คนอื่นไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าสูญเปล่า
ความคุ้มค่าคุ้มทุนเป็นตัวชี้วัดความฉลาดอย่างหนึ่ง เป็นอะไรที่ชวนเจ็บใจหากเสียรู้ซื้อของในร้านค้าแห่งแรกไป แล้วมาพบว่าร้านที่สองราคาถูกแถมคุณภาพดีกว่า ดังนั้นคนเราจึงถูกปลูกฝังโดยธรรมชาติให้มองหนทางหรือทำอะไรที่คุ้มค่าคุ้มทุน นอกจากเงินแล้ว การพยายามก็ถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง โดยเฉพาะความพยายามบางอย่าง เช่น การฝึกฝนฝีมือเชิงศิลปะ ซ้อมกีฬา ซ้อมนำเสนองาน ส่วนใหญ่มักจะมีจุดประสงค์ในการตั้งเป้าว่าจะฝึกฝนไปเพื่ออะไร แล้วซ้อมขนาดไหนถึงจะพอ
ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่น่าจะมีความคิดเหมือนผมคือชื่นชมคนที่ทุ่มเทมากกว่าที่คนอื่นคาดหวัง แต่เมื่อเราเปลี่ยนจากการดูคนอื่นมาเป็นผู้ลงมือลงแรง ความสบายที่ต้องแลกไปพร้อมกับเวลาว่างสำหรับพักผ่อนทำให้เกิดความคิดสงสัยขึ้นมาในใจว่าเราพยายามมากไปหรือเปล่า ยกตัวอย่างเช่นการนำเสนอระดับนี้ซ้อมแค่ 5 รอบก็เพียงพอหรือไม่ 10 รอบจะเป็นอะไรที่ฉลาดหรือเปล่า ในเมื่อผลการนำเสนอออกมาก็น่าจะผ่านเหมือนกัน อีกทั้งไม่มีใครมาคอยให้คะแนนตามจำนวนรอบการซ้อมของเรา
ผมเคยฟังสัมภาษณ์ศิลปินทำเพลงอย่าง Ed sheeran และ The Toy แล้วได้รู้ว่าอันที่จริงพวกเขาแต่งเพลงไว้ใน Stock เยอะมากๆ ช่วงหนึ่ง Ed Sheeran แต่งเพลงแทบจะวันละ 4-5 เพลง ส่วน The Toy ก็มีในสต็อกค้างไว้เป็นราวๆร้อยเพลง ในขณะที่ร้อยเพลงเหล่านั้นเหมาะจะเอามาใส่อัลบั้มจริงเพียง 4-5 เพลง ก็เลยเกิดคำถามว่าเมื่อเพลงเหล่านั้นไม่ได้ถูกนำมาเผยแพร่ ถือว่าเป็นการลงมือลงแรงที่เสียเปล่าหรือไม่
ผมมองว่าการพยายามที่ไม่ได้ถูกเผยแพร่ดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ อาจจะไม่เกิด 4-5 เพลงฮิตที่เปรียบเหมือนเพชรเม็ดงาม หากไม่หินหรือคาร์บอนอีกเกือบร้อยเพลงที่เหลือมาร่วมการเจียระไน จากประสบการณ์การเขียนเรื่องสั้นและทำเพลงของผมเอง แม้จะยังไม่ดังแต่ก็บอกได้เลยว่าศิลปินไม่สามารถทำนายได้ว่าเพลงนี้ที่ทำออกมาจะดัง เพลงหนึ่งชื่อ “ฝนทำคิดถึง” ของผมเป็นเพลงแร็พผสม R&B ที่ทำขึ้นมาตามอารมณ์ล้วนๆ ทำเสร็จฟังดูก็ไม่ได้พิศวาสอะไรกับมันมาก แต่พอเอาลง Youtube แล้วคนรู้จักหลายคนชอบเพลงนี้มาก(ชื่อเสียงผมดังได้แค่นี้จริงๆครับ ฮ่าๆ) น้อง Rapper ที่ผมรู้จักคนหนึ่งบอกว่า “ฟังเพลงนี้ของพี่ทุกวันเลย” อยู่ช่วงใหญ่ๆ ในขณะที่หลายเพลงที่ผมคิดว่าลงแล้วคนต้องว้าว กลับกลายเป็นเงียบสนิท แถมยอด Dislike มาด้วยซ้ำในบางเพลง
หรือการที่เราเตรียมตัวจะนำเสนองาน ถึงจะไม่มีใครมาเฝ้าดูทั้ง 20 รอบตอนที่เราซ้อม หรือดีไม่ดีการนำเสนออาจจะถูกเลิกและยกเลิกไป ผมเองก็เคยเจอเหตุการณ์เตรียมตัวเก้อเหมือนกัน แต่ผมยังมองว่าทุกรอบที่เราซ้อมไปเกินมาตรฐานขั้นต่ำมักจะฝากร่องรอยเอาไว้เสมอ อาจจะเป็นร่องรอยแห่งความมั่นใจ ทักษะการพูดที่นำไปประยุกต์ใช้ครั้งหน้า หรืออาจเป็นการหล่อหลอมนิสัยของเราให้มีมาตรฐานการเตรียมตัวที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นประโยชน์มากกับงานอื่นๆหรือด้านอื่นๆต่อไป คนที่มีคุณภาพไม่ได้มาจากการที่คนหนึ่งทำงานได้ดี แต่มาจากการที่คนนั้นมีนิสัยการเตรียมตัวที่ดีสำหรับทุกงาน
คนอื่นอาจมองไม่เห็นตอนกำลังทำ แต่สักวันทุกคนย่อมจะมองเห็นผ่านตัวตนของเรา อาจจะเป็นในรูปแบบเห็นทางอ้อมไปอีกหลายๆต่อ การที่เราเตรียมตัวเกินมาตรฐานอยู่เสมอจะเสริมให้เราเป็นคนมั่นใจในตัวเองว่าเอาอยู่ เสริมให้เป็นคนรู้จักวางแผนและมีระเบียบวินัย ทหารก่อนจะพร้อมออกรบก็ต้องยอมลงทุนกระสุนเพื่อซ้อมยิงเป้าเช่นกัน ที่เราซ้อมไปก็ถือว่าเป็นการใช้กระสุนเพื่อการฝึกปรือตนเอง และวันหนึ่งร่องรอยแห่งการเตรียมตัวในเรื่องที่ดูไม่น่าจะเกี่ยวข้องกัน ก็จะสะท้อนเป็นภาพให้เห็นผ่านทั้งชีวิตได้ อย่างน้อยเราก็มองตัวเองในกระจกด้วยความนับถือยิ่งขึ้น
Mindset ที่ว่าตัวเองเป็นหมารองบ่อนอยู่เสมอน่าสนใจมาก เพราะเป็นแนวคิดที่เปิดช่องให้เติบโตและพัฒนาได้มากที่สุด Rapper ของอเมริกาที่ได้ชื่อว่าเป็น Rap God อย่าง Eminem ที่ไม่มีใครกังขาในความเป็นอัจฉริยะของเขา เคยให้สัมภาษณ์ว่าเขาถือคติว่าตัวเองเป็นหมารองบ่อนอยู่เสมอ กว่าจะออกมาเป็นท่อนแร็พแต่ละ Verse เขาทุ่มเทมากกว่าคนอื่นหลายเท่า ก่อนจะเขียนแร็พได้ดีเขาฝึกเขียนจนมีลักษณะใกล้เคียงกับคนบ้า และแต่ละเพลงที่ Featering กับศิลปิน Rapper ท่านอื่น Eminem จะใส่ความทุ่มเทของตัวเองลงไปแบบไม่มียั้ง มากล้นเกินหน้าเกินตาคนอื่นด้วยซ้ำไป เขาไม่มีความคิดที่ว่าเราเป็น God แล้ว ชื่อเสียงตัวเองเหลือเฟือพอที่จะทำแค่ชิลๆ ผมเห็นเขาทุ่มสุดตัวทุกครั้ง จนมีบางคนพูดติดตลกประมาณว่า การที่คุณเป็นrapperแล้วให้ Eminem ไป feat. ในเพลงคุณ ข้อดีคือคุณจะได้ยอดการรับชมเพิ่มจากชื่อเสียงของ Eminem แต่ข้อเสียคือเพลงของคุณจะกลายเป็นเพลงของเขาไปแทน
สุดท้ายนี้ผมเชื่อว่าความพยายามที่คนอื่นมองไม่เห็นของเรา จะรวมตัวกันกลายเป็นราศีที่ทำให้คนอื่นมองเราเป็น “God” ในเรื่องนั้นได้ และการที่เราได้ชื่อว่า “God” แล้วก็ไม่ได้แปลว่าเราจะลดดีกรีความทุ่มเทลงได้เสมอไป
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
