5 มี.ค. 2021 เวลา 05:25 • หุ้น & เศรษฐกิจ
แชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดครั้งใหญ่ในการลงทุน
ขาดทุนไปมากกว่า 500,000 บาท❗️
วันนี้ผมจะมาแชร์ประสบการณ์ความผิดพลาดในการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม เรื่องมันเกิดจากวินัยของผมเองที่ไม่ทำตามแผน และ ผมอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆได้เห็นถึงความผิดพลาดนี้เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นมุมมองในการลงทุนอีกมุมหนึ่ง
เริ่มจากถ้าทุกคนจำได้ Set index เมื่อปีที่แล้วในวันที่ 13 มีนาคม 2020 ดัชนี set index ลงไปต่ำกว่าพันจุด หลายๆคนที่ซื้อในวันนั้นคงได้กำไรไปไม่ต่ำกว่า 40% กันหมดแล้ว แต่ตัวผมเองกลับเป็นคนที่ขายล้างพอร์ตในวันนั้น (พูดแบบไม่อายปากเลยว่าพลาดมาก บทเรียนราคาแพงมากๆ)
ก่อนหน้านั้นในช่วงประมาณเดือนกรกฎาคม 2019 ดัชนี set index ยังเคลื่อนที่อยู่ในกรอบ 1600-1700 จุดและเป็นช่วงที่ผมถือหุ้นอยู่เต็มพอร์ต จนมันมีสัญญาณขายเกิดขึ้น คือเส้น ema 15 วัน ตัดเส้น ema 50 วันลง(เส้นเขียวตัดเส้นฟ้าลง วงกลมในรูปวงแรก) เป็นสัญญาณเตือนเบื้องต้นว่า set index กำลังจะปรับฐาน
วงกลมวงแรกเป็นสัญญาณขายสัญญาณแรกที่ผมตั้งค่าไว้คือ ema 15 วันตัด ema 50 วันลง วงกลมวงที่สองเป็นสัญญาณขายครั้งที่สองจากการหลุดแนวรับสำคัญที่ผมตีเส้นไว้
แต่ผมก็ไม่ได้ลดพอร์ต ลดความเสี่ยงตามสัญญาณขาย เนื่องจากในตอนนั้นหุ้น 1,600 จุดก็ไม่ได้ถือว่าแพง เนื่องจากมันตกมาจาก 1800 จุดและเรื่องร้ายๆก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น (โควิทก็ยังไม่มี) และหุ้นในพอร์ตที่ผมถือในแง่พื้นฐานก็ยังทำกำไรได้ดีอยู่
ต่อมาเกิดสัญญาณคอนเฟิร์มให้ขายอีกครั้งเมื่อ set index หลุดแนวรับสำคัญ 1550 จุด(วงกลมวงที่สอง) ซึ่งตอนนั้นคือช่วงต้นปี 2020 ที่เริ่มมีโควิทเข้ามาในต่างประเทศแล้วแต่ไทยยังไม่มี และเป็นช่วงที่ผมฝึกงานอยู่ ซึ่งค่อนข้างไม่ค่อยมีเวลาที่จะมาดูเท่าไหร่ แต่ผมก็เห็นสัญญาณนี้แล้วแต่ก็ยังไม่ได้ขายหุ้นในพอร์ต เพราะผมมองว่าเราดื้อไม่ขายตอน 1600 ตามสัญญาณแรกแต่ดันจะมาขายตอน 1550 นี่นะ แล้วหุ้นที่เราถือกำไรของกิจการมันก็ยังดีอยู่นี่หว่า กราฟก็พลาดตั้งหลายครั้ง หลุดแนวรับแล้วเด้งมีเยอะแยะ ผมก็เลยยังถือหุ้นต่อ
และ Set index ก็ลงมาเรื่อยๆ จนถ้าผมจำไม่ผิดช่วงต้นมีนาคม 2020 เริ่มมีคนไทยติดเชิ้อโควิทแต่จำนวนไม่เยอะ นักวิเคราะห์หลายๆคนเริ่มบอกว่าอาจมีการติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วประเทศ นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของวิกฤต อาจมีการปิดประเทศ Lockdown ซึ่งจะส่งผลให้กำไรของบริษัทจดทะเบียนลดลงอย่างมีนัยสำคัญบางบริษัทอาจขาดทุน และวิกฤตครั้งนี้อาจใหญ่กว่าต้มยำกุ้งเมื่อปี 1996 ที่ set หลุดไป 200 จุด และ แฮมเบอเกอร์เมื่อปี 2008 ที่ set หลุดไป 400 จุด
จนวันที่ 13 มีนาคม 2020 สถานการณ์ดูเหมือนกำลังจะแย่ เพราะต่างประเทศคนติดเชื้อเยอะมาก dow jone ลบหนักทุกวัน Set เราก็ไม่ต่างกัน และผมมาดูกราฟก็เจ็บใจที่เราไม่ยอมขายตั้งแต่มีสัญญาณขายตั้งสองสัญญาณ บวกกับมีแต่คนบอกว่านี่พึ่งเริ่มเองนะ เดี๋ยวไทยติดเชื้อทั่วประเทศ เดี๋ยว Lockdown เงินต่างชาติไหลออกจากตลาดหุ้นทุกวัน ผมจึงตัดสินใจขาย ato ล้างพอร์ตในวันที่ 13 มีนาคม 2020 วันนั้น set เปิดมาเหลือแค่ 1003 จุดแถมเปิดมาติด circuit breaker ทันที ผมขาดทุนในการคัทครั้งนั้นไป 500,000 กว่าบาท เพื่อที่คิดว่าจะสถานการณ์ในไทยพึ่งเริ่มจะแย่เอง เดี๋ยวน่าจะลงอีกแล้วเราไปช้อนถูกกว่า
2
ปรากฎว่าวันนั้นเป็นวันที่ดัชนีตลาดหุ้นต่ำที่สุดแล้ว ทั้งที่จากนั้นมีข่าวร้ายมากขึ้นจริงๆ ไม่ว่าจะคนติดเชื้อในไทยเพิ่มขึ้นเต็มไปหมด ไทยประกาศ lockdown ในเดือนเมษายน แต่หุ้นกลับขึ้นจากวันนั้นสวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่กำลังแย่ (อย่างที่ผมเคยบอกไปในบทความที่แล้วตลาดหุ้นเป็น leading indicator มันจะเคลื่อนที่นำเศรษฐกิจจริงเสมอ ถ้าเศรษฐกิจกำลังจะแย่ ตลาดหุ้นก็มักจะตกไปรอก่อนที่มันจะแย่จริงเรียบร้อยแล้ว)
7
ตอนนั้นผมนอนไม่หลับเลย เพราะเราดันไปคัทในจุดต่ำสุด และต่อมาสถานการณ์เศรษฐกิจมันก็แย่เหมือนที่เราคิดจริงๆ แต่หุ้นมันกลับเด้งขึ้นมาใส่หน้าเรา เราก็ยิ่งซื้อคืนในจุดที่แพงกว่าที่เราคัทไม่ลง และไม่ว่าจะมีข่าวร้ายอะไรมาอีกมันก็ยังขึ้นไปเรื่อยๆ
3
ตั้งแต่วันนั้นทุกคืนต่อให้ผมจะเลิกฝึกงานดึกแค่ไหน (ผมฝึกงานเป็นออดิทในช่วงตรวจงบ year end งานจึงค่อนข้างหนัก) ผมจะกลับมาเรียนรู้กราฟใหม่อีกครั้ง ฝึกตีกราฟทุกๆคืน และทบทวนสิ่งที่ตัวเองพลาดในวันนั้น และสัญญากับตัวเองว่าเราต้องอย่าเลิกเล่นหุ้น เราต้องหาความรู้ให้มากขึ้น มีวินัยมากขึ้นถ้าถึงจุดคัทที่เรากำหนดเราต้องคัทอย่าดื้ออย่าเข้าข้างตัวเอง ถ้ามีสัญญาณให้ซื้อเราก็ต้องกล้าซื้อ
2
เมื่อก่อนผมเคยฟังเสี่ยยักษ์บอกว่า "คุณต้องสู้แม้ขณะคุณฝัน" ตอนได้ยินผมก็คิดว่า เราจะไปควบคุมฝันเราได้ยังไงวะ จนพอถึงวันที่ผมมาทุ่มเทกับมันทุกวัน ทุกคืน คิดถึงแต่มัน ในตอนที่ผมหลับผมก็ฝันถึงมันจริงๆ
6
สุดท้ายนี้ผมอยากจะบอกเพื่อนๆที่เคยขาดทุนว่า เรายังมีโอกาสให้แก้ตัวเสมอถ้าเรายังไม่ยอมแพ้กับมัน สู้กับมัน ซักวันต้องถึงวันที่เราชนะ วันที่เราพลาดมันคือบทเรียนที่เราได้รับซึ่งเป็นบทเรียนที่เราหาจากตำราเล่มไหนๆไม่ได้ เพราะมันคือประสบการณ์ที่เราเจอมาจริงๆ แต่ทุกความผิดพลาดที่เราเจอเราต้องเอามันมาทบทวนและอย่าผิดพลาดแบบเดิมอีก
3
สิ่งที่สำคัญที่สุดจากบทเรียนที่ผมได้รับในแต่ละครั้ง คือ อย่าคิดว่าตัวเราเก่งเด็ดขาดเลย พอเราศึกษาอะไรเยอะๆเราจะชอบเกิดความมั่นใจในตัวเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีแต่ถ้ามากเกินไปมันจะทำให้เราหยุดพัฒนาตัวเอง เราต้องเป็นคนที่พัฒนาตัวเองตลอดเวลา คอยเปิดรับมุมมองใหม่ๆ ช่องทางการลงทุนใหม่ๆ ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จในเรื่องนั้นๆ เราต้องพยายามมากกว่าคนอื่นๆเสมอ มันไม่มีทางลัด ไม่มีสูตรสำเร็จ
3
เขียนบทความโดย นักลงทุนตัวอ้วน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา