Samjin Company English Class
จัดว่าเป็นภาพยนตร์ที่เหมาะจะรับชมในบรรยากาศอึน ๆ ยุคCovid-19จริง ๆ มันเป็นหนังที่สามารถช่วยเติมความกระปรี้กระเปร่าและความรู้สึกดี ๆ ในวันที่ท้อแท้และรู้สึกไม่มั่นคงได้ดีเหลือเกิน ต้องขอขอบคุณทาง VIU Thailand ที่คัดสรรหนังเกาหลีหลากหลายแนว อัพเดททุกเดือน ให้เรารับชมได้อย่างสะดวกสบาย
หนังเกาหลีเรื่องนี้ดำเนินเรื่องภายใต้บรรยากาศของเกาหลีใต้ในยุค 1990 ณ ชั่วโมงแห่งการปฏิวัติอุตสาหกรรมเพื่อก้าวเข้าสู่ความเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วของสังคมโลกาภิวัตน์ ในห้วงเวลาที่”การทำงานหนัก”เป็นศีลธรรมหลักของสังคมและ”ความภักดี”เป็นคุณสมบัติสำคัญที่สุดสำหรับความก้าวหน้า
ตัวภาพยนตร์บอกเล่าเรื่องราวของ Lee Ja Young(Go Ah Sung), Jung Yoo Na(ESom), และ Shim Bo Ram(Park Hye Soo) 3สาวเพื่อนสนิทที่ทำงานด้วยกันที่บริษัท Samjin มาร่วม 8 ปีแล้ว แต่ยังคงต้องทำงานราวกับแม่บ้านออฟฟิศพวกเธอมีหน้าที่รับผิดชอบงานประเภท ชงกาแฟ เก็บกวาดเช็ดถู ฯลฯ โดยไม่เคยมีโอกาสเลื่อนขั้นเลย แม้ว่า Ja Young จะสามารถจัดระเบียบเอกสารและเขียนหนังสือนำเสนอโครงการได้อย่างไร้ที่ติ, หรือไอเดียของ Yoo Na เองก็ถูกเลือกให้กลายเป็นผลงานของฝ่ายการตลาดเป็นประจำประจำ, ส่วน Bo Ram นั้นเธอเป็นนักคณิตศาสตร์ดีกรีโอลิมปิกวิชาการที่มีความสามารถในการคำนวณที่รวดเร็วและแม่นยำแบบหาตัวจับยาก ทั้งนี้เพราะพวกเธอนั้นเป็น”ผู้หญิง” ที่“เรียนจบแค่ม. ปลาย” แต่แล้วโอกาสก็เปิดกว้างให้เหล่าสาว ๆ วุฒิม. ปลายในบริษัท นั่นก็คือการทำคะแนนให้ได้เกิน 600 ในการสอบ TOEIC
Credit: Lotte Entertainment
ต่อมาในวันหนึ่ง Ja Young ต้องออกไปทำงานข้างนอกออฟฟิศ เธอได้พบว่าโรงงานผลิตแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ของ Samjin ได้ปล่อยน้ำเสียลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะของชุมชนรอบ ๆ โรงงาน หนังจึงพลิกจังหวะจากหนังกลุ่มเพื่อนสู้เพื่อทำฝันให้เป็นจริงมาเป็นหนังสืบสวนสอบสวนเพื่อตามหาตัวการของคอรัปชั่นนี้ เราหลงรักความเป็นคนธรรมดาของ3สาว พวกเธอรู้สึกกลัวและปราศจากทั้งสถานะและอำนาจมนนการแก้ไขปัญหา แต่พวกเธอก็ยังสู้ทั้ง ๆ ที่กลัวนั่นล่ะ เพราะพวกเธอทนการเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความอยุติธรรมไม่ไหว(ดูแล้วอยากให้เจ้าหน้าที่รัฐบ้านเราคิดแบบสาว ๆ Samjin กันบ้าง)
Credit: Lotte Entertainment
เราชอบคาแรคเตอร์ของ3 ตัวละครหลักมาก Go Ah Sung สวมบท Ja Young หญิงสาวหัวรั้นผู้รักความยุติธรรมที่ไม่เคยถอดใจออกมาได้น่าเชื่อถือ ในขณะที่ ESom ก็สวมบทสาวมั่นแข็งนอกอ่อนในแบบ Yoo na ได้เท่ห์วัวตายควายล้ม ส่วน Park Hye Soo ในคาแรคเตอร์สาวเนิร์ดอ๊อง ๆ นี่ยิ่งน่ารักไปกันใหญ่ มิหนำซ้ำเคมีของ3สาวก็เข้ากันได้ลงตัวจนทำให้บรรยากาศของมิตรภาพมันฟุ้งจนสัมผัสได้ถึงนอกจอ
Credit: Lotte Entertainment
Lee Jong Pil ผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องนี้สามารถผสมผสานระหว่างความขบขันและความจริงจังของเนื้อหาได้ลงตัว ความสามารถในการบอกเล่าเรื่องราวใหญ่โต หนักหนา ให้ประทับลงลึกในความคิดของผู้ชมโดยที่ยังคงรักษาไว้ซึ่งความสนุกสนานในการรับชมเป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมก ๆ บรรยากาศของยุค 90 ที่ถ่ายทอดออกมาทั้งเสื้อผ้า ทรงผม ข้าวของเครื่องใช้ต่าง(ดูแล้วนึกถึงสมัยต้องหาแลกเหรียญเตรียมไว้ก่อนใช้โทรศัพท์เลย) ก็ชวนคิดถึงชะมัด
Lee Jong Pil ผู้กำกับภาพยนต์เรื่องนี้เคยเป็นนักแสดงมาก่อน เคยเล่น THE MAN FROM NOWHERE ด้วยนะ
ประเด็นเรื่องความเป็น”นิติบุคคล”ของบริษัทในโลกทุนนิยมที่หนังนำเสนอนี่ก็น่าคิด องค์กรเอกชนแบบบริษัทนั้นถูกประเมินค่าด้วยตัวเลขในบัญชี ผลประกอบการเป็นเครื่องชี้วัดความอยู่รอดของบริษัทเอกชน ซึ่งบ่อยครั้งโครงสร้างสังคมแบบนี้มักจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผลกำไรของบริษัทกับผลประโยชน์ของชุมชนขึ้น หนำซ้ำ”เงิน”เครื่องมือแลกเปลี่ยนซึ่งเราใช้ในการอ้างสิทธิ์เหนือแรงงานของผู้อื่นนั้น เมื่อถูกสะสมมากพอก็ทำให้บริษัทเอกชนมีอิทธิพลเหนือพนักงาน ชุมนุม สื่อมวลชน เจ้าหน้าที่รัฐ หนักข้อเข้าอาจถึงขั้นมีบริษัทสามารถกำหนดทิศทางของรัฐบาลด้วยซ้ำ เราจะหวังพึ่งให้มีคนลุกขึ้นสู้แบบถวายหัวเพื่อแก้ปัญหาให้เหมือนที่สาว ๆ ทำในหนังทุกครั้งจะเป็นไปได้หรือ? รึว่าถึงเวลาที่พวกเราจะช่วยกันมองหาและออกแบบระบบ กติกา รวมไปถึงโครงสร้างทางสังคมแบบใหม่เพื่อจะรับประกันให้ได้ว่ามนุษย์ทุกคนจะมีอนาคตที่ดีร่วมกัน?
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
