Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Sherlock B.
•
ติดตาม
4 มี.ค. 2021 เวลา 22:44 • หนังสือ
The Power of Habit by Charles Duhigg : Review & Summary
สวัสดีกันอีกครั้งครับทุกคน วันนี้เราจะมาย้ำความฮอตของ Atomic Habits ด้วยการไปดูร่างแรกของมันเลยก็ว่าได้ ที่ถูกพัฒนามาเป็น Atomic Habits ที่ได้อ่านกันในทุกวันนี้ นั่นก็คือ “The Power of Habit by Charles Duhigg” สุด Classic นี่เอง ก่อนที่ผมจะตัดเข้าเรื่องเลย ผมบอกก่อนเลยว่า เล่มนี้มันก็คือๆ Atomic Habits แทบจะ 100% แต่ Atomic habits คือ 200% เพราะ มันจะมีส่วนขยายอื่นๆ ที่ไม่ได้ถูกพูดในเล่มนี้ด้วยครับ อยางว่านะครับ หนังสือมัน Classic ไปแล้ว และ เท่าที่ผมสังเกต Atomic Habits จะมีการบอกเล่าที่ Specific หรือ ชัดเจนมากกว่า ว่าอะไรคืออะไร แล้วเราต้องทำยัง อะไรบ้าง มันเลยค่อนข้างง่าย ที่จะเอาไปประยุกต์ใช้กันครับ ส่วนเล่มนี้จะเป็นเหมือน Basic ของนิสัยจะขยายความขององค์ประกอบต่างๆ ของนิสัย ซะมากกว่า ถามว่าเป็น Case อะไรมันมีไหม มีครับ แต่ถ้าเอาตามตรง ผมว่าความง่ายในการไปประยุกต์ใช้ ณ ปัจจุบันนี่ Atomic Habits ดูง่ายกว่าครับ สำหรับคนที่อยากจะอ่านหรืออ่าน Atomic Habits มาก่อน เราจะได้เจอเพื่อนเก่าอีกทีนึง แต่คนละฟิลครับ หรือ สำหรับคนที่อยากจะอ่านเพื่อย้ำความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของนิสัย ก็ย่อมได้อีกครับ สุดท้ายแล้วทั้งสองเล่ม ทฤษฏี หรือ แนวคิดเกี่ยวกับนิสัย เนื้อหาหลักที่เป็น fact มันไม่ได้ยากเย็นอะไรมากมาย จะพูดสั้นๆ แปปๆ เดียวยังได้ครับ แต่สิ่งที่เวลาเราอ่านหลายๆ เล่ม หรือ ศึกษาเรื่องนั้นเยอะๆ เนี่ย เวลาเราเอาไปประยุกต์ใช้ หรือ มุมมองต่างๆ ในเรื่องๆ นั้นที่เราศึกษามันจะต่างจากคนอื่นมากเลยครับ การมีความรู้เรื่องเนื้อหา หรือ ทฤษฏีหลัก ผมมองมันเป็นแค่พื้นฐานที่ควรและจำเป็นที่ต้องรู้นะครับ สิ่งที่มีผลจะทำให้เราสำเร็จได้มากขึ้น มากๆ คือมุมมองในเรื่องนั้นมากกว่าครับ เพราะฉะนั้นเหตุผลในการอ่านเล่มนี้ถ้าให้ผมแนะนำคือ อ่านเพื่อเพิ่มมุมมอง ครับถ้าเราอ่าน Atomic Habits มาก่อน แต่ถ้าเราอ่านอันนี้ก่อน แต่นอนการอ่าน Atomic habits ทีหลังเราจะได้เพิ่มทั้งความรู้ และมุมมอง มันจะทำให้เราสนุกขึ้นครับ หรือใครจะมาอ่านอันนี้ แล้วกลับไปอ่าน Atomic habits อีกทีก็สนุกไม่แพ้กัน
เอาหละมาเริ่มที่ The Power of Habit กันดีกว่าครับ
ก่อนอื่นเลยครับ นิสัยคืออะไร?
