมายในปีนี้ เราในฐานะผู้ใหญ่ต้องคอยกระตุ้นให้เด็กๆรู้จักการตั้งเป้าหมายครับ เรื่องการตั้งเป้าหมาย เป็นเรื่องที่สำคัญมาก หากคนๆหนึ่งมีนิสัยในการตั้งเป้าหมาย สิ่งที่ตามมาคือ เค้าจะเริ่มคิด วางแผน และลงมือทำ นิสัยการตั้งเป้าหมาย คือนิสัยพื้นฐานข้อหนึ่งที่คนสำเร็จล้วนมี ซึ่งทั้งหมดนี้เราจะต้องคอยกำกับดูแล คอยแนะนำ คอยสอน จนให้เกิดเป็นนิสัยให้ได้
..
เราคุย ZOOM กันประมาณหนึ่งชั่วโมง ผมมีคำถามให้เด็กๆตอบทีละคนเป็นห้วง และให้เค้าแสดงสิ่งที่เขาทำ สิ่งที่เขามี หนึ่งชั่วโมงผ่านไปเร็วมาก
ผมรู้ว่าทุกอย่างต้องใช้เวลา จะปลูกพืชย่อมหวังผล จะสร้างคนย่อมหวังผล เช่นกัน และผมก็รู้ว่าผลลัพธ์ที่ได้จากการสร้างเด็กๆกลุ่มนี้ ไม่ได้เกิดกับผมหรอก แต่จะเกิดกับอนาคตของเขาเอง และกับสังคมที่เขาอยู่อย่างแน่นอน
ไม่ว่าคุณจะสร้างเด็กๆแบบไหน แบบใส่ใจหรือไม่ใส่ใจ หรือแบบทิ้งๆขว้างๆ เขาก็จะมีผลกับสังคมนี้อยู่ดี นั่นหมายความว่า ไม่ว่าเขาจะเติบโตขึ้นไปเป็นคนแบบไหน เขาก็จะเป็นคนหนึ่งที่มีส่วนในการเปลี่ยนโลกนี้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ครับ
ภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ไม่ได้เป็นภาระ แต่เป็นความภูมิใจที่อยากทำโดยไม่หวังผลตอบแทน สิ่งเดียวที่อยากได้คือ ได้เห็นเด็กๆเป็นคนดี เป็นเมล็ดพันธุ์ดีของสังคม ไม่เป็นภาระของสังคม
“ผมสนุกและมีความสุขที่ได้เห็นต้นไม้เติบโต”
EPOPARIS
โฆษณา