Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Tactic Mania
•
ติดตาม
6 มี.ค. 2021 เวลา 08:32 • กีฬา
ลิเวอร์พูล 0-1 เชลซี : หลุมพรางของทูเคิ่ล
หลังจากเพิ่งเอาชนะเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ดมาได้ในเกมที่แล้ว “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล ต้องกลับต้องมาพบกับความผิดหวังอีกครั้ง เมื่อเปิดรังแอนฟิลด์พ่ายให้กับ “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ด้วยสกอร์ 0-1 โดยเชลซีได้ประตูจากเมสัน เมานท์
ประตูที่เมานท์ยิงได้ จุดเริ่มต้นก็มาจากการเล่นบอลไดเร็กต์ของเอ็นโกโล ก็องเต้ ที่ฉวยโอกาสสวนกลับด้วยการส่งบอลยาวตรงมาที่เมานท์ทันที ก่อนที่เมานท์จะใช้ความสามารถเฉพาะตัวล็อกตัดเข้าในยิงพุ่งไปที่เสาสอง ซึ่งเป็นประตูตัดสินเกมนี้
สำหรับรายละเอียดของเกมนี้ ต้องบอกเลยว่าเป็นไปตามที่โทมัส ทูเคิ่ล กุนซือชาวเยอรมันของทีมได้วางเอาไว้ โดยเปิดโอกาสให้ลิเวอร์พูลเล่นในเพลย์ที่ไม่ถนัด พร้อมกับโจมตีไปที่จุดอ่อนของลิเวอร์พูล โดยใช้สไตล์การเล่นของลิเวอร์พูลเอง ให้มาตกหลุมพรางที่ได้วางเอาไว้
เริ่มจากเมื่อลิเวอร์พูลเป็นฝ่ายครองบอล เยอร์เก้น คล็อปป์จะสั่งให้ลูกทีมขึ้นเกมด้วย shape 3-2 เหมือนที่ใช้ในเกมที่ผ่านมากับเชฟฟิลด์ฯ เพื่อรับมือกับการไล่เพรสซิ่ง
แต่เกมนี้เหมือนทูเคิ่ลเองจะรู้ทัน เลยสั่งให้ลูกทีมเน้นคุมโซนไม่ให้บอลถูกส่งเข้ามาตรงกลาง โดยในการตั้งรับเชลซีจะตั้งรับด้วยระบบ 5-3-2 โดยถอย “เมสัน เมานท์” ลงมาแพคตรงกลาง เมื่อลิเวอร์พูลขึ้นเกมตรงกลางไม่ได้ ก็เป็นการบีบลิเวอร์พูลให้เล่นบอลโยนยาว โดยวางกองหลัง 5 คน รับมือกับตัวรุก 5 คนของลิเวอร์พูล
การที่เชลซีไม่ได้ไล่เพรสซิ่งสูงมากนั้น ทำให้แผงหลังไม่จำเป็นต้องดันบีบสูงขึ้นไป สามารถอยรับลึกได้ ดังนั้น บอลไดเร็กต์ของลิเวอร์พูลจึงไม่มีพื้นที่หลังแนวรับให้โจมตีเข้าใส่มากนัก ทำได้เพียงแค่โยนมาตรงๆ ที่ตัวเท่านั้น เป็นการลดอันตรายของมาเน่กับซาล่าห์ที่เป็นพวกสายสปีด ต้องการพื้นที่วิ่งเข้ารับบอลมากกว่า
เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็คงรู้อยู่แล้ว ว่าต้องเจอการเล่นสวนกลับยาวแน่นอน ไม่เพียงแต่เชลซีเท่านั้นที่จะเล่นสวนกลับ เพราะหลายทีมที่เจอกับลิเวอร์พูล ก็เน้นโจมตีแบบนี้ทั้งนั้น ดังนั้นคล็อปป์จึงสั่งให้ลูกทีมรีบเข้าเพรสซิ่งบอลให้ไว ไม่ให้เชลซีมีจังหวะสวนกลับ
