7 มี.ค. 2021 เวลา 04:32 • ท่องเที่ยว
เที่ยวเกาะหลีเป๊ะ...Dream Destination
4 วัน 3 คืน
ซีรีย์ ยาวยาววว อ่านต่อเนื่องเพลินเพลินครับ
เผื่อเปนแนวทางสำหรับการไปเที่ยวที่นี่
บรรยากาศในโรงแรม Goodnight Hatyai อ.หาดใหญ่
1.
แอ่นแอ่นแอ๊นนนนน...
มาอีกแร้วครับ
Trip Note สำหรับ การมาท่องเที่ยว
หาดใหญ่ และ หลีเป๊ะ ในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา (25-28 กพ)
...
ความที่ จุดหมายครั้งนี้ของเรา คือ เกาะหลีเป๊ะ ซึ่งเปนครั้งแรกของทุกคนก้อว่าได้ที่มาทริปคราวนี้
ซึ่งพอ ผู้จัดทริป คือ พี่ปุ๊ย เอ่ยขึ้นมาว่า ชั้นจะจัดมานี่..ยกมือกันพรึ่บ
สิริรวมแร้ว 16 ชีวิตที่มาท่องเที่ยวในทริปนี้
14 ไทย + 2 ฮ่องกง
ซึ่ง 2 ฮ่องกงนั้นก้อคือ เพื่อนของผม คือ นายเจสซี่ และนางคายี ที่เปน Co-Founder ของ ez rider club นั่นเอง
(มันคือ กลุ่มจักรยาน ที่นำ นทท ต่างชาติมาไทย ... ตอนนี้ กริบครับ ท่านโควิดมา อิอิ)
...
เข้าเรื่อง
วันแรก...เรามาถึงหาดใหญ่ก่อน 1 วัน เพื่อเตรียมตัว เพราะว่า การไปเกาะหลีเป๊ะนั้น วิธีการคือ ถ้าไม่นั่งเครื่องบินมาลงที่หาดใหญ่ ก้อต้องไปที่ ตรัง และต้องนั่งรถต่อมายัง สตูล โดยใช้เวลาประมาณ 1.30 ชม จากนั้น ก้อต่อเรือไปยังเกาะอีก 1.30 ชม ด้วย speed boat
รวมรวม ใช้เวลา 3 ชม และเวลาขึ้นเรือนั้น แต่ละวัน ก้อเหลือแค่ สองรอบ (จากปกติวันละ 4 รอบ เพราะโควิด อีกแล้ว)
ทำให้จำเปนต้อง ค้างคืนนึง ณ ที่ใดที่นึง ก่อนจะไปต่อเรือ
...
รอบนี้ เราเลยจัดมาพักที่หาดใหญ่
และ ถ้าเรามานอนหาดใหญ่ ก้อต้องมาพักที่โรงแรมของ เพื่อนเรา ซึ่งก้อคือ โรงแรม Goodnight Hatyai ของ พี่ชิน ...นั่นเอง
โรงแรมนี้ สไตล์จะเปน
สไตล์มินิมอล เปลี่ยนจาก อาคารพาณิชย์ธรรมดา กลายมาเปน โรงแรมที่ดูเท่ เกร๋ มากมาก
ทั้งโรงแรม มี 8 ห้อง
4 ห้อง เปนแบบ Twin bed
4 ห้อง เปนแบบ Double bed
ซึ่งคณะของเรานั้น ลงตัวพอดีในจำนวนห้อง
และ Type
PERFECTO!!!
...
ห้องพักที่นี่ ตกแต่งไม่เหมือนกันเลยซักห้อง
ยกตัวอย่าง ถ้าเปนห้องที่มีลายเพ้นท์
Audrey Hebburn เปนลายเส้นขาว ดำ
โทนห้องนั้น ก้อจะเปนแนวขาว ดำ แม้กระทั่ง แชมพู ก้อยังหา แชมพู และครีมนวด สีขาว และดำ มาอีกตะหาก
ลงรายละเอียดมากมาก
...
ห้องที่ผมพัก เค้าเรียกว่า ฮาเร็ม
(ก้อไม่รู้ซินะ..อิอิ)
น่ารักดีครับ
..
เอาเปนว่า ใครหาที่พักสวยสวย โคซี่เล็กเล็ก มินิมอลหน่อยหน่อย ใกล้ตลาด ใกล้ร้านอาหาร ใกล้ร้านซักผ้า (ของเพื่อนอีกเหมือนกัน อิอิ ไปใช้บริการได้ครัช)
ลองมาที่นี่ครับ
แล้วจะติดใจ
มุมถ่ายรูปเพียบ แถมทุกห้อง มี Netflix ให้ชมฟรีฟรีอีกตะหาก เรียกว่า จะสิงอยู่แต่บนห้อง ก้อไม่มีใครว่าครัช อิอิ
ติตต่อตามลิงค์ได้เลยครับ
อีกมุมสวยสวย ของโรงแรม Goodnight Hatyai
2.
การมาพักโรงแรมนี้
เปนการมาพัก เปนครั้งที่ 3 ของผมแร้ว
เรียกได้ว่า แทบจะไม่หันไปหาโรงแรมไหนเลย ถ้าคณะเรา จำนวนไม่ได้มากเกินกว่าเค้าจะรับได้
เพราะ ความเปนกันเอง ความมีเสน่ห์ของห้อง
อยากรุ้เรืองอะไร พี่ชิน และน้องแอน สามารถตอบคำถามเกี่ยวกับ หาดใหญ่ สงขลา และจังหวัดใกล้เคียงได้อีก แบบ เจาะลึก
เช่น
ถ้าคุณอยากทานอาหารอร่อยอร่อยในหาดใหญ่ แค่ถามครับ
เช่น ถ้าอยากทานข้าวมันไก่
ทางพี่เค้าจะแจ้งเลยว่า ร้านไหนอร่อยยังงัย รสชาติแตกต่างกันยังงัย แบบ อินดีเทลมากมาก สุดสุดอ่ะ
อยากทานกาแฟในสงขลา
ผมก้อถามเค้าว่า ร้านที่เหนจากรีวิวมาเปนยังงัย พี่เค้าตอบมาละเอียดกว่าที่อ่านรีวิวอีก
แถมทำให้อยากไปทานมากขึ้นไปอีก
และ ในทริปนี้
ทางเราก้อได้ใช้บริการในเรื่องการจองรถตู้ - เรือข้ามเกาะ ไปยังหลีเป๊ะ จากทางพี่ชิน
ซึ่งทางพี่เค้า อำนวยความสะดวกตั้งแต่ รถไปรับยังสนามบิน กลับมายังที่พัก
พาไปทานข้าว โทรเชคตลอดทางว่า ถึงไหน ไลน์มาบอกด้วย แจ้งเบอร์รถว่าเค้าคอยตรงนั้นตรงนี้ เรียกว่า จากหาดใหญ่ ยัน หลีเป๊ะ
จะคอยถามตลอดทาง จนถึงจุดหมายของเรา
โอยโอย
บริการดุจญาติมิตรจริงจริง
คือ ถ้าไม่ใช่ช่วงโควิด
โรงแรมนี้ เต็มตลอด เพราะว่า นทท ต่างชาติ จากทางมาเลย์ และสิงคโปร์ ชอบมาพักที่นี่ เพราะว่า เดินทางสะดวก เจ้าของน่ารัก บริการเปนกันเอง
แถม สปีคได้ทั้ง จีน อังกฤษ อีกตะหาก
รู้ลึก รู้จริง ก้อต้องนี่เลย
...
อยากรู้ต้องมาลองครับ
..
ส่วนภาพนี้ คือกลุ่ม ยังเติร์ก ของกลุ่มนี้ คบกันเหนียวแน่นมายาวนานตั้งแต่สมัยเรียน เรียกว่า น่าจะเกิน 35 ปีแล้วมั้ง (มั้งมั้งนะ อิอิ)
หลายคนในกลุ่ม มาพักที่นี่ครั้งแรก
ติดใจกันหมดเลย
ที่นอนนุ่มสบายกำลังดี
หมอนดูดวิญญาณ เรียกว่า
หัวฟาดหมอนปุ๊ป หลับปั๊ปเลยทีเดียว
น้ำฟักบัวไหลแรง อาบเพลิน (อันนี้สำคัญครับ ผมชอบน้ำแรงแรงสาดใส่ตัว อิอิ)
ทีวี LCD จอใหญ่
และขนาดว่า โรงแรมนี้ ติดกับถนน และค่อนข้างใกล้แหล่งชุมชน
เวลานอน เสียงเล็ดลอดจากด้านนอก แทบจะไม่ได้ยินเลย
ใช้วัสดุกรุกันอย่างดี
ตกแต่งแบบไม่หวงของ ใช้แต่ของดี
โอยยโอยยยยย
บรรยายไป ทำให้แทบอยากจะกลับไปนอนอีก
เมื่อไหร่กรุจะรวย แบบไม่ต้องทำงานฟ่ะ
จะเที่ยวแม่มให้ยับเบยยยย
นอนซักเดือนไรเงี้ย
555
ภาพบรรยากาศในร้านกาแฟที่ สงขลา
3.
เริ่มเรื่อง...
คณะเรา เดินทางมาถึงก่อน ประมาณ 12.35 น. จำนวน 4 คน คือ ผม/พี่ย้ง/เจสซี่ และคายี
และเมื่อถึง หาดใหญ่แล้วนั้น
มีราชรถมาเกยถึงสนามบิน โดยการจัดการของ MR.Arrow หรือ นายธนู พี่ใหญ่ของหาดใหญ่นั่นเอง (ตัวใหญ่เจงเจง อิอิ)
..
จากนั้น ก้อพาคณะเรา ไปเที่ยวยัง จังหวัดสงขลา
ซึ่งการมาสงขลานั้น ผมมาประมาณ สี่ห้ารอบแล้ว แต่ก้อยังชอบอยู่ เพราะ ชอบอาคารพาณิชย์ ที่ยังคงเก็บอาคารเก่าไว้อยู่ ซึ่ง ลักษณะโครงสร้างอาคาร เปนสไตล์ ชิโน-ยูโรเปียน...โดยได้รับอิทธิพล มาจาก การทำการค้ากับ ชาวยุโรป
และ ผู้คนแถวนี้ ก้อมีบางส่วน อพยพมาจากทาง ปีนัง และ มาเลย์ ทำให้ผู้คนแถวนี้ในสมัยก่อน พูดภาษาจีนได้
..
การมาเที่ยวรอบนี้ ร้านรวง เปลี่ยนไปพอสมควร เกิดร้านกาแฟใหม่ใหม่ขึ้นอีกเยอะ โดยใช้อาคารเก่ามาทำ ให้มีจุดเชคอิน จุดถ่ายรูป เยอะแยะไปหมด
กาแฟ อร่อยอร่อย และฝีมือการชงของคนรุ่นใหม่นี่ เริ่ดแท้
..
สตรีทอาร์ท ของที่นี่ ก้อสวยงามตามเดิม แต่ว่า ก้อมีสีซีดจางไปบ้างตามกาลเวลา อาจจะต้องมีการซ่อมสีบ้าง เผื่อให้คงทน จะได้มีไว้ให้คนมาเช็คอินได้อีกนานนาน
..
รูป set นี้ ถ่ายที่ร้านกาแฟ ชื่อ Lyn's The Shanghai Cafe'
ร้านเพ้นท์รูป สไตล์อาร์ทจีน ดูเกร๋ไปอีกแบบ
แถมกาแฟในร้าน ก้อยังมีขายกาแฟดริปเยน ใส่ขวดกลับบ้านด้วย มีหลายแบบหลายรส เลยจัดมา 4 ขวด ไปชิมซะหน่อย
..
ปอลิง
รอบนี้ ใช้กล้อง A9
พร้อมเลนส์อีกเพียบ
200-600 mm fไหล
14-24mm f2.8
24-70mm f2.8
35mm f1.2
นน รวม มี 10 โล แบกกันหลังแอ่น 555
...
Set ในเมืองสงขลา ใช้เลนส์ Fix
sigma 35mm f1.2 เปนหลัก ไม่มีฟิลเตอร์ลดแสงช่วย (หมดงบ อิอิ)
ภาพเลยจะออกแนว หลังละลาย เล็กเล็ก
ภาพบรรยากาศในร้านกาแฟที่ สงขลา
4.
Another painting in this cafe
chinese art with china girl
เดินเล่นถ่ายรูป Street Art ในเมืองสงขลา
5.
ออกจากร้านกาแฟ
เดินเล่นถ่ายรูป street art ต่างต่าง ให้หนำใจ
แต่ภาพนี้ บังเอิญ เดินผ่านซอยซึ่งจะทะลุไปยัง โกดังสีแดง แล้ว แสงมันได้
เลยให้ยืนแอคกันซะหน่อย
สนองตัณหา ตากล้อง สำหรับใบนี้ 😆😆😆
ผู้เขียนขอนั่งพักเหนื่อยกับมุมชิคชิค ในสงขลา
6.
หมดแรง
เดินมาตั้งนาน แดดก้อแรง ขอนั่งพักหน่อย
กับ มุมที่เรียกว่า ยอดนิยม ของถนนนี้
แสงไฟสีเหลืองอ่อน พร้อมกับเหล่า แมวน้อย
บรรยากาศริมทะเล ณ โรงสีแดง หับโห้หิ้น จ.สงขลา
7.
หลังจากนั่งพักหายเมื่อยซักแพร่บ
ก้อเดินไปยังจุดหมายท้ายท้ายของเรา คือ
โรงสีแดง หรือ หับโห้หิ้น นั่นเอง
...
เปนที่ขึ้นชื่อลือชา กับชื่อนี้นัก เพราะว่า ทางพี่เก้ง สมัยทำบริษัทแรก นำชื่อนี้ มาตั้งเปนชื่อบริษัทตัวเอง ก่อนจะเปน GTH ในกาลต่อมา
..
ที่นี่ ประวัติเยอะ ไปค้นเอานะครับ อิอิ
ส่วนด้านหลัง ก้อจะเปนท่าเรือไว้ขนส่งสินค้า ตอนนี้ก้อเปนที่จอดเรือประมง และมีที่ให้สำหรับ นั่งหย่อนใจถ่ายรูปกับวิวทะเลสวยสวย ตามในภาพ
..
ซักหน่อยเนอะ ไหนไหนก้อมาแล้ว
บรรยากาศร้านกาแฟ ในเกาะยอ จ.สงขลา
8.
เยนย่ำค่ำลง ก่อนจะเข้ายังที่พัก ณ หาดใหญ่
ป๋านู พาแวะยังร้านกาแฟ บนเกาะยอ
ขับมายังจุดชมวิวที่สวยงามอีกจุดนึง
ชื่อร้าน Good Mountain Cafe
แต่ ไม่ได้ทานอะไรเลย เพราะอิ่มมว้ากจากมื้อกลางวัน เลยนั่งทานน้ำปั่นกันไปพลางพลาง
...
หลังจากหายเหนื่อย และเพลินกับการถ่ายรูปแล้ว ก้อบ่ายหน้ากลับยัง อ.หาดใหญ่ ไปเจอคณะใหญ่ของเรา ที่ โรงแรม Goodnight Hatyai
...
ภาพนี้ เลยจับ ป๋านู และเอ๋ย มาถ่ายรูปกันหน่อย
กราบขอบพระคุณ ที่กรุณามารับ-ส่ง พร้อมอำนวยความสะดวกในครึ่งบ่ายนี้
ซึ่ง หลังจากคุยกันนี่
ป๋านู เค้าบินมา หาดใหญ่ เพื่อเจอพกวเราโดยเฉพาะ แล้วก้อบินกลับ
สุดสุดจริงจริงครับ ท่าน
โอกาสหน้า มาใหม่นะ ชอบชอบ อิอิ
บรรยากาศริมทะเล ณ หลีเป๊ะบีชรีสอร์ท เกาะหลีเป๊ะ
9.
หลังจากพักผ่อนหลับนอนกันเรียบร้อย
ตื่นเช้าวันใหม่ .. หลังจากไปหาของอร่อยอร่อยกิน เช่น ติ่มซำ / ข้าวมันไก่ / ขนมดอกกระโดน .. ก้อได้เวลาออกเดินทางไปยัง เกาะหลีเป๊ะ
..ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ ทางพี่ชิน เจ้าของโรงแรม goodnight hatyai ได้จัดการจองการเดินทางให้
..วิธีการเดินทางไปยัง เกาะหลีเป๊ะ มีได้หลายทาง
ถ้ามาทางเครื่องบิน
เนื่องจาก สตูล ไม่มีสนามบิน ดังนั้น จึงต้องเลือกว่า จะไปลงที่ อ.หาดใหญ่ หรือ จ.ตรัง
ซึ่ง ระยะทางการเดินทาง มายังท่าเรือ ปากบารา ไม่ต่างกันมาก ใช้เวลา ชั่วโมงก่าก่า กันหมด แต่ จากที่สอบถามทางคนขับรถตู้ เค้าบอกว่า ทาง อ.หาดใหญ่ จะมีตัวเลือก คือ มีบริษัททัวร์มากกว่า มีแพคเกจหลากหลายกว่า ทาง จ.ตรัง...จริงเท็จอย่างไร เชคกันเองนะครัช
..และส่วนมาก ก้อจะต้องค้างคืนในจังหวัดที่มาลงก่อน เพราะว่า เรือที่จะออกจากท่านั้น ในปัจจุบัน มีแค่ สองรอบ
คือ 11.30 และ 13.30 (ขาไป)
9.30 และ 11.30 (ขากลับ)
แต่...ลองเชคข้อมูลกันอีกทีนะครัช อันนี้จากเวปจองเรือ
..
สรุปการเดินทางในวันนี้
เริ่มออกจาก โรงแรม 11.00
ถึงท่าเรือปากบารา จ.สตูล 12.30 ก่าก่า
ยืดเส้นยืดสาย เข้าห้องน้ำ/ทานน้ำ/ปัสสาวะ
ก้อถึงเวลาลงเรือ
เรือเปนสปีดโบ้ท ลำใหญ่ จุได้ 70 ก่าคน
วันที่ไป เต็มลำเรือ นั่งกันตัวตรงมาก (ยืดขาไม่ได้เลย แถมใส่มาร์ค อึดอัดชมัดยาด)
...
เรือที่ไปนั้น
ถ้าเราไปรอบเช้า จะได้แวะเดินเล่นที่ เกาะตะรุเตา (15 นาที)
ส่วนเรามารอบบ่าย เลยได้แวะที่ เกาะไข่ แทน
(15 นาที)
นัยว่า ลงไปยืดแข้งยืดขา แต่ผมว่า มันดูเสียเวลาไปนะ น่าจะไปที่พักให้มันจบจบไปเลยดีกว่า ..เพราะกว่า คน 70 คนทยอยลงเรือ ก้อเกือบสิบนาทีแล้ว ลงไป ยังไม่ทันไร ก้อต้องขึ้นเรือแล้ว แถมบางคนติดลม ถ่ายรูปเพลิน คนบนเรือ ก้อต้องมานั่งรออีก มาช้า โดนบ่นกันหูชาอีก ... ก้อดูแปลกแปลกดี สำหรับการนั่งเรือแบบนี้
... แต่ถ้าใครสะดวกจะเหมาเรือ ราคาก้อมีตั้งแต่ สองหมื่นกว่าบาท เปนต้นไป ก้อลองเลือกวิธีกันดูครับ
..เรือไปเกาะหลีเป๊ะ ใช้เวลา 1.30 ชม กับระยะทาง 65 กม.
...
พอถึงฝั่ง ก้อต้องนั่งรถมอไซค์พ่วงข้าง ทุลักทุเล ต่อไปยังที่พัก เพราะถนนบนเกาะ เปนลักษณะ ลูกคลื่น ไม่มีการลาดยางใดใดทั้งสิ้น
จริงจริง ตรงนี้ ทางจังหวัด หรือ อบต น่าจะมีงบมาลง ทำถนนลาดยางให้มันดีดีไปเลย ไหนไหน ก้อไหนไหนแล้ว คุณจะระเบิดเกาะ ให้บูม ให้การท่องเที่ยวเข้าถึง ก้อน่าจะให้ชาวบ้าน หรือนักท่องเที่ยวบนเกาะ มีความสะดวกสบายนิดนึงก้อยังดี ปะเหมาะ ทางดี สามารถเปนทางปั่นจักรยานรอบเกาะได้อีก ก้อสามารถ ดึงกลุ่มออกกำลังมาได้อีก
ก้อฝากเรื่องดูละกันครับ
เพราะว่า ที่ไปมาหลายเกาะ เช่น เกาะลันตา เกาะพยาม เกาะสีชัง เกาะช้าง เกาะสมุยเค้าก้อทำถนนลาดยางกันหมดแล้ว หรือกำลังทำกันอยู่...เราอย่ามัวไปคิดว่า มีถนนแล้ว เกาะจะเละ เพราะมันเละไปแล้ว คุณควรจะคิดว่า ทำอย่างไรให้มันดีขึ้น และยั่งยืนดีกว่า
...
เอาละ หลังจากดั้นด้นใช้เวลาสิริรวมทั้งหมด
เกือบ 5 ชม ก้อมาถึงที่พักจนได้
แรกเริ่ม พอเดินจากด้านหลังมาถึงล๊อบบี้
พอเหนทะเล เปนแบบ พานอรามา น้น
ความเหนื่อยทั้งหลายที่แบกมาทั้งวัน
หายเปนปลิดทิ้ง
ไอ้เรานี่ รีบคว้ากล้องออกมา หามุมถ่ายรูปเลย ทุกที่ดูสวยไปหมด
น้ำใสกิ๊ก ยังกะอยู่เกาะมัลดีฟยังงั้นเลย
ทรายขาวละเอียด
หน้าหาดกว้างและ ยาวววววววไกลมากกกก
และที่สำคัญ ไม่มีเศษขยะบนหน้าหาด..เลย
อันนี้ ต้องขอชมเชยจริงจริง
เด่วจะมาเล่าให้ฟังอีกที
...
ถ่ายรูปนางแบบก่อน อิอิ
คู่จิ้นประจำทริป คืนนี้เสร็จแน่ อิอิ
บรรยากาศ ณ ร้าน Zodiac เกาะหลีเป๊ะ
10.
หลังจาก เกบของ ล้างหน้าล้างตา ทานน้ำ ปัสสาวะ เรียบร้อย เริ่มเปนเวลาเยน ก้อถึงเวลาที่ต้องไปดูพระอาทิตย์ตกดินแล้ว ซึ่งสถานที่ดูพระอาทิตย์ตก ต้องเดินจากหน้าโรงแรมไปตามชายหาด ประมาณ 500 เมตร ก้อไกลพอดู แต่ก้อโอเคนะ ได้ออกกำลังบนผืนทราย และเดินจ่อมในทะเล
ฟิน
...
ไปถึงบริเวณหน้า รร. Zodiac มีบาร์ชื่อเดียวกัน ตกแต่งสไตล์เร็กเก้ผับ เหมือนตามเกาะทั่วทั่วไป
มีดีเจเปิดเพลง มีเปิดบาร์ขายเหล้า
เราก้อสั่งเบียร์ สั่งเตกีล่า มานั่งชิลกันซักหน่อย รอเวลาพระอาทิตย์ตก ช่วง 18.35 น. ตามเวลาในแอปดูดาว
...
ตรงนี้ ตกแต่งสถานที่ได้น่ารักดี มีมุมถ่ายรุปเยอะ สาวสาวก้อหามุมกันเพลิดเพลิน เราก้อสนุกสนานกับการกดรูป เพราะได้ทั้งลองกล้อง และเลนส์ไปในตัวด้วย
ฟิน
...
ตอนนี้ก้อ รอเวลา พระอาทิตย์ตก
รอดูซิว่า จะงดงามขนาดไหน
..
ว่าแต่คืนนี้
คู่นี้ เค้าจะเล่นท่าไหนกันน้าาาาา อิอิ
แค่ถ่ายรูปยังหน้าฟินขนาดเน้
จุดชมพระอาทิตย์ตกดิน ณ หาดบูโลว เกาะหลีเป๊ะ
11.
และแล้ว...
เวลาที่รอคอย ก้อมาถึง
เดินไปยัง บริเวณ หน้าหาดบูโลว
ซึ่งก้อคือ หน้าหาดของร้าน Zodiac นั่นแหละ
ตรงนั้น มี รร Mountain View ซึ่งทีแรก คณะเราจะมาพัก แต่เต็มเอี๊ยด เลยต้องย้ายไปอยู่ที่อื่นแทน
...
ตรงจุดนี้..ผู้คนหลั่งไหลมาจากที่พักอื่นอื่น บนเกาะ เพราะเปนจุดที่เค้าว่ากันว่า พระอาทิตย์จะสวยที่สุดในย่านนี้
คนจับจอง เหลี่ยมมุมของแต่ละคน เต็มพื้นที่หน้าหาด
...
เราก้อหาทำเล ตั้งขาตั้ง ควักเลนส์ 200-600 ใส่ตัวคูณ 2 เข้าไป ให้ได้ระยะซูมที่ 1200mm
เผื่อจะเอาดวงอาทิตย์ ให้อลังการ มากที่สุด เท่าที่เลนส์ จะอำนวยได้
เอาละ เมื่อได้ที่ ก้อกดตั้งเวลากันเลย
...
พี่ซัน ตกต้องตามเวลา เป๊ะ 6.35 เริ่มคล้อยห้อยต่ำลง ต่ำลง มาเรื่อยเรื่อย
ตอนนี้ เราก้อมีหน้าที่ เก็บภาพไปเรื่อยเรื่อย
...
ภาพนี้ ตอนแรกไม่ได้อยู่มุมนี้ พอพี่ซัน คล้อยต่ำลงมา ยกกล้องวิ่งไปยังมุมที่ เสากระโดงเรือ ทาบพี่ซันพอดี
เลยได้มุมมองประมาณนี้
ถูกใจจิงจิง
...
ไม่ได้เก็บภาพใบแรกไว้ มาทำ stack เพราะตอนนั้น คิดไม่ทัน คนมันเยอะ จนต้องรีบรีบตั้งขาตั้ง และหามุม แถมพื้นยังเปนทราย ตั้งขาแล้ว ต้องปรับให้ได้มุมอีก หลบทั้งหัวคน ได้แค่นี้ก้อโอแร้ว 555
พระอาทิตย์ ตกในรูปแบบ Omega Sun
12.
DREAM SHOT
...
ภาพนี้..ที่รอคอย
shot นี้ เคยเหนจาก เพื่อนเพื่อนพี่พี่ในกรุ๊ปถ่ายรูปดวงดาว ภาพท้องฟ้า ต่างต่าง ซึ่งสวยงามมาก
ดวงอาทิตย์ ตกแบบนี้ เค้ามีชื่อเปนทางการว่า
OMEGA SUN
หมายถึง ลักษณะของดวงอาทิตย์
ที่ตกกระทบ ยังพื้นผิวใดใด แล้วแสงตรงด้านล่าง กระจายออก เปรียบเสมือน สัญญลักษณ์
OMEGA ประมาณนั้น
..ถ่ายรูป ก้อมี story ประกอบให้นะค้บ อิอิ
....
เอาเปนว่า ตอนเห็น shot นี้ ตั้งถ่ายแบบ interval รัวรัว พอเหนภาพจากหลังกล้องแล้ว ตื้นตันใจเลยว่า
กรูได้ถ่ายภาพแบบนี้แว้วววววววเว้ยเฮ้ยยยย
จะมีโอกาสซักกี่ครั้ง ที่จะได้เจอะเจอ
ภาพ พระอาทิตย์ ตกกระทบผิวน้ำ แบบ เหมือนว่า จมหายไปในน้ำ ยังงัยยังงั้น
...
ทุกคนบนหาด ยืนดูแบบ อึ้งอึ้ง และพอจมลงหมดดวง เสียงปรบมือ ดังขึ้นแบบ ไม่ได้นัดหมาย เรียกได้ว่า เรียกความประทับใจจากทุกทุกคนที่อยู่ ณ ตรงนี้
และ
วันนี้คือ วันมาฆบูชา
(เกี่ยวมั้ยอ่ะ 555)
...
สวยจริงจริงครับ
สวยจนอยากจะอยู่ต่ออีกซักสองสามวัน
เพื่อนั่งเก็บภาพไปเรื่อยเรื่อย จนกว่า เมมกล้องจะเตม 555
...
ภาพอาทิตย์ตก ยังมีอีกเพียบ แต่คงลงให้ชมประมาณนี้ครับ สำหรับวันแรก
ใครอยากได้ไฟล์ ก้อมาก๊อปเอาไปได้นะครับ ไฟล์ไม่ใหญ่มาก ผมตั้งไว้ 10MB แต่ถ้าใครจะเอาไฟล์ Raw ไปนั่งปรับเล่น ไฟล์ก้อใหญ่พอตัวครับ เพราะ Uncompressed ไว้
..
ก้อ ดังคำเค้าว่า
เก็บมาแต่ภาพถ่าย
เหลือทิ้งไว้ แต่ ความทรงจำ ดีดี
...
พรุ่งนี ค่อยมาเหลากันต่อครับ
พักผ่อนนอนหลับ
ฝันดีราตรีสวัสดิ์คะร้าบบบ
ทุกคน
Fly Me to The Moon
13.
หลังจาก ยืนดูพระอาทิตย์ตกดินเรียบร้อยแล้ว
ขณะกำลังเก็บกล้อง เตรียมกลับไปยังที่พัก
พอหันหลังกลับเท่านั้น ก้อมีเสียงดังอื้ออึง จากกลุ่มคน
ครับ...เปนภาพพระจันทร์กำลังขึ้น นวลผ่องเปนยองใย ทันทีทันใด หลังจาก สิ้นแสงอาทิตย์
เฮ้ยยย...เอาแบบนี้เลยหรอฟ่ะ
แล้วกล้องที่ช้านเพิ่งเก็บไปละ ขาตั้งอีก 555
ก้อ..ยาวยาวไปครับ
ยืนถ่ายรูปไม่นับอีกเช่นเคย
พระจันทร์ลูกโตโต โผล่จากขอบฟ้า
..จริงจริง ถ้าฟ้าด้านนี้ไม่มีเมฆ และฝุ่น อาจจะเหนโผล่มาจากพื้นน้ำ ก้อเปนได้
สตั้นท์จริงจริงครับ
..
เราก้อยืนถ่าย รอจนพระจันทร์ค่อยค่อยสูงขึ้น จนได้รับแสงสะท้อนจากแสงโลก และแสงอาทิตย์ ทำให้เกิดสีเหลืองนวลนวล กระทบกับผืนน้ำ
สวยโคตรโคตร ดูซอฟ ดูชิล มากมาก
..
ยืนถ่ายรูป แอคท่าถ่ายรูป ทั้งยืน ทั้งนั่งกับพื้นทราย เพลิดเพลินจนลืมเวลา
สรุปว่า ตั้งแต่ มายืนถ่ายพระอาทิตย์ ตั้งแต่ 17.30 จนกระทั่งพระจันทร์
สิริรวมเวลา ณ ที่นี้ ประมาณ เกือบ 3 ชม
แต่เปน 3 ชม ที่อิ่มใจ จริงจริง
...
แนะนำครับ
ถ้าคุณมาหลีเป๊ะ
คุณต้องมา ณ หน้าหาดแห่งนี้
แล้ว จะลืมหายใจไปชั่วขณะ...จริงจริง
Under The Lover's Moon
14.
Under the LOVER's MOON
..
ยืนถ่ายรูปแถวนี้ แบบไม่หยุดยั้ง
ทั้งถ่ายกับแสงธรรมชาติ และแสงไฟ ที่พกมา
สวยทั้งสองแบบ
..
เอาเปนว่า บรรยากาศมันได้
นี่ถ้า มีเบียร์เยนเยนในมือนะ
โหยยย นั่งชิลบนหาดได้ทั้งคืนเลย
Morning Sunshine
15.
Morning Sunshine
...
เริ่มต้นวันใหม่ วันนี้ด้วยความสดใส
เช้านี้ พระอาทิตย์ขึ้นตามเวลาที่แจ้งคือ 6.35น. (เท่ากับเวลาตกเมื่อวานเป๊ะ)
ตื่นมา ตีห้า ล้างหน้าล้างตา
ออกมาเดินรับลมหน้าหาด
อูยยย..มืดตืดตื้อ ไม่มีแสงอะไรเลย
แสงจันทร์ก้อหลบมุมไปแล้ว
เหลือแต่แสงวิบวับ จากไฟเรือประมงลิบลิบ
น้ำก้อลงอีก
เดินไปจนเกือบหน้าหาด ไปจ่อมตรงบริเวณกระท่อมรับเรือ
ก้อมีคนเรือ นอนเฝ้าเรืออยู่ พอได้ยินเสียงเรา ก๊อกก๊อกแก๊กแก๊ก หยิบอุปกรณ์กล้องมานั่งปรับ ก้อตื่นเลย แล้วมามองว่า มุงมาทำไรตอนนี้ 5555
...
อ้ายเรา ก้อยืนอยู่ซักพัก จนดูแล้วว่า มุมมันไม่สวย เลยถอยไปตั้งหลัก บนหาด หาเก้าอี้นั่ง แล้วก้อตั้งขาตั้ง ตั้งกล้อง จากนั้น ก้อนั่งแปะ รอเวลา
กระทั่ง พี่ปุ๊ย เดินออกจากห้องมาเดินเล่นยามเช้าเหมือนกัน แล้วก้อต่อด้วย นู๋จุ๊ง จากนั้น เจ๊หมวย ก้อออกมาเดินยืดเส้นออกกำลัง
ขณะที่กำลังยืนคุยกันอยู่นั้น ตอนแรกที่เล็งภาพ เราเล็งไปอีกด้านนึง ซึ่งจริงจริงแล้ว มันผิด 555
พอแสงแรกเริ่มมา เริ่มเห็นจากหางตา ชิบเป๋งแระ ต้องวิ่งไปขยับกล้องใหม่ แล้วจากนั้น ยังไม่ได้โฟกัสไรเลย ก้อยิงใส่ใส่ไปก่อนเลย
สรุป...out focus ...555
เอาว่ะ มานั่ง process เอาละกัน เผื่อจะดูดีขึ้นบ้าง
ต้องอยู่ที่ผู้ชมละครับว่า พอดูได้ม้ายยยยย
ล่องเรือดูปะการัง แบบ สน๊อกเกิ้ล
16.
หลังจาก ดื่มด่ำกับ แสงแรกยามเช้าแล้ว
วันนี้ เรามีคิวต้องออกเรือไปสน๊อกเกิ้ล ตามจุดต่างต่าง ที่ได้จองไว้
...
ซึ่งก้อต้องบอกว่า จุดดำน้ำของเค้านั้น ทำตำแหน่งได้ดี มีปลาเล็กปลาน้อย ให้ชื่นชม
ที่เราจองทริปนั้น เค้าเรียก เปนทริปเกาะใน
คือ จะมี
จุดดำน้ำ เกาะอาดัง 2 จุด
- หน้าหาด และกลางทะเล
จุดดำน้ำ เกาะราวี 1 จุด
จุดดำน้ำ เกาะหินงาม 1 จุด
จุดดำน้ำ กลางทะเล ร่องน้ำจาบัง 1 จุด
..เรือ พาเราไปทุกจุด แต่วันนั้น เนื่องจาก สภาพลมค่อนข้างแรง น้องบอย คนเรือบอกว่า ช่วงบ่าย อาจจะมีพายุเข้า ดังนั้น สภาพน้ำตอนที่ลงไปสน๊อกเกิ้ล กลางทะเลนั้น น้ำจะเชี่ยว และทำให้ขุ่นมัว ทัศนวิสัย มองเห็น ปะการัง ไม่ชัดเจน ต้องเปนดำแบบ Dive ถึงจะได้สัมผัส
ก้อเปนว่า วันนี้ การดำน้ำ ก้อได้แต่อารมณ์ไป แต่ไม่ที่สุด 555
เสียดายนิดหน่อย แต่ก้อไม่เปนไรครับ
เพลินเพลิน สนุกดี
ถือว่า มานั่งเรือรับลมเล่น เปลี่ยนวิวถ่ายรูปกัน กับรูปกำลังดำผุดดำว่าย กลางทะเล เกร๋ไปอีกแบบ อิอิ
และก้อ สนับสนุนกระจายรายได้ให้กับชุมชนด้วยครับ สำหรับ การเช่าเรือแบบนี้ เพราะน้องน้องเค้า ปากแห้งมาหลายเพลาแล้ว นทท ไม่เช้าเลย ช่วงนี้ เปนรอบแรก หลังจาก รบ เปิดให้เที่ยวได้ ก้อมี หยุดยาวยาวเดือนนี้แหละ ที่เค้าพอได้หาเงินบ้าง หลังจากนี้ไป ก้อกลับสู่ภาวะปกติเช่นเดิม...
นับเม็ดทรายเล่นกันไป
จุดดำน้ำเกาะอาดัง
17.
จุดดำน้ำ 1 - เกาะอาดัง
ไอ้น้องบอย คนเรือที่กวนดี พาคณะเรามา ณ จุดแรก นัยว่า เปนจุดสำหรับให้ลองอุปกรณ์การดำน้ำ เช่น หน้ากาก ท่อลม ชูชีพ ประมาณนั้น
เราก้อใช้เวลาอยู่ตรงนี้ ลอยไปลอยมา ประมาณ 30 นาที ก้อสมควรแก่เวลา ออกเรือไปยังจุดหมายต่อไป
..
น้ำตรงนี้ ใสแจ๋วมาก ไม่ต้องดำลงไป ก้อเหนปะการัง และปลา น่าโดดลงไปนอนเล่นจริงจริง
ใจสู้ชูสองนิ้ว
18.
พี่ย้ง มาคอนเฟริ์มว่า
น้ำใส น้ำเยน ปลาเยอะ เจงเจง
สนุกสนานเค้าละ
Pure
19.
นู๋เพียว...หลานของพี่ปุ๊ย
รอบนี้ มีหลายครอบครัว มาเที่ยวด้วยกัน
สิริรวมจำนวน 16 คน
สนุกสนานเฮฮา กันมาก
ขนาดจำนวน กำลังดี ไม่มากไม่น้อยไป
ทุกคน เฮไหนเฮนั่น
เรียกว่า ตามหัวหน้าทริป
จะให้ไปไหน ไม่มีอิดออดเบย
555
ไกวชิงช้า บนเกาะหินงาม
20.
เกาะหินงาม
..
จากจุดดำน้ำ หน้าเกาะอาดัง
ไอ้น้องบอย ก้อพาเรือพวกเรา มายังจุดดำน้ำกลางทะเล หน้าเกาะอาดัง แต่ว่า พวกเราบอกว่า ไม่เอาอะ จะไปจุดทีสวยที่สุด ซึ่งไอ้น้องก้อทำตัวไม่ถูก เลยบอกว่า งั้นไปกินข้าวละกันพวกพี่ ไปยังเกาะหินงาม
...
เกาะนี้ เปนหาดหินทั้งเกาะ แปลกประหลาดเปนที่สุด
และหินแต่ละก้อนนั้น สวยงามจริงจริง 1 ก้อนมีผสมกัน สามสี่สี บางก้อน ห้าสีก้อมี เรียกได้ว่า แทบอยากจะหยิบกลับบ้านกันทีเดียว
แต่ทว่า
ที่แห่งนี้แหละ มีการทำการแช่งไว้ ไม่ให้นำหินออกจากสถานที่แห่งนี้
เพราะถ้า แต่ละคนหยิบกันคนละก้อน คงหมดเกาะกันในไม่ช้า
...
เปนเรื่องเล่าต่อต่อกันมา ถึงเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของการแช่ง ไม่ให้นำหิน ออกจากเกาะ...เล่าสืบกันมาจนไม่มีใครกล้า
ดีแล้วครับ ของในทะเล ก้อควรจะให้สวยงามอยู่แต่ในทะเล .. ตลอดไป
ชมปะการัง ณ ร่องน้ำจาบัง
21.
ร่องน้ำจาบัง
..
หลังจาก ทานอาหารเที่ยง พร้อมนั่งทอดหุ่ย เกบหินโยนเล่น ระหว่างรอย่อย
ซักพัก ก้อพร้อม
เราก้อแบ่งทีม ออกเปนสองทีม
ทีมแรก กลับที่มั่น (เพราะเริ่มร้อน และเมาเรือ 555)
ทีมสอง มุ่งมั่นต่อไป
...
คณะเราคือ ทีมสอง รวมกัน 9 คน โดยเปลี่ยนนายท้ายเปน หนุ่มจอน
จากนั้น ก้อไปต่อกันที่ ร่องน้ำจาบัง
ซึ่ง ณ ตรงจุดนี้ มีปะการัง เจ็ดสี ก้อนใหญ่ พร้อมกับ ปลาน้อยใหญ่ ว่ายวนเวียนเยอะ
แต่
ช่วงที่ไป กระแสน้ำเชี่ยว ทำให้น้ำขุ่น เลยมองเหนไม่ค่อยชัด เสียดายเล็กเล็ก แต่คณะเราก้อหนุกหนานกับการลงน้ำไปผจญภัยเล็กเล็ก
เหนื่อยดีแท้ จากคำของแต่ละคนที่ขึ้นเรือกลับมา..555
นายหัวของทริปนี้
22.
Roger the Sailor
..
นายท้ายเรือของเรา คือ นายหัว เจ้าของทริปนี้นั่นเอง อิอิ
ทริปนี้ สนุกสนานจริงจริง ทั้งภาคเช้า
และภาคค่ำ
เอ็นเตอร์เทนกันสุดสุด
นั่งกันยันเช้า เกือบทั้งคณะทีเดียว
555
น้ำใสใสหน้าโรงแรม หลีเป๊ะ บีช
23.
Lovely Friends
...
หลังกลับจากล่องเรือดูปะการัง
เราก้อมาจ่อม อยู่หน้าหาดโรงแรมของเรา
ซึ่งน้ำกำลังจะลง เลยรีบมาลงน้ำถ่ายรูปกัน
เปนที่สนุกสนาน
น้ำทะเลหน้าหาด ใส สวย เม็ดทรายขาวสะอาด เหมาะแก่การนอนเกลือกกลิ้ง ไม่ต้องทำอะไรจริงจริง
...
แอคท่ากันเพลิดเพลินเจริญใจสบายอุรา
ท่ายอดฮิตริมหาด
24.
figure four legs lock
...
โพสต์ท่านี้ ตากล้องเปนคนดีไซน์ท่า
หลังจากเหนจาก หลายหลายปก ที่เค้าชอบโพสต์ท่ากัน เมื่อมาทะเล
จัดกันไป
น่ารักดี อิอิ
หาดทราย สายลม สองเรา
25.
หาดทราย..สายลม..สองเรา
...
ดูภาพนี้แล้ว ยังกะปกเทป พี่เบิร์ด ยังงั้นเลย
555
โพสต์สวยดี
เราก้อมีหน้าที่กดชัตเตอร์ไป
กดมันมือมากทริปนี้
ได้ใช้เกือบทุกเลนส์
มีเลนส์ wide ที่ไม่ได้หยิบมาเล่นเลย
เพราะว่า เปนคืนเต็มดวง เลยไม่มีดาวให้ถ่ายเล่น (ดูตารางแล้วละว่าไม่มี แต่ก้อพกมางั้นแหละ ให้หนักเล่นเล่น 555)
โพสต์สวยสวยริมเล
26.
Bird of Paradise
..
ฉายานี้ ไม่ได้มาง่ายง่าย 555
มีกี่ชุด ชีต้องใช้ให้หมด ไม่งั้น...ผิดคอนเซ็ปท์
เก๋ไก๋สไลเดอร์ เจงเจง
ดีนะที่ไม่พก หอยมุกกะหางเงือกมาด้วย
เพราะนำ้หนักเกิน และไม่มีคนแบก อิอิ
คู่จิ้นประจำทริป
27.
Curve at the Sea
...
เฮ้ยยย เอ็งช่วยถ่ายเจ่เจ้ ให้มี curve หน่อย
พวกมานแซวมา...
..
ชิบแระ...ถ่ายงัยว่ะ
เอ้าา บิดตัวหลอกมุมกล้องละกานนนนน😆😆😆
อารมณ์เผลอเผลอ
28.
เผลอ
...
บางที การยิงภาพแบบนี้ ก้อดูมีเสน่ห์ไปอีกแบบ
ให้นางแบบโพสต์ท่า เผลอเผลอ ก้อได้อารมณ์อีก Mood นึง
...
โชคดีที่วันนี้ ฟ้าเปนสีฟ้า ไร้เมฆ ทำให้สีฟ้า กะ สีน้ำ มันกลมกลืนกันดี
และ ไม่มีใครอยู่หน้าหาด เพราะมานร้อนนนน
ตัวนางแบบ เลยดูโดดเด่นดี
555
Heaven on Earth
29.
Heaven on Earth
...
หมายความตามนั้นครับ
สวย สงบ ไม่เละ
ตั้งแต่มาเมื่อวันก่อน
ยังไม่เหน ขยะตามหน้าหาด หรือตรงจุดเที่ยวอื่นอื่นเลย
ซึ่งพอได้ถามไถ่จาก ไอ้น้องบอย เด็กเรือที่พาเราเที่ยวเมื่อวาน ก้อได้ความว่า
เงิน 40 บาท ที่เราจ่ายให้อุทยานนั้น เปนค่าแรงสำหรับให้กับ เจ้าหน้าที่คอยเก็บขยะทุกทุกวัน
อืมมม คือดีย์
ไม่เคยนึกเลยว่า เงินที่จ่ายไป จะออกดอกออกผลมาเปนแบบนี้
ปกติ จ่ายไป ก้อไม่เหนมีไรขึ้นมา
อันนี้ น่าสนับสนุนครับ
อทช.ตะรุเตา
เยี่ยมครับ
(ที่อื่น ไม่รู้นะครับ พอดีสัมผัสกับที่นี่ แล้วเหนกับตาจริง)
ขอให้ยั่งยืนเปนแหล่งเที่ยวที่ดีดีสืบไปครับ
พริ้วตามสายลม
30.
I can Fly
...
เจ้าแม่ Yoga Fly มาเอง
รอบนี้ ไม่มีที่ให้ห้อยโหน
พี่ย้ง เลยดีไซน์ ให้ถือผ้า
ส่วนเรา ให้ไปยืนด้านโต้ลม ให้ผ้ามันดูพริ้วพริ้วหน่อย
ว่าแต่...เพิ่งเปลี่ยนชุดเมื่อตะกี้
ตอนนี้มาดูพระอาทิตย์ตก ก้อมีอีกชุดนึง
สรุปว่า เจ๊แบกมากี่สิบชุดเนี่ยยยยย
นั่งไล่ดูรูป ไม่มีซ้ำเลย
555
wind beneath my wings
31.
ดีไซน์เนอร์ ขอลองท่านี้บ้าง
ผ้าพริ้วกันไป
ภาพสองภาพนี้ (30-31) พอดีใส่เลนส์ 200-600 mm ไว้ ต้องถอยไปประมาณ สิบเมตร เผื่อหามุมถ่าย ก้อได้ประมาณนี้แหละครับ 555
ชัดก้อเก่งแล้ว เพราะไม่ได้ใส่ขาตั้ง เล่นเปิดสปีดแบบ ถ่ายกีฬากันทีเดียว 555
sunset in the sea
32.
พระอาทิตย์ตกที่จุดเดิม เหมือนเมื่อวาน
แต่เสียดาย วันนี้ มีเมฆมาคลุมช่วงก่อนถึงผืนน้ำ ทำให้ไม่เหน Omega Sun เหมือนเมื่อวาน
...เฮ้อ เสียดายดีแท้
เหมือนอยากให้เรามาอีกที ยังงั้นแหละ
อิอิ
Moonlighting
33.
MOONLIGHT SERENADE
..
เช่นเคย หลังจาก พี่ซัน ตกน้ำไปแล้ว
น้องจันทร์ ก้อจะมา
แต่วันนี้ รอร๊อรอ อยู่เกือบยี่สิบนาที เอ๊ะ ทำไมยังไม่มา
จนเอาว่ะ ไม่รอละ
ถอดเลนส์เก็บใส่กระเป๋า
เก็บขาตั้ง แพคทุกอย่างเสร็จ เตรียมไปกินข้าว
เจสซี่ ก้อบอกว่า เด่วตรูหิ้วขาตั้งให้ ยังไม่ทันพูดไร ก้อหยิบแล้วเดินลิ่วลิ่วไปก่อน
เราก้อเออ ไม่เปนไร
เก็บของเรียบร้อย กำลังจะแบกเป้ขึ้นหลัง
เฮ้ยยยยยย
พระจันทร์ค่อยค่อยโผล่ขึ้นมาจากขอบฟ้า เหนือขอบน้ำ เล็กน้อย
เชรดดดด ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย
สวยงามมากกกกกกก
รีบเปิดเป๋า ควักเลนส์ประกอบใหม่ มาถ่าย
แต่ช้าแต่
ขาตั้งไม่มี
จบ...
เพื่อนเรา ก้อเดินเกี่ยวก้อยกะภรรยา ลิ่วลิ่วหวานแหววไปแล้ว ไม่ทัน
ก้อเลย ต้องยืนเก็บภาพซักพัก ก่อนที่จะเดินไปที่ร้านอาหาร
แล้วก้อ ไปหยิบขาตั้ง มาส่องรูปนี้
ถามว่า โฟกัสเปนงัย
มั่วครับ ภาพนี้ โฟกัส มันหลุด
เพราะว่า ไม่ได้ตั้งสติเลยว่า ต้องโฟกัสแบบ spot ไอ้เรา มันตั้ง metering ไปตั้งแต่ต้น
ก้อนั่นแหละ ได้แค่ไหนก้อแค่นั้น 555
เสียดายจัง
วันนี้ จันทร์เต็มดวง ของจริง
เพราะตามที่เคยอ่านมา
โบราณนานมา จดวันเต็มดวงผิดไป 1 วัน
จริงเท็จอย่างไร ไปหา กูเกิ้ล อ่านกันนะ
อย่าให้ต้องเอ็ด...อิอิ
....
แสงจันทร์ นวลผ่อง
นภาพราวพร่างดั่งทอง
เหม่อมองแล้ว..สุขอุรา
...
เนอะ
ใสใสริมหาดในเช้าก่อนกลับฝั่ง
34.
เช้าวันสุดท้ายบนเกาะหลีเป๊ะ
...
เอาจริงจริง ไม่อยากจะกลับเลย
เพราะว่า นึกถึงเวลามา และเวลากลับแล้ว
เสียเวลามาก
การมาที่นี่ ควรจะใช้เวลาอย่างน้อย 3 คืน
หรือถ้ามีเวลามาก ก้อใช้ไปเลย 4-5 คืน
ถึงจะดูคุ้มค่า
เพราะว่า ทะเลหน้าร้อน เปนอะไรที่สุดยอดมาก
น้ำเขียวใสกิ๊ก มองเหนปะการังสวยสวย
หาดทรายขาวสะอาดสุดลูกหูลูกตา
ฟ้าสีฟ้า
พระอาทิตย์ สวยสมใจทั้งยามเช้าและยามเยน
พระจันทร์ ดูงาม ในยามข้างขึ้นเตมดวง
ถ้ามาช่วงคาบเกี่ยว สามารถถ่ายดาว และทางช้างเผือกได้นะ
น่าจะเปนอะไรที่ เพอร์เฟค สุดสุด
คาดว่า ทางช้างเผือก จะพาดอยู่บนหัวเรา ยิ่งใหญ่อลังการมากมาก
...
โอกาสหน้า ถ้ามีจัดทริปอีก ก้อจะมาอีก
หลีเป๊ะ ยังไม่เละ อย่างที่ใครใครคิด
ความเจริญและเงินตรา คือสิ่งที่ทุกคนอยากมี
แต่การพัฒนาให้ยั่งยืนนี่ซิ มันยากกว่า
ยังดีที่ ยังได้เหนคนรุ่นใหม่บนเกาะ ยังมีความคิดรักษาสิ่งที่เค้ามี ให้คงอยู่ต่อไป เพื่อดึงดูดเงินตรามาเลี้ยงชีวี
...
ที่นี่ ยังมีกีฬา พายเรือคายัค พายซับบอร์ด ให้ได้เล่นกัน ดีใจที่ ไม่มี สกู๊ตเตอร์ / ไคค์บอร์ด
เพราะพวกนี้ ทำลายความงดงาม และความสงบของหาด แถมปะกะรังก้อจะเสียหายด้วย
ขอบคุณครับ ที่ไม่มี
และควรจะไม่มีตลอดไป
...
ก่อนจบบทความ เราจะปล่อยภาพหน้าหาดไปเรื่อยเรื่อย ให้ได้ชมกัน
เผื่อ ใครอ่านบทความนี้แล้ว
อยากจะมาเที่ยวที่นี่
ไม่มากก้อน้อยครับ😆
Dream Destination
35.
Bye bye..Lipe
See you again
My Paradise

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา