5 มี.ค. 2021 เวลา 11:30 • ความคิดเห็น
"คนเป็นคนจะจนหรือมี​ ร้ายหรือดีคงมีหวังอยู่ ยามปวงมารมาพาลลบหลู่​ ยิ้มละมัยใจสู้หมู่มวลเภทภัย​ ใฝกระทำความดีให้มีจิตโสภา​ สร้างแต่ความเมตตาหาความสุขสันต์ไป​ จะสบความสุขสันต์สำคัญที่ใจ​ เฝ้าแต่ยิ้มสู้ไปแล้วใจชื่นบาน" พระเจ้าวรวงศ์เธอ​ พระองค์เจ้าจักรพันธ์เพ็ญศิริ​ ถวายคำร้องเพื่อประกอบทำนองแด่ในหลวงรัชกาลที่​ 9
จากเพลงพระราชนิพนธ์​ ที่พระราชทานให้นำไปบรรเลง​ เมื่อวันที่​ 1 มีนาคม​ 2495 เพื่อเป็นการปลอบขวัญและให้กำลังใจผู้พิการทางสายตา​ จนถึงวันนี้แม้แต่คนปกติทั่วๆ​ ไปก็ต่างได้รับกำลังใจกันทั่วหน้า​ และเป็นเพลงที่เหมาะอย่างยิ่งในสภาพเศรษฐกิจเวลานี้​ เวลาที่หลายๆ​ คนตกงาน​ หลายๆ​ บริษัทต้องเลิกกิจการ​ หลายๆ​ คนตามืดบอดจนมองไม่เห็นทางเดินต่อไปในชีวิต
ถ้าคุณกำลังเป็นบุคคลดังกล่าว​ ลองหามุมเงียบๆ ไม่ก็หยิบหูฟังมาใส่แล้วลงค้นหา​คำว่า​ "เพลงยิ้มสู้" ผ่านอุปกรณ์ที่คุณมี​ ผมแนะนำเวอร์ชันที่คุณอธิศรี​ สงเคราะห์​ ร้องในภาพยนตร์เฉลิมพระเกียรติเรื่อง​ จากฟ้าสู่ดิน​ ท่านลองเปิดเนื้อร้องพร้อมไปด้วยครับ​ แทบทุกคำร้อง​จะเป็นกำลังใจให้ท่านได้
ผมเคยสงสัยนะครับ​ ว่าทำไมคนมีที่ทำกินต่างจังหวัดถึงต้องขนขวายมาทำงานลูกจ้างในเมืองกันด้วย ขนาดเขามีที่เป็นของตัวเองด้วยนะ​ อย่างผมครอบครัวไม่มีที่ทำกินก็ว่าไปอย่าง แต่ผมลืมไปเรื่องนึงครับ​ ว่าทุกครัวเรือนมีรายจ่ายที่แน่นอน​ แต่อาชีพเกษตรกรมีรายได้ไม่แน่นอน​ ถ้าฝนแล้ง​ แมลงลง​ น้ำท่วม​ รายได้เขาจะหายไปแทบหมด​ เขาเลยเลือกที่จะต้องหางานที่มีรายได้แน่นอนแทน
แต่ในปีที่ผ่านมา​ (2563) เราได้พบสัจธรรมอย่างหนึ่งว่า​ ไม่มีอะไรจริงแท้และแน่นอน​ เมื่อเราพบกับการระบาดของโควิด-19​ งานที่มอบรายได้แน่นอนเหล่านั้น​ หายวั๊บไปกับตา​ แถมปัญหาค่าครองชีพที่ค่อนข้างสูงในตัวเมืองทำให้เขาเหล่านั้น​ เลือกกลับไปสู่แผ่นดินเกิด​ หรือกลับไปเริ่มทำอะไรจากสิ่งที่ตนมี
ดั่งที่เราจะเห็นข่าวบ่อยมากในช่วงปีที่ผ่านมา​ อย่างสองผัวเมียผันตัวเองจากลูกจ้างโรงงานเป็นเกษตรกร​ รายได้เดือนละครึ่งแสน​ อดีตช่างเฟอร์นิเจอร์ทำเกษตรพอเพียงเลี้ยงครอบครัว​ เจ้าของบริษัททัวร์มาขายขนมจีนออนไลน์​ ซีอีโอเปลี่ยนตัวเองใหม่เป็นอินฟลูเอนเซอร์​ ผู้คนเหล่านี้ยิ้มสู้ให้กับปัญหาครับ​ ไม่ใช่มัวแต่ร้องไห้ฟูมฟายให้กับปัญหาที่เกิดขึ้น​ เพราะเมื่อเราเศร้า​ เราจะไม่สามารถใช้สติปัญญาแก้ปัญหาได้
สิ่งที่ควรทำสำหรับตอนนี้คือสำรวจว่าเราเหลืออะไรอยู่บ้าง​ ไม่ใช่เราเสียอะไรไปบ้าง​ เรายังทำอะไรได้บ้าง​ ไม่ใช่ใครยังพอให้หยิบยืมได้บ้าง​ ไม่ใช่ผมว่าการหยิบยืมเป็นเรื่องไม่ดีน่ะครับ​ แต่ถ้าคุณหยิบยืมมาแล้วไม่สามารถทำให้มันงอกเงยได้ มันคือหนี้พอกหางหมูดีๆ​ นี่เอง
1
โฆษณา