9 มี.ค. 2021 เวลา 08:13 • ธุรกิจ
2 มิลลิเมตรเปลี่ยนชีวิตคนได้อย่างไร
บทความนี้เคยตีพิมพ์ในนิตยสาร Go Training พ.ศ. 2552
ผมเล่าประสบการณ์ในการเรียนวันแรกของหลักสูตร Unleash The Power Within (UPW) ของโทนี รอบบินส์ในปี 2009 ซึ่งมีการเดินลุยไฟด้วย อ่านบทความตอนแรกได้ที่ เดินลุยไฟกับโทนี รอบบินส์ที่สิงคโปร์
1
บทความนี้จะเล่าการเรียนในวันที่ 2 — วันที่ 4 ของหลักสูตร UPW ครับ
คุณโจเซฟ วิทยากรวันที่สอง
วันที่สอง
โทนีไม่ได้มาบรรยายในวันที่สอง แต่มีวิทยากรชื่อ โจเซฟ ซึ่งเป็นชาวอเมริกันผิวดำมาบรรยายแทนพร้อมกับเปิดฉายวิดีโอคลิปของโทนีสลับเป็นระยะ ๆ หน้าตาและน้ำเสียงของโจเซฟคล้ายคริส ร็อค ดาราและดาวตลกชื่อดังครับ
วันที่สองมีกิจกรรมสนุกๆ หลายเรื่อง เช่น การเล่นเกม Simon Says ซึ่งทุกคนต้องทำท่าทางตามคำพูดของโจเซฟทุกครั้งที่ขึ้นต้นด้วยคำว่า Simon Says
ดูเผิน ๆ นึกว่าง่ายใช่ไหมครับ แต่โจเซฟมีลูกเล่นมากมายหลอกให้เราหลงกล ใครที่ทำผิดจะต้องนั่งลง
ในที่สุดจากผู้เล่นห้าพันคน เหลือเพียงไม่กี่คนที่ได้ขึ้นไปเล่นบนเวที และเหลือผู้ชนะเพียงคนเดียวเป็นชายหนุ่มชาวตะวันตก
1
จากนั้นโจเซฟให้ผู้ชนะเลิศเล่านิทานเรื่องหนึ่งในทำนองเพลง Amazing Grace ซึ่งเรียกเสียงเชียร์ลั่นจากทุกคน
1
บทเรียนสำคัญในวันนี้คือ เทคนิค Rapport ซึ่งเป็นการสร้างความสนิทสนมโดยการเลียนแบบภาษาท่าทางของอีกคน
โจเซฟให้พวกเราจับกลุ่มๆ ละ 3 คน โดยคนแรกทำท่าทางอะไรก็ได้ เช่น ยืนกำหมัดขึ้นฟ้า คนที่สองทำท่าทางเลียนแบบคนแรกให้เหมือนที่สุด และคนที่สามจัดท่าทางคนที่สองให้เหมือนคนแรก จากนั้นคนที่สามจะถามคนแรกว่า ขณะที่ทำท่าทางนั้น มีความคิด อารมณ์หรือรู้สึกอย่างไร และให้คนที่สามบอกว่า เวลาที่ทำท่าทางเลียนแบบคนแรกนั้น มีความคิด อารมณ์หรือรู้สึกอย่างไร เพื่อที่จะได้เปรียบเทียบคำตอบของคนที่สามว่าเหมือนกับคนแรกหรือไม่
1
วันที่สาม
โทนี รอบบินส์ ก็ปรากฏตัวพร้อมกับชุดเดิมคือ เสื้อยืดคอกลมกับกางเกงขาสั้นสีดำทั้งชุด
เขาเล่าว่า เขาเคยไปพบศัลยแพทย์คนหนึ่งที่ทำศัลยกรรมตกแต่งใบหน้าคนไข้ให้สวยหรือหล่อ
ระหว่างที่โทนีนั่งคอย เขาก็เปิดดูสมุดเล่มหนึ่งที่มีภาพใบหน้าของคนสวย คนหล่อมากมาย ซึ่งคุณหมอท่านนั้นได้เก็บรวบรวมไว้
โทนีถามหมอว่า “ท่านครับ การทำศัลยกรรมตกแต่งคนธรรมดาให้ดูดีขึ้น ต้องทำมากแค่ไหนครับ”
คุณหมอตอบว่า “ไม่ต้องทำมากหรอกครับ แค่เปลี่ยนแปลง 7 จุดเพียงสองมิลลิเมตรเอง ก็ทำให้คนธรรมดามีเสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามได้อย่างมาก”
ในชีวิตประจำวัน เรามักพบเหตุการณ์ที่ผลกระทบเพียงเล็กน้อยก็สามารถส่งผลมหาศาลได้หลายเรื่อง
เช่น การตีกอล์ฟซึ่งผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ทำให้ลูกผิดทิศทางไปมาก นักกีฬาโอลิมปิคที่ชนะกันแบบเส้นยาแดงผ่าแปด เป็นต้น
ดังนั้นบทเรียนที่โทนีบอกพวกเราคือ ถ้าเราต้องการพัฒนาตัวเองในด้านใดก็ตาม ขอเพียงแค่ปรับปรุงดีขึ้นเพียงเล็กน้อย ก็อาจก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีผลกระทบอย่างมากจนเหลือเชื่อ
ในตอนบ่าย โทนีสอนเนื้อหาที่สำคัญที่สุดของงานสัมมนาคือ การเปลี่ยนความเชื่อที่จำกัดของตนเอง
กิจกรรมนี้ให้พวกเราจับคู่กัน คนหนึ่งบอกความเชื่อที่จำกัดของตนเอง จากนั้นอีกคนหาเหตุผลมาหักล้างความเชื่อที่จำกัดของคนแรก
ผมได้จับคู่กับสาวหมวยสิงคโปร์คนหนึ่งที่นั่งติดกัน เธอบอกว่า เป็นตัวแทนขายประกัน อายุเกือบ 30 ปีแล้ว แต่หน้าเด็ก (ตอนแรก ผมยังคิดว่าเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย) ทำให้ลูกค้าไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไร เธอจึงรู้สึกขาดความมั่นใจในตนเอง
The Dickens Process
จากนั้น ก็ถึงเวลาที่สำคัญที่สุดของงานสัมมนานี้ โทนีเรียกกิจกรรมนี้ว่า The Dickens Process (กระบวนการดิคเก้นส์) เพราะนำแนวคิดจากวรรณกรรมเรื่อง A Christmas Carol ซึ่งประพันธ์โดยชาร์ลส์ ดิคเก้นส์
วรรณกรรมเรื่องนี้เล่าชายแก่คนหนึ่งซึ่งไร้จิตใจ ขาดความเมตตา วันหนึ่งมีวิญญาณสามตนมาเยี่ยมเยือนและแสดงให้เห็นว่า ถ้าเขายังใช้ชีวิตอย่างนี้ จะมีผลกระทบอะไรบ้างในอนาคต ทำให้เขาเปลี่ยนนิสัยและพฤติกรรมของตนเองไปตลอดกาล
โทนีจึงใช้แนวคิดนี้ในการทำลายความเชื่อที่จำกัดของเรา และใส่ความเชื่อใหม่ที่ทรงพลังเข้าไปแทน
หลังจากที่ทำกิจกรรม The Dickens Process เสร็จแล้ว โทนีบอกให้พวกเราท่องข้อความต่อไปนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
1
Now I am the Voice
I will lead, not follow
I will believe, not doubt
I will create, not destroy
I am a force for good
I am a leader
2
ในช่วงเย็น โทนีประชาสัมพันธ์หลักสูตร Matery University ของเขาซึ่งจะจัดที่เกาะบาหลีในเดือนเมษายนปี 2010 แต่ราคาเข้าอบรมแพงมากครับ เกือบสองแสนบาท
โทนีปิดท้ายวันนั้นด้วยการเล่นสงกรานต์ คือ เอาปืนฉีดน้ำมาฉีดใส่ทุกคนที่อยู่รอบ ๆ ทุกคนในห้องก็เลยเอาตามบ้าง ใครมีขวดน้ำ ก็เทน้ำสาดไปทั่วเลย ผมรีบเก็บกล้องแทบไม่ทัน
วันที่ 4
วันที่สี่ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของงานสัมมนา โจเซฟเป็นวิทยากรแทนโทนีและเปิดวิดีโอของโทนีที่บรรยายด้านสุขภาพ เช่น การไม่ทานเนื้อสัตว์ การทานวิตามินเสริม การออกกำลังกาย เป็นต้น
ผมนั่งฟังบ้าง หลับบ้าง เพราะส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ทราบอยู่แล้ว ในที่สุด งานสัมมนาเสร็จสิ้นในเวลาประมาณหกโมงเย็น
สิ่งที่ผมชอบมากในงานสัมมนาของโทนี คือ ระบบแสง สี เสียง วิดีโอครับ ระหว่างงานสัมมนา ช่างภาพจะซูมภาพผู้เข้าฟังสัมมนาเช่น คนที่หลับ อ้าปากหวอ ทำท่าทางตลก ๆ ฉายขึ้นจอ ซึ่งเรียกเสียงหัวเราะขบขันได้อย่างมาก
คนไทยหลายคนก็ถูกซูมฉายขึ้นจอโดยไม่รู้ตัว เพลงประกอบงานสัมมนาก็สุดยอดมาก กระหึ่มและเร้าใจมาก
แต่สิ่งที่ผมคิดไม่ถึงคือ แอร์ เพราะอากาศหนาวเย็นมาก ทั้ง ๆ ที่ผมมั่นใจว่าตนเองทนทานความหนาวได้ดี ยังต้องใส่เสื้อคลุมทับอีกตัว เพราะหนาวจนทนไม่ไหว แต่ข้อดีของอากาศเย็นคือ ทำให้ไม่ง่วงนอน เพราะรู้สึกตื่นตัวตลอดเวลา
ฝากข้อคิดด้วยประโยคจากงานสัมมนานี้
The right little thing can change many things
ขอให้คุณหาสองมิลลิเมตรของตัวเองให้พบนะครับ
เชิญสมัครเป็นสมาชิกจดหมายข่าว “ไฟฉาย” ของผมที่จะส่องไอเดียน่าสนใจทุกวันที่ 1 และวันที่ 15 ของทุกเดือน เช่น แอป คอร์สออนไลน์ หนังสือ วิดีโอ บทความ เพจ ไฮไลท์จากหนังสือ เป็นต้น
สมัครเพื่ออ่านทางอีเมลได้อย่างสะดวกสบายได้ที่
โฆษณา