7 มี.ค. 2021 เวลา 03:30 • การตลาด
Linktree ตัวช่วยแม่ค้าออนไลน์ ผู้ใช้ 8 ล้านคน ที่ใช้เวลาพัฒนาเพียง 6 ชั่วโมง
ยุคนี้การขายสินค้าในโลกออนไลน์มีการแข่งขันที่สูงมาก
ใช้แค่แพลตฟอร์มเดียวในการขาย มันไม่เพียงพออีกต่อไป
ทำให้เหล่าแม่ค้าพ่อค้าออนไลน์ ต้องเปิดหน้าร้านหลายแห่ง เพื่อที่จะเข้าถึงลูกค้าให้ได้มากที่สุด
ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มก็จะเหมาะกับการใช้งานแตกต่างกันไป
อย่างอินสตาแกรม ที่เหมาะกับเป็นหน้าร้านสวย ๆ เพื่อต้อนรับลูกค้า
แต่ข้อเสียคือ เวลาลูกค้าจะตัดสินใจซื้อ หรือร้านค้าจะปิดการขาย สุดท้ายก็จะไปจบที่แพลตฟอร์มอื่นอยู่ดี
2
ทำให้หลายร้านค้าต้องปวดหัวกับการพาลูกค้าข้ามแพลตฟอร์มไปมา
ต้องใส่ทั้งลิงก์ที่จะพาลูกค้าไปที่ไลน์ เว็บไซต์ หรือช่องทางการซื้ออื่น ๆ
แต่มันจะดีกว่าไหม ถ้าเรามีตัวกลางที่จะสามารถรวบแพลตฟอร์มทั้งหมดได้
1
วันนี้ลงทุนเกิร์ลจะพามารู้จัก Linktree แพลตฟอร์มตัวกลาง
ที่ช่วยรวมลิงก์ทั้งหมด ให้อยู่ใน “หน้าเดียว”
หนึ่งในปัญหาที่แม่ค้าออนไลน์ในอินสตาแกรมต้องเจอคือ ตรง Bio สามารถใส่ลิงก์เดียว
พอเรื่องเป็นแบบนี้ Linktree จึงเข้ามาแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้อย่างตรงจุด
ทำให้ปัจจุบัน แพลตฟอร์มนี้มีผู้ใช้ถึง 8 ล้านคน
และมีผู้สมัครใหม่เพิ่มขึ้นมากกว่า 28,000 คนทุกวัน
ที่น่าสนใจก็คือ ผู้ใช้งานทั้งหมดนี้ยังเพิ่มขึ้นเองอย่างรวดเร็ว
โดยที่บริษัทไม่เสียเงินในการโปรโมตแม้แต่บาทเดียว
 
โดย Linktree คือสตาร์ตอัปจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย
มีผู้ก่อตั้ง 3 คน นั่นก็คือสองพี่น้องคุณ Anthony และคุณ Alex Zaccaria
รวมถึงคุณ Nick Humphreys อีกคน
ซึ่งจุดประสงค์ของ Linktree ก็คือ เพื่อขจัดปัญหา
การจำกัดจำนวนลิงก์ใน Bio บนอินสตาแกรมนั่นเอง
แม้จะเป็นสิ่งที่ดูไม่ซับซ้อน แต่กลับตอบโจทย์ใครได้หลายคน
Linktree จึงกลายเป็นเหมือนอุปกรณ์เสริมสำหรับคนดัง ศิลปิน ร้านค้า หรือบริษัท
ที่ต้องการรวมลิงก์บัญชีช่องทางการติดต่อทั้งหมดไว้ในที่เดียว
Linktree เริ่มต้นได้เพียงแค่ 4 ปีเท่านั้น
แต่สามารถระดมทุนได้ 324 ล้านบาท ในรอบ Series A ก่อนที่จะมีแผนขยายไปทั่วโลก
ถือว่าเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัป ที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