ในการไล่เพรสซิ่ง ลิเวอร์พูลจะใช้มาเน่กับซาล่าห์ เข้าเพรสซิ่งแนวรับ โดยถอยเฟอร์มิโนมาปิดตรงกลาง ดันเคอร์ติส โจนส์ (บางครั้งก็เป็นติอาโก้) ขึ้นไปช่วยปิดตรงกลางร่วมกับเฟอร์มิโน
และนั่นคือหลุมพรางที่ทูเคิ่ลตั้งใจให้เป็นแบบนั้น โดยสั่งให้ลูกทีมยังไม่ต้องรีบเล่นบอลยาว ให้ต่อบอลไปก่อน โดยล่อให้ตัวรุกลิเวอร์พูลดันขึ้นมาเพรสซิ่งสูง
วิธีการแก้เพรสซิ่งของเชลซี ก็คือพยายามสร้างสถานการณ์ให้มีคนมากกว่าเพื่อตั้งเกม ถ้าลิเวอร์พูลเพิ่มคนไล่บอลมากขึ้น วิงแบ็คทั้งรีซ เจมส์ หรือเบน ชิลเวลล์ จะถอยลงมาช่วยเชื่อมบอลกับกองหลังและมิดฟิลด์ของทีม
1
ธรรมชาติของการไล่เพรสซิ่งสูง จะทำให้เกิดพื้นที่วางบริเวณแดนกลางมากขึ้น ซึ่งสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูลก็จะต้องดันแนวรับขึ้นสูงเพื่อบีบพื้นที่ให้แคบลง เมื่อดันสูงแล้ว แน่นอนว่าพื้นที่หลังแนวรับก็จะเปิดกว้างมากขึ้น
1
ประกอบกับเชลซีต่อบอลด้วยความอดทน ค่อยๆ แกะเพรสซิ่งจนพื้นที่เปิดออก นี่คือเหตุผลว่าทำไมถึงส่งจอร์จินโญลงสนามแทนที่จะเป็นโควาซิซ เพราะต้องการใช้การเปิดบอลที่ถนัดของเค้านั่นเอง และก็เป็นที่มาของจังหวะที่แวร์เนอร์หลุดเดี่ยวเข้าไปกระดกบอลเข้าไปประตู แต่น่าเสียดายที่กลายเป็นจังหวะล้ำหน้า
จะเห็นได้ว่าโทมัส ทูเคิ่ล อ่านสไตล์การเล่นของลูกทีมของเยอร์เก้น คล็อปป์ ได้ทะลุปรุโปร่ง ที่เริ่มจากปล่อยให้ลิเวอร์พูลเล่นลูกโยนยาวที่ไม่ถนัด แล้วก็ทำการวางหลุมพรางล่อให้ลิเวอร์พูลไล่บอลสูงจนแนวรับเปิดพื้นที่โล่ง จากนั้นก็โจมตีไปที่จุดอ่อนของกองหลัง
จริงๆ แล้วการเพรสซิ่งสูงประกอบกับการดันแนวรับสูงของลิเวอร์พูล ที่เคยทำได้ดีและไม่ค่อยเกิดปัญหานั้น เนื่องจากทีมเคยมีกองหลังที่อ่านเกมขาดอย่างเฟอร์กิล ฟาน ไดจ์ กับคู่หูที่มีความเร็วอย่างโจ โกเมซ คอยรับมือ แต่เมื่อขาด 2 กองหลังคนสำคัญที่บาดเจ็บ เยอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังให้ลูกทีมเข้าเพรสซิ่งด้วยสไตล์เดิมๆ จึงเป็นที่มาของการโดนลงโทษในที่สุด
#tacticmania #ลิเวอร์พูล #Liverpool #เชลซี #Chelsea #tactic #ทูเคิ่ล #Tuchel
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย