4 มี.ค. 2021 เวลา 06:30 • ธุรกิจ
สิ่งที่นายจ้างห้ามทำ ถ้าไม่อยากถูกปรับหรือจำคุก
5
สิ่งที่นายจ้างห้ามทำ ถ้าไม่อยากถูกปรับหรือจำคุก
กฎหมายแรงงานพื้นฐาน ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก
โดยเฉพาะร้านอาหารเล็ก ๆ ที่ส่วนใหญ่ยังไม่รู้กันเท่าไหร่
เพราะหากคุณไม่ปฎิบัติตาม มันจะถือว่าเป็นการเอาเปรียบพนักงาน
แล้วถ้าหากพนักงานไปฟ้องกรมแรงงาน ร้านเราก็อาจมีปัญหา
ที่นอกจากจะโดนปรับและจำคุกแล้ว อาจร้ายแรงถึงขั้นต้องปิดร้านเลยก็ได้
1
1.หักเงินเวลาพนักงานมาสาย
ถีงแม้กฎหมายจะกำหนดให้นายจ้างไม่สามารถหักเงินลูกจ้าง
ในกรณีที่มาสายได้ เช่น มาสาย 5 นาทีหัก 100 บาท
หรือมาสาย 3 วันหักค่าแรง 1 วันได้ แต่เราสามารถใช้วิธีจ่ายเงินแบบ
ทำเท่าไหร่จ่ายเท่านั้น เช่น หากลูกจ้างทำงานวันละ 8 ชม.
แต่มาสาย 15 นาที นายจ้างสามารถจ่ายค่าจ้าง
ในวันดังกล่าวเพียง 7.45 ชม. ได้ โดยคำนวนค่าจ้างเป็นรายนาที
1
2.หักเงินค่าเสื้อผ้า เงินประกันความเสียหาย
ตามพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน 2541 มาตรา 76
ห้ามให้นายจ้างหักเงินลูกจ้างเว้นแต่มีกฎหมายกำหนดไว้
หรือเพื่อบำรุงสหภาพแรงงาน ซึ่งนายจ้างจะสามารถหักเงิน
เพื่อชดใช้ค่าเสียหายให้แก่นายจ้างได้ หากลูกจ้างกระทำโดยจงใจ
หรือประมาท โดยมีสิทธิ์หักค่าจ้างได้ไม่เกินร้อยละ 10
และจะหักรวมกันได้ไม่เกิน 1 ใน 5 ของเงินเดือนลูกจ้าง
เว้นแต่ได้รับความยินยอมจากลูกจ้าง
ตาม พ.ร.บ คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตรา 76
2
3.รับแรงงานต่างด้าวโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
มีนายจ้างจำนวนมากที่ละเลยในเรื่องใบอนุญาตแรงงานต่างด้าว
เป็นเพราะไม่อยากดำเนินการเอกสารหรือติดต่อหน่วยงาน
ที่เกี่ยวข้องให้ยุ่งยาก อีกส่วนหนึ่งก็คิดว่าจะจ้างแรงงานเหล่านั้น
ในระยะสั้น ใบอนุญาตคงไม่จำเป็นเท่าไร แต่หากเกิดการตรวจสอบขึ้นมา
รับรองว่าได้ไม่คุ้มเสีย เพราะเราจะมีความผิดเพิ่มขึ้น
ตามจำนวนลูกจ้างต่างด้าวที่มีอยู่ คือ
ลูกจ้าง 1 คนต้องเสียค่าปรับ 10,000-100,000 บาท
ถ้าพบว่าการทำผิดนั้นไม่ใช่ครั้งแรก
ค่าปรับจะเพิ่มเป็น 50,000-200,000 บาท แถมมีโอกาสติดคุกด้วย
4.ไม่จ่ายค่าแรงเวลาพนักงานลาออกระหว่างเดือน
ถึงแม้ลูกจ้างจะลาออกกระทันหันหรือลาออก
โดยไม่แจ้งล่วงหน้า 30 วันตามกฎของนายจ้าง
แต่ลูกจ้างก็มีสิทธิ์ที่จะได้รับค่าจ้าง โดยคำนวนตามจำนวนวัน
ที่ตัวเองทำงานมาแล้วจนถึงเวลาที่ออก
เพียงแต่ลูกจ้างจะไม่ได้รับเงินชดเชยตามกฎหมาย
แต่ในกรณีที่ลาออกโดยไม่แจ้งล่วงหน้าแล้วเกิดความเสียหาย
กับนายจ้าง นายจ้างก็มีสิทธิจะฟ้องเรียกค่าเสียหายได้
ซึ่งขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลในการตัดสิน
5.ให้ทำงานเกิน 8 ชั่วโมงต่อวันโดยไม่จ่าย OT
กฎหมายกำหนดว่า นายจ้างต้องกำหนดเวลาทำงานให้แก่ลูกจ้าง
ต้องไม่เกินวันละ 8 ชั่วโมง รวมทั้งสัปดาห์ต้องไม่เกิน 48 ชั่วโมง
ถ้าหากนายจ้างให้ลูกจ้างทำงานเกินเวลาที่กำหนดไว้
นายจ้างจะต้องจ่าย OT ให้ลูกจ้าง ไม่น้อยกว่า 1.5 เท่า
ของอัตราจ้างต่อชั่วโมงในวันทำงานปกติและไม่น้อยกว่า 3 ในวันหยุด
6.ให้ทำงานในวันหยุดโดยไม่จ่ายค่าแรงพิเศษ
นายจ้างต้องจ่ายค่าแรงพิเศษให้แก่ลูกจ้างในวันหยุดเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า
ของค่าจ้าง ในวันทำงานตามชั่วโมงที่ทำงานในวันหยุด
สำหรับลูกจ้างที่ไม่มีสิทธิได้รับค่าจ้างในวันหยุดต้องจ่าย
ไม่น้อยกว่า 2 เท่า ของค่าจ้างในวันทำงานตามชั่วโมงที่ทำงาน
ในวันหยุดหรือตามจำนวนผลงาน
2
7.ไม่จ่ายเงินชดเชยเวลาไล่พนักงานออก
ในกรณีที่นายจ้างไล่ลูกจ้างออกโดยไม่ได้ทำผิดกฎของร้าน
หรือกฎหมายแรงงาน นายจ้างจะต้องจ่ายค่าชดเชยตามกฎหมาย
ในกรณีที่ลูกจ้างทำงานติดต่อกันเกิน 120 วัน ตามมาตรา 128
แต่ก็มีข้อยกเว้นที่นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย คือ
ลูกจ้างลาออกเองหรือทำผิดดังนี้ ทุจริต-ทำผิดอาญาโดยเจตนา
จงใจทำให้นายจ้างเสียหายร้ายแรง ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับตามกฎหมาย
หยุดทำงาน 3 วัน โดยไม่มีเหตุอันควร และได้รับโทษจำคุกตามคำสั่งศาล
1
8.จ้างพนักงานพาร์ตไทม์ในอัตราต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ
สมมุติว่าเราเปิดร้านอาหารในกรุงเทพ แล้วต้องการจ้างพนักงานพาร์ตไทม์
ซึ่งมีอัตราค่าแรงขั้นต่ำอยู่ที่วันละ 325 บาท เมื่อเอา 8 ชั่วโมงมาหาร
ก็จะตกอยู่ที่ 40.6 บาท นั่นหมายความว่า
เราไม่สามารถจ้างพนักงานพาร์ตไทม์ในอัตราค่าจ้าง
ต่ำกว่าชั่วโมงละ 40.6 บาทได้ เพราะจะถือว่าผิดกฎหมาย
1
เนื้อหาส่วนหนึ่งจากหนังสือ :
Restaurant 101 บริหารจัดการร้านอย่างมืออาชีพ
ติดตามTorpenguin - ผู้ชายขายบริการในช่องทางอื่นๆได้ที่
ติดต่องาน E-mail : torpenguin.channel@gmail.com
โฆษณา