2 มี.ค. 2021 เวลา 09:34 • กีฬา
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 0-2 ลิเวอร์พูล : การเซ็ตเกมรุกของหงส์แดง
หลังจากที่ช่วงหลังพ่ายแพ้รัวๆ มาหลายนัดติด ในที่สุด “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ก็กลับมาชนะได้เสียที ในการบุกไปเอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมบ๊วยของตารางมาได้ 2-0 โดยได้ประตูจากเคอร์ติส โจนส์ และการทำเข้าประตูตัวเองคีน ไบรอัน กองหลังเชฟฟิลด์ฯ
สิ่งที่น่าสังเกตในเกมนี้ คือ รูปแบบการขึ้นเกมรุกของลิเวอร์พูล ที่เยอร์เก้น คล็อปป์ กุนซือของทีม ได้มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดการเซ็ตเกมที่ดูแปลกตาไปจากเกมที่ผ่านๆ มา
เริ่มจากฟอร์เมชั่นของทีม เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังคงยึดมั่นใจระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคย แต่เมื่อได้ครอบครองบอล จะให้ลูกทีมปรับ shape เป็นรูปแบบ 3-2-5
จริงๆ แล้วปกติลิเวอร์พูลเองก็ใช้ shape แบบนี้ตอนขึ้นเกม แต่ที่แตกต่างกันจากที่ผ่านๆ มา คือ การปรับผู้เล่นที่ใช้ขึ้นเกม กับผู้เล่นที่ยืนเกมรุก
เริ่มจากปรับแผงหลังเป็น 3 คน โดยที่เทรนต์ อาร์โนลด์ จะขยับเข้ามาร่วมเล่นกับ 2 เซ็นเตอร์แบ็คที่เหลือทั้งแนท ฟิลลิปส์ และโอซาน คาบัค
ในแผงกลางติอาโก้ อาคัลทาร่า จะลงมาทำเกมร่วมกับจอร์จิโอ ไวจ์นัลดุม รอรับบอลจากแผงหลังทั้ง 3 คน ยืนตำแหน่งและเคลื่อนที่ในลักษณะ shape 3-2
ตัวรุกทั้ง 5 ตัวจะคอยหาช่องรับบอลในแดนหน้า โดยให้แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ยืนริมเส้นฝั่งซ้าย และโม ซาล่าห์ ยืนชิดริมเส้นฝั่งขวา (เมื่อก่อนจะเป็นเทรนต์ อาร์โนลด์ ที่ขึ้นไป)
ขยับมาที่ตัวรุกข้างใน จะดันเคอร์ติส โจนส์ ขึ้นไปในพื้นที่ half space ฝั่งซ้าย ประสานงานร่วมกับโรเบิร์ตสัน ส่วนพื้นที่ half space ฝั่งขวา ปรับให้โรแบร์โต เฟอร์มิโน มาเล่นตรงนั้น เพื่อให้ประสานร่วมกับซาล่าห์อีกที
ส่วนซาดิโอ มาเน่ ที่ปกติจะทำเกมฝั่งซ้าย ในเกมนี้ก็ได้รับมอบหมายให้เล่นเป็นตัวรุกตรงกลาง ทำหน้าที่เป็นกองหน้าตัวเป้า และยังสามารถถอยลงมาล้วงบอลในบทบาทของ false 9 ได้อีกด้วย
ลิเวอร์พูลขึ้นเกมด้วยรูปแบบ 3-2-5
ส่วนทางฝั่งเชฟฟิลด์ฯ วางระบบการเล่นที่ถนัดคือ 3-5-2 ซึ่งเวลาตั้งรับก็จะเป็น 5-3-2 นั่นเอง
การป้องกันเกมรุกของทีมในเกมนี้แทนที่จะตั้งรับต่ำเพื่อรับมือกับลิเวอร์พูล แต่เชฟฯ ยูไนเต็ด กลับเดินหน้าไล่เพรสซิ่งไม่ให้ลิเวอร์พูลขึ้นเกมได้โดยง่าย นอกจาก 2 ศูนย์หน้าที่วิ่งไล่บอลแล้ว ยังให้จอห์น เฟล็ก มิดฟิลด์ของทีม ดันขึ้นสูงไปช่วยไล่บอลอีกคน
เชฟฟิลด์ฯ เพรสซิ่งสูง ใส่ลิเวอร์พูล
การที่เชฟฟิลด์ฯ เดินหน้าไล่เพรสซิ่งสูงเข้าใส่ลิเวอร์พูล ทำให้พื้นที่ตรงกลางเหลือมิดฟิลด์ตัวกลางแค่ 2 คน และก็เป็นมาเน่ ที่เล่นหน้าเป้าจะถอยลงมารับบอลตรงพื้นที่ระหว่างไลน์แผงหลังและกองกลาง
มาเน่ กับบทบาท False 9
มาเน่ กับบทบาท False 9
เมื่อมาเน่ได้บอล จะมองหาช่องว่าง half space โดยมี เฟอร์มิโน, โจนส์, หรือซาล่าห์ คอยวิ่งรับบอล
บางครั้งก็เป็นเฟอร์มิโน ที่ลงมาต่ำสลับกับมาเน่ที่ดันสูงแทน ส่วนซาล่าห์ในเกมนี้ส่วนใหญ่จะรับผิดชอบริมเส้นฝั่งขวาเป็นหลัก
การเคลื่อนที่ของมาเน่ และตัวรุกอีก 4 คน สร้างความปั่นป่วนให้กับ shape เกมรับของเชฟฯ ยูไนเต็ดพอสมควร
มาเน่ กับบทบาท False 9
มาเน่ กับบทบาท False 9
โดยเฉพาะเคอร์ติส โจนส์ ที่เกมนี้รับบท Mezzala (กองกลางที่ฉีกออกข้าง และเน้นโจมตีพื้นที่ half space) ที่เกมนี้เล่นเป็นเหมือนกองหน้าอีกคน สร้างปัญหาให้กับเกมรับเชฟฟิลด์ฯ เป็นอย่างมาก จนกระทั่งยิงประตูปลดล็อกให้ทีมได้สำเร็จ
นี่คือรายละเอียดทาง Tactic บางส่วน ที่เยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ปรับให้ลูกทีมเล่น เพื่อเจาะเกมรับของคู่แข่ง ที่น่าสนใจคือการใช้งานเทรนต์ อาร์โนลด์ เป็นคนเซ็ตเกมจากแดนหลัง ติอาโก้ เป็นตัวเชื่อมระหว่างหลังกับหน้า และที่สำคัญ คือ ปรับให้เคอร์ติส โจนส์ รับบทตัวรุกอิสระที่คอยวิ่งเข้าทำคล้ายๆ กับที่ซิตี้ ใช้อิคาย กุนโดกัน สอดเข้าไปยิงประตู
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งว่า การปรับการขึ้นเกมรุกที่ทำให้ทีมกลับมายิงประตูได้อีกครั้ง จะสามารถเจาะลูกทีมของโทมัส ทูเคิ่ล ที่มีเกมรับเหนียวแน่นได้หรือไม่ ต้องรอติดตามในเกมถัดไปที่จะเปิดบ้านพบกับเชลซี ในคืนวันพฤหัสฯ นี้
#tacticmania #ลิเวอร์พูล #Liverpool #tactic #คล็อปป์ #Klopp #SheffieldUnited
โฆษณา