7 มี.ค. 2021 เวลา 04:00 • ปรัชญา
เพิ่งรู้ว่าเดี๋ยวนี้คนไทยเขียนหนังสือกันเก่งขึ้นมาก ก็ตอนนั่งอ่าน blockdit นี่แหละ
ผมเลยรู้สึกแหยงๆ ด้วยผมนั้นเขียนเพื่อความรื่นรมย์ส่วนตัว แล้วพยายามแชร์ความรื่นรมย์นี้ให้คนอื่นด้วย ส่วนคนอ่านจะรู้สึกบันเทิงใจไปกับผมด้วยหรือไม่ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
อย่างน้อยผมก็สะท้อนออกมาในชื่อเพจของผมคือ My Journal แปลแบบตรงตัวว่า "บันทึกของฉัน" ความหมายก็ชัดอยู่แล้วว่า ผมอยากจะเขียนอะไรก็ได้ ตามใจตัวผมเอง ส่วนคนอ่านจะอ่านหรือไม่อ่าน ก็เป็นเรื่องของคนอ่านเช่นเดียวกัน
เอาเป็นว่าเรามีสิทธิเสมอภาคกัน ที่จะเลือกในสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง
เพื่อนถามผมว่า ทำไมต้องมานั่งเขียนบันทึกเอาตอนแก่ ผมก็ตอบไปว่า ก็ตอนตายไปแล้ว เราทุกคนก็คงไม่ได้เขียนอะไรให้ใครได้อ่านอีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ ก็รีบเขียนซะ อยากจะระบายความในใจให้โลกรู้ ก็ระบายไปซะ อยากจะเล่าอะไรก็รีบเล่า ก่อนที่จะไม่เหลืออะไรให้เล่าได้อีกต่อไป
โลกสมัยนี้เป็นของคนหนุ่มสาว มันไม่ใช่โลกของคนแก่อีกแล้ว ยิ่งได้อ่านบล็อกมากๆเข้า ผมก็ยิ่งรู้สึกว่า โลกทุกวันนี้มันวิ่งฉิว คนแก่จะมัวนั่งๆนอนๆ เสวยความขี้เกียจ ก็เตรียมตัวตายทางความคิดได้เลยครับ
ผมอาจตกยุคทางอายุ แต่ผมไม่ยอมตกยุคทางปัญญาแน่นอน คนหนุ่มสาวเองหากประมาท ก็มีโอกาสตกยุคไม่ต่างจากคนแก่เช่นเดียวกัน
การเขียนบันทึกมันช่วยจัดระเบียบความคิดให้กับเรา บางครั้งมันเป็นตัวกระตุ้นให้ผมต้องค้นคว้าความรู้ใหม่ๆ มาเสริม หรือลบล้างความรู้เก่าๆที่ผมมีอยู่ อันนี้เขาเรียก Creative Destruction
คนเรามันมีกรอบความคิดทุกคน กรอบความคิดมันมาจากความรู้ ถ้าความรู้เรามันล้าสมัย กรอบความคิดเรามันก็ผุพัง จะเอาปัญญาที่ไหนไปคุยกับคนรุ่นใหม่ได้
สมัยผมเราต้องวิ่งหาความรู้ สมัยนี้ความรู้มันนอนรอเราอยู่ในอากาศ แค่นิ้วสัมผัสแป้นพิมพ์ ความรู้มันก็หลั่งไหลเข้าหาเราทันที
สมัยนี้อย่าไปถามนะว่า Block Chain คืออะไร คำถามแบบที่ว่า "มันคืออะไร" เป็นคำถามของไดโนเสาร์เต่าล้านปีไปเสียแล้ว คุยกับใคร เขาก็ไม่อยากคุยด้วย ด้วยที่เราเองไม่ทำการบ้านกับอากู๋ให้เรียบร้อยเสียก่อน จัดเป็นบาปมหันต์เป็นอย่างยิ่ง
ครั้งหน้า ก่อนจะคุยกับใคร ถามหาอากู๋ก่อน ถ้าไม่อยากเป็นไดโนเสาร์ตัวสุดท้ายของโลก
คนแก่เตือนแล้วนะ
โฆษณา