แต่กว่าที่ Linktree จะเปิดให้คนทั่วไป ได้ใช้อย่างทุกวันนี้
มันเคยเป็นเพียงแค่แพลตฟอร์มหลังบ้าน ที่ใช้ภายในองค์กรเท่านั้น
โดยตอนแรกแพลตฟอร์มนี้ถูกสร้างโดยบริษัท Bolster
บริษัทสื่อบันเทิงทางดิจิทัลและการตลาด
ที่ก็มีพี่น้อง Zaccaria รวมถึงคุณ Humphreys เป็นผู้ก่อตั้ง
Bolster ดำเนินธุรกิจ ทำการตลาดโปรโมตให้ลูกค้า
ผ่านทางสื่อออนไลน์ อย่างอินสตาแกรม
แต่ที่กล่าวไปข้างต้น อินสตาแกรมไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ใส่ลิงก์ลงไปใต้โพสต์
และหากต้องการใส่ลิงก์ก็จำกัดให้ใส่ได้เฉพาะช่อง Bio ที่หน้าแรก เพียงลิงก์เดียวเท่านั้น
ซึ่งมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ถ้าเรามีเพียงแค่เว็บไซต์เดียว
แต่สำหรับบริษัทเอเจนซีอย่าง Bolster กลับไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะลูกค้าส่วนใหญ่ของพวกเขา คือค่ายเพลง
และในแต่ละครั้งที่ศิลปินต้องการโปรโมตเพลง จำเป็นต้องแจ้งข้อมูลหลายอย่างให้แฟนคลับได้รู้
เช่น ลิงก์ไปสู่หน้าสตรีมมิงเพลง ตารางคอนเสิร์ต หรือเว็บไซต์ขายสินค้าต่าง ๆ
ทำให้ บริษัทต้องใช้ลิงก์มากกว่าหนึ่งลิงก์ ต่อการโพสต์งานหนึ่งครั้ง
และความยุ่งยากก็อยู่ตรงที่ พวกเขาต้องเปลี่ยนลิงก์เว็บไซต์ไปมาทุกครั้งที่ต้องโพสต์งาน
 
ถึงแม้ว่าเรื่องนี้จะดูเป็นปัญหาเล็ก ๆ แต่มันกลับเป็นปัญหาที่น่ารำคาญและเสียเวลาอย่างยิ่ง
หลายคนอาจคิดว่าสำหรับเรื่องนี้ วิธีแก้ปัญหาก็คือ การแนบลิงก์เว็บไซต์หลักของศิลปินที่รวมทุกอย่างเอาไว้แล้วไปเลย
แต่มันกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะสุดท้ายแฟนคลับก็ต้องไปหาข้อมูลต่าง ๆ ในเว็บไซต์อยู่ดี
และความซับซ้อนนี้ ก็มักทำเหล่าแฟนคลับล้มเลิกความตั้งใจ
ก่อนที่จะไปถึงลิงก์ข้อมูลที่ทางบริษัทต้องการมอบให้อีกด้วย
1
ผู้บริหารทั้ง 3 คน จึงคิดหาทางแก้ปัญหา ที่จะร่นระยะการทำงานลง
ให้เหลือเพียง “คลิกเดียว” แต่รวบทุกลิงก์ไว้ได้
พวกเขาเรียกพนักงานพัฒนาของบริษัท มาเพื่อเขียนโปรแกรม
ที่ใช้เพียงแค่ “หนึ่งช่องทาง” ในการพาลูกค้าไปที่ลิงก์ทั้งหมด
และภายในระยะเวลาเพียงแค่ 6 ชั่วโมง Linktree ก็ถือกำเนิดขึ้น
ซึ่งตัวต้นแบบของมันก็ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายและไม่ซับซ้อน
โดยคนที่คลิกลิงก์ใน Bio จะถูกนำไปหน้าที่รวบรวมลิงก์ทั้งหมด
ทำให้บริษัทไม่ต้องเสียเวลาในการเปลี่ยนลิงก์ใน Bio ทุก ๆ ครั้ง
ซึ่งหลังจากบริษัทใส่ Linktree ลงใน Bio ของบริษัท
Linktree ก็กลายเป็นที่รู้จักเพียงชั่วข้ามคืน
จนบริษัทเล็งเห็นว่า ไม่ได้มีแค่บริษัทของเขาเท่านั้น ที่ต้องการวิธีแก้ไขนี้
แต่กลับมีผู้ใช้ในอินสตาแกรมอีกมากมาย ที่พบเจอปัญหาเดียวกัน
บริษัทจึงเร่งพัฒนาและสร้างแพลตฟอร์ม Linktree อย่างเป็นทางการ
โดยเปิดตัวแพลตฟอร์มนี้ครั้งแรกในเว็บไซต์ Product Hunt ที่ใช้สำหรับเปิดตัวสินค้าไอทีใหม่ ๆ
และผลก็เป็นไปตามคาด มีคนสนใจสมัครบัญชี Linktree อย่างล้นหลาม
 
ซึ่งคนดังคนแรกที่สมัครเข้ามา ก็คือ Alicia Keys นักร้องชาวอเมริกันชื่อดัง
ก่อนจะมาตามมาด้วยนักร้องและเซเลบริตีอีกมากมายอย่าง Pearl Jam และ Naomi Campbell
รวมถึงบริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น Expedia, Wix, HBO และ Red Bull ก็เลือกใช้แพลตฟอร์มนี้
 
จนในปี 2018 Linktree ก็สามารถแยกบริษัทออกมาอย่างเต็มตัว
และยังทำรายได้ถึง 91 ล้านบาท ในปีถัดมา
โดยมีผู้สมัครใหม่ประมาณ 10,000 คนทุกวัน ซึ่ง 90% ของผู้ใช้มาจากนอกประเทศอีกด้วย
ที่น่าสนใจคือ นับตั้งแต่ที่บริษัทเปิดตัวขึ้นมา
พวกเขาไม่เคยจ่ายค่าโฆษณาแม้แต่บาทเดียว
แล้วสงสัยกันหรือไม่คะว่า Linktree หารายได้อย่างไร ?
Linktree เป็นแพลตฟอร์ม Freemium ที่ลูกค้าสามารถสมัครใช้ได้ฟรี
ตั้งแต่ใส่ลิงก์ได้ไม่จำกัด ทั้งลิงก์วิดีโอ รวมถึงการสร้าง คิวอาร์โค้ด
ซึ่งปัจจุบัน Linktree ไม่ได้มีประโยชน์แค่ หน้าเว็บไซต์ฝากลิงก์เท่านั้น
โดยบริษัทได้เริ่มพัฒนาแพลตฟอร์มให้เป็นเหมือน “Digital ecosystem”
หรือแพลตฟอร์มที่สามารถทำทุกอย่างจบได้ในที่เดียวมากขึ้น
ถ้าหากใครต้องการบริการเสริม ที่ช่วยให้หน้าเว็บไซต์ดูเป็นทางการมากยิ่งขึ้น
ก็เพียงแค่จ่ายเงิน 182 บาทต่อเดือนเท่านั้น
ก็จะได้ลูกเล่นเพิ่มเติม เช่น เพิ่มไอคอนโซเชียลมีเดีย ลบไอคอน Linktree
ตัวช่วยวิเคราะห์การตลาด หรือแม้แต่การเก็บข้อมูลของผู้คลิกเข้าชม
ซึ่งใครจะไปคิดว่า สิ่งที่น่ารำคาญใจเล็ก ๆ ที่ใครต่อใครอาจจะแค่ทน ๆ ไป
จะสามารถสร้างธุรกิจที่ทำเงินได้มหาศาลขนาดนี้
ไม่แน่ว่า.. ปัญหาเล็ก ๆ ที่คุณเจออยู่ทุกวัน
อาจจะเป็นปัญหาของใคร ๆ หลายคนด้วยเหมือนกัน
เห็นแบบนี้แล้ว ลองมองหาปัญหาเล็ก ๆ รอบตัว
ไม่แน่ว่า มันอาจจะกลายเป็นธุรกิจทำเงินให้เราในอนาคตก็ได้นะคะ
โฆษณา