พูดง่ายๆคือนิสัยคือการกระทำที่เราทำซ้ำ ๆ หรือ รูปแบบความคิดที่เรามี หรือการตัดสินใจที่เราทำโดยไม่ผ่านไขสันหลัง เราจะมีวิธีคิดและทางเลือกของเราเมื่อต้องเผชิญกับเหตุการณ์หรือสถานการณ์เฉพาะ และตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว เช่น เมื่อตื่นมาเราก็ต้องเข้าห้องน้ำ เราทำเป็นประจำทุกวันจากความเคยชิน นิสัยมันคือการทำงานแบบระบบอัตโนมัติ เป็นวิธีที่เราจะประหยัดพลังงานได้ ฉะนั้น เจ้าตัวนิสัยเรานี่มันมีทั้งบวกและลบ ดังนั้น เราต้องรู้จักควบคุมมันครับ
ดังนั้นเราต้องหาก่อน ว่าอะไรที่เป็นบวก และอะไรที่เป็นลบ
ผลกระทบของนิสิย
ผลกระทบเชิงซ้อน คือ การทำสิ่งหนึ่งจะมีผลไปสู่อีกสิ่งหนึ่ง เช่น การกินน้ำอัดลมทุกวัน และ เรายังรักษานิสัยนี้ไว้ ในอนาคต เราอาจจะเป็นเบาหวาน
ผลคลื่นเล็กๆ คือ เราจะเริ่มสร้างและสะสมวงจรของนิสัยใหม่ เมื่อไรก็ได้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับว่าต้องรออะไร มีแค่ เริ่มทำ กับ เลิกทำ เท่านั้นแหละครับ มันพร้อมจะเปลี่ยนเสมอ
ดังนั้น สิ่งที่เราต้องคิดก็คือ นิสัยที่ดีที่ส่งผลให้ชีวิตมีสุขภาพดีหรือมีความสุขคืออะไร? นิสัยที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณคืออะไร? นิสัยที่ขัดขวางไม่ให้คุณก้าวหน้าคืออะไร? แล้วจัดการมันไปในทิศทางที่เราอยากเป็นครับ
กลไก Habit Loop คือ ?
กลไก Habit Loop คือ กระบวนการนี้ภายในสมองของเราเป็นแบบวนซ้ำสามขั้นตอน อย่างแรกคือมีสิ่งกระตุ้นเป็นตัวกระตุ้นที่บอกให้สมองของเราเข้าสู่โหมดอัตโนมัติ และต้องแสดงอะไรออกมา จากนั้นก็ทำเป็นกิจวัตรประจำวัน สุดท้ายมีรางวัลที่ช่วยให้สมองของเราคิดออกว่าการวนซ้ำนี้ควรค่าแก่การจดจำและนำไปทำต่อในอนาคตหรือไม่ เมื่อเวลาผ่านไปลูปนี้จะกลายเป็นอัตโนมัติมากขึ้นเรื่อย ๆ สิ่งกระตุ้นและรางวัลจะเชื่อมกัน เป็นความคาดหวัง หรือ ความปราถนในที่สุด ทำให้รู้เสมอว่าทำสิ่งนี้ จะได้สิ่งนี้นะ
จะเปลี่ยนนิสัยได้อย่างไร?
กฎทองของการเปลี่ยนแปลงนิสัยขึ้นอยู่กับสองขั้นตอน สำหรับการเปลี่ยนนิสัยอันดับแรกเราจะระบุส่วนประกอบของการวนซ้ำของนิสัยซึ่ง ได้แก่ แรงกระตุ้น กิจวรรตที่ต้องทำ รางวัล แต่ละอย่างคืออะไรบ้าง จากนั้นเราเปลี่ยนเพียงส่วนเดียวในลูปก็พอ ซึ่งสิ่งที่ง่ายและได้ผลดีที่สุดในการเปลี่ยนคือกิจวัตร
จะสร้างนิสัยใหม่ได้อย่างไร?
ลองจินตนาการว่าคุณต้องการเริ่มนิสัยใหม่เช่น วิ่งทุกวันทุกเช้า ที่นี่สิ่งที่คุณทำได้คือการมีสิ่งกระตุ้นง่ายๆ จัดกิจวัตร และ มีรางวัล เพื่อสร้างความอยากออกกำลังกายทุกวัน
มีสิ่งกระตุ้นง่ายๆนี่อาจเป็นคลิปการฝึกของนักวิ่งคนโปรดของเราที่เราต้องเห็นเมื่อตื่นนอน หรือ ทั่วไปคือเตรียมเสื้อผ้ากีฬาไว้ข้างเตียงตั้งแต่เมื่อคืน ทำให้สิ่งกระตุ้นเรามันง่ายที่สุดครับ เพราะถ้ายากไป เราจะไม่ได้รับรู้ถึงมัน ตอนเริ่มในแต่ละครั้งนี่แหละครับ ยากสุด ทำเป็นกิจวัตร วอร์มด้วยท่าต่างๆ มีรางวัล อาจเป็นการได้กินอาหาร หรือ เครื่องดื่มที่เราชื่นชอบสักนิดหน่อย เพื่อให้รางวัลตัวเองหลังจากวิ่งเสร็จ
เคล็ดลับคือ : ทำให้กิจวัตรใหม่เป็นเรื่องง่ายเมื่อเริ่มต้นและพยายามหลายครั้ง จริงๆ งานวิจับบอกว่าใช้เวลาเฉลี่ย 66 วันเพื่อให้นิสัยใหม่กลายเป็นอัตโนมัติ แต่จริงๆ แล้วเริ่มต้นด้วย 21 วัน และหากผลกระทบมันเป็นบวก ให้ทำต่ออีก เพื่อให้กลายเป็นนิสัยที่ถาวร ถ้าเป็นลบก็เปลี่ยนครับ
นิสัยบางอย่างไม่ได้ถูกสร้างขึ้นได้ง่าย หรือ ดีมากนัก อาจจะต้องอาศัยผลกระทบจากนิสัยอื่น เป็นคลื่นเล็กๆ แล้วใหญ่ขึ้น และก่อให้เกิดผลกระทบที่ยิ่งใหญ่มากกว่า เหมือนปฏิกิริยาลูกโซ่ที่นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอีกมากมายเมื่อเวลาผ่านไป บางอย่างที่เราต้องการเปลี่ยนแปลง อาจจะไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงโดยตรง เช่น การสูบบุหรี่ หากเราฝึกใช้หมากฝรั่งเลิกบุหรี่แทนการสูบบุหรี่ เราฝึกนิสัยนี้จนชิน พฤติกรมสูบบุหรี่เราก็จะหายไปด้วย แต่ถ้าหากเราโฟกัสที่จะไม่สูบบุหรี่เลยตรงๆ มันก็อาจจะเป็นเรื่องที่ยากครับ ผมขอเรียกนิสัยตรงฝึกเคี้ยวหมากฝรั่งเป็นนิสัยหลัก ส่วนเลิกสูบบุหรี่เป็นผลกระทบนะครับ
ดังนั้นเมื่อเวลาเราจะเปลี่ยนนิสัยอย่างนึง อย่าลืมคิดถึงนิสัยที่อาจมีผลทวีคูณหรืออาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ ในชีวิตของเราด้วยนะครับ
นิสัยหลักสำคัญในการเริ่มต้น ขึ้นอยู่กับว่าเราอยู่ที่ตรงไหนของนิสัยนั้น และเป้าหมายที่เราต้องการบรรลุคืออะไร แต่ถ้าเราไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหน หานิสัยหลักไม่เจอ ให้เริ่มง่ายๆ ที่จิดใจ หรือ ความคิดเรานั่นเองครับ
ความคิดด้านจิตใจ เป็นนิสัยที่สำคัญที่สุดอย่างหนึ่ง จะว่าไปเรื่องทางจิตใจ หรือการมีพลังใจที่มุ่งมั่นเป็นนิสัยหลักที่สำคัญที่สุดเพียงประการเดียวสำหรับความสำเร็จของแต่ละคนเลยก็ได้ครับ
ในขณะที่ผู้คนเสริมสร้างความเข้มแข็งของกล้ามเนื้อมากมาย แต่อาจจะลืมพลังใจไป เมื่อจิตใจเราแข็งแกร่งขึ้น เราจะเป็นได้ทุกอย่าง ความคุมตัวเราเองได้ทุกอย่างดั่งใจคิดครับ
คุณจะทำให้ทางด้านจิดใจเราแข็งแกร่งได้อย่างไร?
ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจว่าเรามีพลังใจที่จำกัดในแต่ละวัน เหมือนๆ กับพลังกายนั่นแหละครับ และการใช้พลังใจกับอะไรสักอย่างนึง ทำให้ความมุ่งมั่นในด้านอื่น ๆ ลดน้อยลง เพราะมันก็เริ่มหมดแล้วได้เหมือนกันครับ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเป็นเรื่องยากที่จะกระตุ้นตัวเองให้ไปออกกำลังกายหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
แต่ก็ยังดีที่พลังใจยังเหมือนกล้ามเนื้อ และเช่นเดียวกันเราสามารถเสริมสร้างพลังใจของเราให้มีมากขึ้นได้
เราว่า การที่เราบังคับตัวเองให้ไปออกกำลังกายได้ กับ บังคับตัวเองไม่ให้กินของไม่ดี มันเกิดขึ้นได้ยังไงหรือครับ ? … ใช้แล้วครับ มันเกิดขึ้นได้ก็เพราะแค่เปลี่ยนที่ความคิดนั่นแหละครับ
มาดูวิธีเสริมสร้างพลังใจกันดีกว่าครับ
1. ทำอะไรที่ท้าทายคุณ และ ช่วยให้เราฝึกฝนความพึงพอใจที่จะได้ในอนาคต ไม่ใช่ ณ เดี๋ยวนี้เลย
ตัวอย่างเช่น หากเราจะเริ่มวิ่งแข่งในขณะที่เราพึ่งจะเริ่มวิ่ง เราจะต้องใช้เวลาพอสมควรในการเรียนรู้เทคนิคทั้งหมด และ ฝึกฝน เพื่อให้วิ่งได้ดีในการแข่งขัน เราจะได้รับรางวัลเล็ก ๆ น้อย ๆ หลังจากการฝึกแต่ละครั้ง เช่น เอ็นดอร์ฟิน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่จะกระตุ้นให้คุณก้าวต่อไป แต่รางวัลที่ยิ่งใหญ่กว่าคือ การใช้ทุกอย่างที่ฝึกมาในการแข่งขันจะต้องใช้เวลาพอสมควร และก่อนที่เราจะไปถึงจุดนั้นคุณจะต้องผ่านความเจ็บปวดจากการฝึกฝนเทคนิคแต่ละอย่างผ่านการทำซ้ำ ๆ และต่อสู้กับความพ่ายแพ้ เช่น การไม่ก้าวหน้าเร็วเท่าที่คุณต้องการ ดังนั้นการดำเนินต่อไปแม้จะมีความยากลำบากจะทำให้ความมุ่งมั่นของเราเข้มแข็งขึ้นครับ
2. ฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ
ค้นหาปริมาณจำนวนครั้งที่ต่ำสุดที่จะช่วยให้เราก้าวหน้าได้ และอย่าหักโหมเกินไปครับ
3. วางแผนสำหรับช่วงเวลา ที่เราต้องลำบาก และ ความมุ่งมั่นของเราอาจอ่อนแรงลง
จุดเปลี่ยนที่สำคัญที่จะทำให้การสร้างนิสัยเราสำเร็จหรือไม่สำเร็จ คือเราจะสามารถรักษาวินัยในตนเองได้หรือไม่ ถ้าเราต้องเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด หรือ ความยากลำบากจนเราอ่อนแรงลง
ดังนั้นให้สร้างนิสัยได้ พลังใจ หรือ ความคิด ที่จะมาเอาชนะตัวเรา ในตอนที่เราอ่อนแรงลง จึงสำคัญมากๆ ครับ
"ความแตกต่างระหว่างคนที่เราอยากเป็น กับตัวเองตอนนี้ มีแค่สิ่งที่เราทำ" - Charles Duhigg
ขอบคุณที่อ่านมาถึงตรงนี้อีกครั้งครับ ถ้าใครชอบฝากกด like เป็นกำลังใจให้กัน หรือกด share ให้คนใกล้ตัวได้อ่านถ้าคิดว่ามีประโยชน์ หรือ comment พูดคุยกันได้ครับ ยินดีครับ
วันนี้ผมไปก่อน สวัสดีครับ
Sherlock B.
Facebook Page & Blockdit : Sherlock B.
3 บันทึก
1
2
3
1
2
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย