4 มี.ค. 2021 เวลา 07:21 • ไลฟ์สไตล์
บทที่ 9 ลาออกมาเป็นทนายดีไหม
ซีรีส์: เรื่องจริงหลังสอบตั๋วทนายความลับที่ไม่มีใครบอกคุณ
ผู้เขียนเคยมีเพื่อนคนหนึ่งที่เป็นข้าราชการอยู่หน่วยงานแห่งหนึ่งมาบอกเปรยให้ผู้เขียนฟังว่าทำงานได้เงินไม่เท่าไร จึงคิดว่าจะพยายามสอบตั๋วทนายให้ได้แล้วลาออกมาเป็นทนายเต็มตัว ผู้เขียนได้ฟังดังนั้นถึงกับสะดุ้ง ไม่ใช่เพราะกลัวจะมีเพื่อนร่วมอาชีพเพิ่มขึ้น แต่คิดในใจว่าสหายท่านนี้มองภาพอาชีพทนายผิดจากความเป็นจริงไปมาก สหายท่านนี้คงเข้าใจว่าเมื่อสอบเป็นทนายความได้แล้วก็สามารถรับงานคดีความเรียกค่าวิชาชีพได้ครั้งละหลายหมื่นหลายแสนได้เลยและคงมีคนมาจ้างทำคดีความอย่างไม่ขาดสาย ได้ออกรถหรูซื้อบ้านหลังโตได้สมใจก็คราวนี้ ซึ่งก็ไม่แปลกเพราะผู้เขียนก็เคยเข้าใจเช่นนั้นว่าเมื่อได้ตั๋วทนายได้ใส่ชุดครุยสุดเท่ห์ก็จะมีงานเข้ามาเอง
1
บทที่ 9 ลาออกมาเป็นทนายดีไหม
แต่โลกแห่งความเป็นจริงมันโหดร้ายกว่าที่คิดนะสหาย
1
การที่คนๆ หนึ่งจะตัดสินใจจะว่าจ้างทนายความให้ดูแลคดีสักคนนั้นมีตัวแปรมากมาย ประการแรกเลยคือการรู้จักมักคุ้นหรือมีคนแนะนำมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับคนที่มีฐานะไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่าย ขอให้ไว้ใจได้และมีความสามารถในการดูแลไม่ให้คดีความของเขาเสียหาย ทนายจะเรียกหนักแค่ไหนก็จ่ายไหว ดังนั้นโอกาสที่ทนายใหม่ที่ไม่ได้มีเครือข่ายหรือคนรู้จักมากพอจะเรียกค่าจ้างสูงๆได้ทันทีที่ได้ตั๋วนั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆ
1
ตัวแปรประการที่สองคือเรื่องค่าว่าความที่เรียก หากลูกความไม่ได้มีเงินถุงเงินถังก็อาจจะมองประเด็นนี้เป็นหลัก มากกว่าจะดูที่คุณสมบัติของทนายความ ทนายความที่เรียกค่าว่าความถูกที่สุดก็จะมีโอกาสที่คนจะว่าจ้างมากกว่า โดยเฉพาะพวกที่เรียกค่าว่าความเป็นรายครั้ง แม้การเรียกค่าจ้างถูกยิ่งกว่าซัมเมอร์เซลล์ลูกความอาจจะชอบแต่เชื่อเถอะว่าไม่พอยาไส้แน่ ๆ เพราะอาชีพทนายก็มีต้นทุนเหมือนธุรกิจอื่นทั่วไป ไหนจะค่าหมึก ค่ากระดาษ ค่าบำรุงรักษาเครื่องพิมพ์ ค่าน้ำค่าไฟ ค่าอาหาร ค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถ ค่าน้ำมัน ค่าอินเตอร์เน็ต ค่าโทรศัพท์ ไปจนถึงค่าดูดส้วม!! เมื่อเงินที่ได้รับมาหมดลงและไม่มีคดีเข้ามาต่อเนื่อง ทีนี้ทำไงล่ะ ก็ต้องหาลำไพ่พิเศษ ทีนี้ล่ะเวลาจะมาโฟกัสกับคดีก็ไม่มีแล้วเพราะมัวแต่ไปทำงานหารายได้พิเศษ หรือไม่บางคนไปสมัครทำงานประจำแล้วหาจังหวะใช้วันลาไปขึ้นศาลสืบพยานก็มี
1
อาชีพทนายแม้จะพึ่งความสามารถแต่บางครั้งก็ต้องบอกว่าดวงก็มีผล เพราะไม่ใช่ทุกคนที่สอบตั๋วทนายได้แล้วจะมีคนเชื่อถือให้ทำคดี มีไม่น้อยที่สอบได้มานานหลายปีแต่ก็ไม่มีใครมาจ้างว่าความซักที แต่บางคนเพิ่งสอบตั๋วได้ไม่เท่าไรก็มีคดีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เห็นไหมว่าโลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน
1
กว่าทนายความใหม่ส่วนใหญ่จะอยู่ตัวเป็นที่รู้จักและมีงานเข้ามาก็ต้องอาศัยระยะเวลาและฝีมือพอสมควร แรกๆ อาจจะเรียกค่าว่าความได้ไม่มากเพราะประสบการณ์ยังน้อย ก็ต้องเริ่มสะสมชั่วโมงบินกว่าจะโลดแล่นในวงการวิชาชีพนี้ได้อย่างสบาย พวกทนายความใหม่ที่ตั๋วยังอุ่นๆ มาโม้ให้ฟังว่าได้ค่าวิชาชีพคดีละสองสามแสนฟังแล้วก็ต้องหารสิบอย่าเพิ่งปักใจเชื่อ (แต่ก็อย่าไปขัดคอเขาล่ะ เพราะขัดคอคนไม่เงาเหมือนขัดรองเท้า)
1
บุคลิกภาพและนิสัยส่วนตัวก็มีผล บางคนเป็นคนตรงเกินไป ไม่รู้จักคิดพลิกแพลง ไม่สามารถหาทางออกที่ดีให้ลูกความได้ รวมถึงไม่เข้าใจบทบาทของการเป็นทนายความกลับทำตัวเป็นผู้ตัดสินเสียเอง ทำให้มองหรือคิดไปทางไหนก็มีแต่ทางตัน บางคนเรียนเยอะรู้มากเลยขี้กลัว กลัวไปหมดทุกอย่าง มองไปทางไหนก็ติดขัด กลัวจนไม่กล้าทำอะไร ก็คงอยู่ยากบนเส้นทางสายนี้
ดังนั้นใครที่คิดว่าสอบตั๋วทนายมาแล้วจะโลดแล่นในเส้นทางนี้ได้ดังฝัน มีคดีความหลักแสนหลักล้านทุกคดีอย่างต่อเนื่องก็คงต้องคิดใหม่ เพราะการอยู่รอดได้โดยการเป็นทนายความอย่างเดียวนั้นมีตัวแปรเยอะ ใครที่มีงานประจำทำอยู่แล้วผู้เขียนแนะนำว่าหากยังไม่มีฐานลูกความที่แน่นพอแล้วล่ะก็ ทำงานประจำไปก่อน แล้วใช้เวลาว่างรับคดีสะสมบารมีไปสักระยะค่อยลาออกมาเป็นทนายเต็มตัว เพราะหากท่านกระโจนออกจากงานประจำโดยไม่มีทุนรอนไว้เพียงพอหรือไม่มีคอนเน็คชั่นที่แกร่งพอแล้วล่ะก็อาจลำบากได้ จะหาว่าสวยไม่เตือน หึๆๆ
ทนายยุ้ย คุยกฎหมาย
ปรึกษากฎหมาย เพจ: ปรึกษากฎหมายและคดีความ(ฟรี) โดยทนายตัวจริง
โฆษณา