5 มี.ค. 2021 เวลา 06:07 • ท่องเที่ยว
Cologne , GERMANY
เช้าวันหนึ่งในเมืองเล็ก ๆ ที่รายล้อมไปด้วยธรรมชาติ
เราอาศัยอยู่กับคุณป้าที่เป็นเพื่อนกับแม่ของมิตรสหาย ในเมืองบัวไชลน์ ซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองโคโลญจน์ไม่ไกลนัก
“ขิมลูก พิวลูก ตื่นได้แล้ว วันนี้เราจะไปเที่ยวเคิร์นกัน”
เคิร์น หรือ เมืองที่เรารู้จักกันในชื่อโคโลญจน์ วันนี้พวกเรากำลังจะออกไปสำรวจเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองแห่งน้ำหอม เมืองแห่งแม่น้ำไรน์ หรืออะไรก็ตามที่ผู้คนขนานนามไว้
เราและมิตรสหายยังคงงัวเงีย เนื่องจากเวลาที่นี้มันต่างกับไทยอย่างสิ้นเชิง เรายังปรับตัวกับไทม์โซนยุโรปไม่ค่อยได้ซักเท่าไหร่
ตุ๊บ!
มิตรสหายทิ้งตัวลงนอนอีกครั้งหลังจากถูกปลุกไปก่อนหน้า เราเห็นอย่างนั้นก็ไม่วายที่จะนอนตาม แต่เสียงของแม่มิตรสหายคอยย้ำเตือนดังมาจากห้องครัวว่า ตื่น!
เราและมิตรสหายเด้งตัวขึ้นจากเตียงอย่างไวว่อง มองหน้ากันตาปริบ ๆ แล้วแยกย้ายกันไปทำธุระส่วนตัว
แม่ของมิตรสหายบอกว่าวันนี้เราจะไปเที่ยว และแวะเจอพี่เบลล์ซึ่งเป็นลูกของคุณป้า
“ผู้มีพระคุณของพวกเรานี้เอง”
พี่เบลล์คือคนที่ทำให้เราได้มาเที่ยวประเทศเยอรมันแห่งนี้อย่างง่ายดาย ถ้าไม่ได้เอกสารเชิญจากคนทางนี้ โอกาสในการได้วีซ่าท่องเที่ยวเยอรมันคงไม่ง่ายขนาดนี้
เราและมิตรสหาย อาสาออกไปดูเวลาตารางรถบัสที่อยู่ห่างไม่มากจากที่พักเรา จริง ๆ เราแค่อยากออกไปเดินเล่นชมเมืองด้วยแหละ
เราแวะดูเวลาที่รถจะมาถึงบนป้ายดิจิตอลใกล้สถานีรถบัส ก่อนที่จะเดินเลยออกไปอีกนิดเพื่อชมไม้ชมนก สำรวจความเป็นเยอรมัน แล้วค่อยกลับไปบ้านเพื่อบอกเวลากับแม่ของมิตรสหาย
ก่อนการเดินทางพวกเราหยิบขนมและน้ำใส่กระเป๋า เพื่อเตรียมตัวสำหรับการออกเดินทางในครั้งแรกของทริปนี้
พวกเราเดินชิวกันไปยังป้ายรถเมล์อีกครั้ง พร้อมกับแม่ของมิตรสหาย
รอรถบัส
เราสามคนพยายามมองหาราคาของตั๋ว และวิธีการซื้อตั๋วในบริเวณป้ายรถบัสนั้น แต่แล้วก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแม่มิตรสหายที่คุ้นชินกับที่นี้มากกว่าพวกเรา
ตั๋วที่เราซื้อ เป็นตั๋วท่องเที่ยวรายวันสำหรับหลายคนซึ่งราคาอยู่ประมาณ 20 ยูโร
แต่ตอนซื้อตั๋วบนรถบัสนั้นสุดแสนจะวุ่นวายอย่างบอกไม่ถูก คนขับรถบัสเขาไม่พูดภาษาอังกฤษเลยแม้แต่นิด
ดูเหมือนว่าคนที่ค่อนข้างมีอายุของประเทศเยอรมันจะไม่ค่อยพูดภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาเยอรมันซักเท่าไหร่
“ฉันอยากได้ตั๋วรายวันสำหรับหลายคน ไปยังเมืองเคิร์น”
แม่ของมิตรสหายพยายามสื่อสารเป็นภาษาเยอรมัน
“อั้ยยะ พูดเยอรมันได้ด้วย” มิตรสหายชื่นชมแม่ด้วยความภาคภูมิใจ
“แปปนะ ,5555555555 มึงดูหน้าคนขับก่อน เค้าไม่เข้าใจ”
ด้วยความที่แม่ของมิตรสหายพึ่งมาอยู่ได้ไม่นาน เลยพอสื่อสารได้แค่บางคำ
“ลองเปิด google translation ดูก็ได้ ”
 
. . .
“มึง ดูนี้”
มิตรสหายยื่นโทรศัพท์ให้ดูหน้า google translate ที่หมุนติ้ว ๆ เน็ตเจ้ากรรมที่ซื้อมาจากไทยช้าจนเราอยากจะเอาซิมออกมาหักแล้วปาทิ้ง แต่ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีไรใช้ 555555555
ไม่นานนัก google translation ก็แปลข้อความออกมาให้ตามที่เราต้องการ จนกระทั้งคนขับรถเข้าใจแล้วกดตั๋วจากเครื่องในรถให้เราทั้งสามคน
บนรถบัสไปยังตัวเมือง
ระหว่างทางเราทั้งสามคุยสัพเพเหระอย่างสนุกสนาน มิตรสหายไม่ได้เจอแม่มานานนับปี ทุกคนต่างมีเรื่องให้เมาส์มอยกันไม่หยุด เราสามารถรับรู้ได้ถึงความคิดถึงกันและกันของสองแม่ลูกผ่านรอยยิ้มคู่นั้น
หลังจากนั่งรถผ่านบรรยากาศชานเมืองเพื่อมุ่งสู่ความเจริญภายในเมือง เราก็เดินทางมาถึงยังเมืองโคโลญจน์ที่กว้างใหญ่ และสวยงามแห่งนี้
สถานีรถไฟในโคโลญจน์
พวกเราแวะซื้อไก่ทอดซอสที่สถานีรถไฟซึ่งอยู่ข้างจุดจอดรถบัสของพวกเรามากินรองท้องก่อนจะเดินสำรวจเมืองแห่งนี้ แต่ตอนที่กำลังจะเดินออกจากสถานีรถไฟ สายตาดันเหลือบไปเห็นขนมปังที่น่ากินร้านนึง พวกเราเลยซื้อขนมปังผักโขมอบชีสมาด้วย
หลังจากนั้น เราเดินออกจากสถานีรถไฟแล้วไปหาที่นั่งชิว ลมพัดเย็น ๆ เพื่อนั่งปิคนิคกินอาหารที่เราพึ่งซื้อมา
นั่งปิคนิคริมแม่น้ำ
เรานั่งกันอยู่ที่สนามหญ้าข้างแม่น้ำไรน์ ซึ่งมีวิวที่สวยงาม เห็นทั้งสะพาน แม่น้ำไรน์และปราสาทอย่างชัดเจน ที่นี้เต็มไปด้วยผู้คนที่มานั่งปิคนิคไม่ต่างกับพวกเรา ทั้งยังมีการแสดงเปิดหมวก ไม่ว่าจะเป็นดนตรีท้องถิ่น หรือกีต้าร์เปิดหมวกทั่วไป นอกจากนี้ยังมีการแสดงมายากลเปิดหมวกที่ชวนหลงใหล และสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้คนในระแวกนี้
“มึง อันนี้อร่อยอ่ะ ไอ้ขนมปังผักโขมอบชีสอะ”
เสียงสดใสของมิตรสหายดังขึ้น ชวนให้เรากินขนมปังชนิดนั้น
“อร่อยจริง!”
ขนมปังที่ดูเหมือนจะธรรมดาช่างทัชใจพวกเราทั้งสองอย่างมาก เราติดดาวให้ร้านนี้ไว้ในใจเลย มันต้องซ้ำแน่นอน
หลังจากหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อนตามแพทเทิร์น เราเลยนอนเล่นที่นี้ซักพักก่อนที่จะออกไปสำรวจปราสาทอันเลื่องลือ และขึ้นชื่อของเมือง โคโลญจน์
ภายในปราสาท
ปราสาทแห่งนี้มันใหญ่และสวยมากจริง ๆ ภายในเต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ เรานั่งมองรูปปั่นและสิ่งต่าง ๆ ภายในอยู่พักใหญ่ ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นกรุ๊ปทัวร์ชาวอังกฤษที่มาท่องประวัติศาสตร์ กรุ๊ปเค้ามีไกด์ที่คอยนำทางและแนะนำสิ่งต่าง ๆ ภายในแห่งนี้
เราและมิตรสหายหันมามองหน้ากันโดยไม่ต้องพูดคำใด ๆ
“ปะ ได้เวลาโรมานอฟแฝงตัว”
เราและมิตรสหายเดินฟังไกด์แนะนำดุจดั่งจ่ายตังค์มาเอง แต่ดูเหมือนว่าเค้าจะรู้ตัวและยิ้มให้เราพร้อมพยายามเพิ่มเสียงเพื่อให้เราได้ยินอีกต่างหาก นี้คงเป็นความประทับใจแรกกับคนเยอรมันเลยจริง ๆ สำหรับคนที่จ่ายเงินจ้างไกด์นั้น จะได้รับหูฟังคนละอัน ไกด์จะพูดผ่านไมค์และเสียงจะเชื่อมเข้าหูฟัง คนที่สงสัยสามารถถามตอบได้ตามใจอยาก
ส่วนเรานั้น ตามฟังเงียบ ๆ พร้อมเปิดกูเกิ้ลเพื่อหาข้อมูลไปพราง ๆ เพราะส่วนมากเราฟังไม่ออก 5555555
“มึงอันนี้คือไรวะ” เราถามมิตรสหายด้วยความสงสัย แต่ไร้เสียงตอบกลับ
เราหันไปมองรอบข้างพร้อมอุทานในใจ
“ชิบหายละ ขิมหายไปไหนวะ”
เราพลัดหลงกันในปราสาทอันกว้างใหญ่แห่งนี้ แต่เราเชื่อและศรัทธาว่าเดี๋ยวเราก็เดินมาเจอกันซักที่ในปราสาทแห่งนี้แหละ
.
“มึงข้างบนมันขึ้นได้ แต่ตอนนี้มันใกล้จะปิดแล้ว ไว้ค่อยมาวันหลังละกัน”
เสียงของมิตรสหายที่มาจากข้างหลังโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้เรารู้ว่า อ๋อ มันหายไปสำรวจมานี้เอง
หลังจากนั้น เราก็พากันไปถ่ายรูปภายนอกด้วยความปราสาทเฟี้ยวฟ้าว และก็ได้รูปที่สุดแสนจะชิคออกมา 5555555
"ธรรมดาโลกไม่จำ"
บริเวณหน้าปราสาท
“ขิมอยากเล่นกีต้าร์ไหม”
แม่ของมิตรสหายถาม ก่อนที่จะเดินออกไปยังกลุ่มที่ศรัทธาในศาสนากลุ่มหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะมาเล่นกีต้าร์ ร้องเพลงเปิดหมวก แต่ขณะนั้นเขากำลังพักอยู่ชั่วคราว
“ฉันขอให้ลูกฉันลองเล่นกีต้าร์ได้ไหม”
บ้าหน่า จริงปะเนี้ย เราคิดในใจ พร้อมหันไปมองหน้ามิตรสหายด้วยความประทับใจในความกล้าของแม่มิตรสหาย ตอนแรกก็แอบคิดว่ามันจะห้ามแม่หรืออะไรไหมนะ แต่ไม่เลย หน้าของมิตรสหายเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
“อ่อ นี้กูคงประเมินมึงผิดไปสินะ 55555555”
เราชอบความบ้าบิ่นนี้ของทั้งสองแม่ลูกมาก เพราะมันสอนอะไรเราหลายอย่าง บางทีอยากทำไรก็ทำไปเลย ถ้ามันไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร ในเมื่อชีวิตมันเป็นของเรา ถ้าเราไม่ใช้มันและใครจะใช้หล่ะ ใช่ไหม?
ท้ายสุด ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ เค้าไม่ค่อยเข้าใจภาษาอังกฤษอีกแล้ว แต่พวกเค้าพยายามสื่อสารกับเราอย่างเต็มที่ พร้อมพยายามเผยแพร่ศาสนาให้พวกเราอย่างตรงไปตรงมา
พวกเรายืนฟังพวกเค้าจนจบก่อนจะเดินแยกออกมาดูบรรยากาศรอบ ๆ ปราสาท
นักดนตรีเปิดหมวกและจิตรกร
ภายนอกปราสาทมีทั้งนักดนตรีเปิดหมวก หรือจิตรกรที่วาดภาพตามพื้นถนน เราชอบคอนเซปท์การวาดภาพของจิตรกรคนนึงมาก เค้าวาดภาพธงของแต่ละประเทศลงบนพื้น ใครที่มาจากประเทศไหนก็หย่อนเงินลงไปในภาพธงของตนเอง
อีกทั้งบริเวณรอบข้างยังมีร้านน้ำหอมชื่อดังที่ใครมาก็ต้องแวะมาซื้อ รวมถึงย่านร้านค้าที่มีอยู่เต็มไปหมด ด้วยความที่เราไม่มีเวลามากนัก เราเลยมาเดินเล่นในวันอื่น
“พิวขิม ลูก ไปเดินเที่ยวสะพานคู่รักตรงแม่น้ำไรน์ไหม”
“ไป!”
เราและมิตรสหายตอบพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย จิตวิญญาณนักท่องเที่ยวมันพลุ่งพล่าน
 
“เหมือนอยู่เกาหลีเลยอะ”
ภาพถ่ายบริเวณสะพานจากโทรศัพท์ของแม่มิตรสหาย
สะพานที่เต็มไปด้วยกุญแจคู่รัก พร้อมผู้คนที่เดินแวะเวียนมาคล้องกุญแจกับแฟนของตัวเอง
กุญแจบางอันคือใหญ่ชนิดที่ว่า น่าจะไม่มีวันพลัดพลาดจากกันเลยทีเดียว
แต่ก็มีบางอันที่ถูกตัดไปอย่างไร้เยื้อใยราวกับว่าความสัมพันธ์นั้นไม่ค่อยราบลรื่นซักเท่าไหร่
“เฮ้ย ข้างบนสะพานมันขึ้นไปได้อะ คนเต็มเลย”
เหนือสะพานข้างบน เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะกับนักผจญภัย ชอบท้าทายความเสี่ยงอย่างมาก แต่อาจจะจองไกด์ หรือซื้อแพ็กเกจสำหรับการท่องเที่ยวนั้น
แต่อยากที่บอกคือ เวลาของพวกเราค่อนข้างจำกัดทำให้เราทั้งสองได้แต่มองตาปริบ ๆ แล้วบอกกับตัวเองในใจว่าครั้งหน้าต้องไม่พลาดแน่นอน
ตอนนี้ก็ถึงเวลานัดพบพี่เบลล์และแฟนพี่แกแล้ว เราทั้งสามเดินกันไปยังจุดนัดหมาย ส่วนคุณป้าที่เดินทางตามมาทีหลังนั้นได้รออยู่ที่จุดนัดพบแล้ว
ตอนเจอพี่เบลล์เราพบว่า พี่เบลล์เป็นคนที่เฟี้ยวและเท่มาก แถมยังมีแฟนที่หล่อและสุภาพอีกต่างหาก พวกเราสื่อสารกับพี่ ๆ เป็นภาษาอังกฤษเนื่องจากพี่แกมาอยู่ประเทศเยอรมันตั้งแต่เด็กทำให้พูดภาษาไทยไม่ได้
พี่เบลล์พาไปซื้อเคบับร้านดัง ที่ขึ้นชื่อว่าอร่อยที่สุดในย่านนี้
เราพากันมานั่งบริเวณน้ำพลุ ซึ่งมีแสงไฟสลัว ๆ บรรยากาศมีความสงบ โรแมนติกไปในตัว เรารู้สึกสนุกและเอนจอยกับการกินข้าวในวันนี้มาก เนื่องจากพวกเราพูดคุยกันอย่างสนุกสนานบวกกับเบียร์ที่อยู่เคียงคู่กายของแต่ละคน
แน่นอนว่าเยอรมันขึ้นชื่อเรื่องเบียร์ถูกกว่าน้ำเปล่า แฟนพี่เบลล์ซื้อเบียร์ที่ผู้คนต่างบอกว่าอร่อยมาให้พวกเราคนละขวด ใช่! ขวด แต่มันเป็นขวดเล็กเหมือนน้ำอัดลมในบ้านเรา
ด้วยความที่เราเป็นคนไม่ดื่ม เราเลยไม่รู้สึกถึงความอร่อยของมัน และยกให้เป็นหน้าที่ของมิตรสหายในการดื่ม
หลังจากพูดคุยเรื่อยเปือย เราต่างพากันเดินเล่นซักพักก่อนจะนั่งรถยนต์ของคุณป้ากลับไปยังที่พักเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ และเตรียมพร้อมสำหรับการท่องเที่ยวในวันถัดไป
วันนี้เป็นวันที่เรื่อย ๆ ไม่มีอะไรมากมายเหมือนเมืองอื่น ๆ ที่เคยไปมา ไม่ได้มีข้อคิดหรือปรัชญาชีวิตที่ได้จากทริปนี้ซักเท่าไหร่ แต่สิ่งที่ได้คือความสนุก ความสงบ และค่ามิตรภาพที่เพิ่มขึ้นนิดหน่อย
ขอบคุณทุกคนที่พยายามอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ เราจะพยายามพัฒนาการเขียนให้มากขึ้นต่อไปค่ะ :)
โฆษณา