9 มี.ค. 2021 เวลา 08:57 • นิยาย เรื่องสั้น
#ตอนที่ ๗ [วัยรุ่นคะนองกรุง]
#ปังตอสิ้นฤทธิ์
วันนั้นหล่อ ปังตอ เพิ่งจะประกันตัวออกมาจากโรงพักได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ ความผิดที่ทำให้ต้องถูกจับกุมขังดำเนินคดีเป็นเรื่องเก่าที่เขาข้ามเจ้าพระยาไปแทงวัยรุ่นเจ้าถิ่นย่านพรานนกซะดิ้นพราดเมื่อเกือบสามเดือนก่อน
#เสือร้ายสะพานขาว ย้อนกลับไปกร่างแถวนั้นด้วยความชะล่าใจ คิดว่าเรื่องมันเงียบไปแล้วและคงเลือนหายไปจากความทรงจำของใครต่อใครที่เห็นเหตุการณ์ แต่เปล่าเลย! หลายคนยังไม่ลืม และหนึ่งในจำนวนนั้นก็จำมือมีดจากต่างถิ่นได้แม่นยำ แถมยังสะกิดบอกโปลิศโดยไม่ลังเล
เขาจึงถูกตำรวจไล่ล่าอย่างไม่ลดละ ต้องเตลิดหนีหัวซุกหัวซุน แต่ไม่รอดสันดอน ที่สุด! หนุ่มหน้าจืดก็สะเปะสะปะหลงเข้าไปจนมุมในสวนรกซึ่งตัวเองไม่ชำนาญพื้นที่ โปลิสรวบตัวได้โดยละม่อม และหิ้วไปยังใส่กรงสงบสติอารมณ์ซะหลายวันจนกระทั่งได้ประกันตัว
ทว่า...แม้จะเพิ่งลิ้มรสห้องขังออกมาหมาดๆ ยังไม่ทันหมดกลิ่นลูกกรงเหล็ก #หล่อปังตอ ก็ไม่เข็ดขามคร้ามเกรง เขายังฮึกเหิมกระเหี้ยนกระหือที่จะแก้เผ็ดให้เพื่อนร่วมแก๊ง ด้วยมาตรการรุนแรงชนิดเขี้ยวต่อเขี้ยว โดยไม่คำนึงถึงตัวบทกฎหมายหรือขื่อแปอันใดทั้งสิ้น!
มุ่งมั่นที่จะถล่มคู่แค้นให้สะใจประการเดียว! เหล่านักบู๊ที่ร่วมขบวนมาด้วยก็เช่นกัน! ทุกนายล้วนกระหายที่จะเข้ารบ! พาหนะในการเดินทางไปทำศึกของพวกเขาไม่ใช่รถเมล์ ขสมก. ซึ่งสมัยนั้นยังอยู่ปลายอ้อปลายแขมที่ไหนไม่รู้ แต่เป็นรถประจำทางสาย 3 สีเขียวอ่อนหรือที่เรียกตามประสาชาวบ้านว่า #รถศรีนคร วิ่งรับส่งคนโดยสารให้บริการระหว่างสนามหลวงกับตลาดหมอชิต
ตะวันเที่ยงกำลังแผดเปลวแดดกล้าเต้นเป็นตัวระยิบ ขณะที่รถเมล์ สาย 3 ซิ่งตะบึงผ่านบางกระบือ, เกียกกาย, สะพานแดง มาเป็นลำดับมุ่งเข้าถนนประดิพัทธ์ท่ามกลางกระแสการจราจรที่เบาบางเป็นปกติ รถเมล์ศรีนครซึ่งมีผู้โดยสารเต็มคัน จึงใช้ความเร็วได้ตามอัธยาศัยและตามอารมณ์ของพลขับเอี่อยเข้าหาป้ายจอดเยื้องๆ หน้าโรงเรียนสวัสดิ์อำนวยเวทย์ ซึ่งมีเด็กหนุ่มท่าทางเฮี้ยวๆ ตามแบบฉบับขาโจ๋ยืนจับกลุ่มกันอยู่ห้าหกคน
ขณะเดียวกัน วัยรุ่นบนรถประจำทางซึ่งยืนจุกเต็มประตูทางขึ้นลงทั้งหน้าและหลังก็ชี้มือชี้ไม้ร้องบอกกันโหวกเหวก
"นั่นไง! ไอ้นพ! ไอ้ตาล! สะพานควาย!"
"ไอ้เบี้ยวกะไอ้อ๊อด หัวโตด้วย!"
ขาดคำท้าย บัสสีเขียวอ่อนถูกเบรกจอดพรืด! ล้อยางใหญ่เทอะทะยังไม่ทันหยุดสนิทด้วยซ้ำ นักบู๊คะนองเลือดทั้งโขยงก็กรูเกรียวลงจากรถประจำทาง กวัดแกว่งมีดไม้เฮละโลเข้าหาฝ่ายศัตรูคู่แค้นเป็นโกลาหล
ผู้คนทั้งที่อยู่บนรถเมล์และที่เตร็ดเตร่จับจ่ายซื้อหา หรือทำธุระปะปังในบริเวณใกล้เคียง ต่างส่งเสียงเอะอะมะเทิ่งหวีดร้องโวยวายด้วยความตื่นเต้นพรั่นแข่งกันอึงคะนึงฟังไม่ได้ศัพท์! บางส่วนก็เผ่นกระเจิงหลบออกจากพื้นที่อันตรายกันจ้าละหวั่น! ความชุลมุนวุ่นวายสับสนอลหม่าน ระเบิดขึ้นในย่านนั้นอย่างปัจจุบันทันด่วน! บรรดาขาโจ๋สะพานควายแทบไม่ทันได้ตั้งหลัก ฝ่ายบุกก็ฮือเข้าถึงตัวซะแล้ว! เรื่องหลบเลี่ยงหลีกหนีก็เป้นอันเลิกคิด ทุกนายจำต้องกัดฟันปิดป้องตอบโต้ ต้านรับการจู่โจมรุกตะลุยไปตามมีตามเกิดเท่าที่จะทำได้ในภาวะคับขัน ทั้งด้วยมือเปล่าและอาวุธที่บางคนพกพาติดตัว
ท่ามกลางเปลวตะวันจัดจ้าร้อนแรงภาพหนุ่มเลือดเดือดสองกลุ่มที่ชุลมุนห้ำหั่นฟันฟาดกันด้วยอาวุธทั้งมีดไม้และมือเปล่า โดยไม่คำนึงถึงชีวิตเลือดเนื้อ เป็นภาพที่น่าสยดสยองพรั่นพรึงเหลือรับ! มันควรจะมีแต่ในฝันร้าย แต่มันก็เป็นภาพที่เกิดขึ้นจริง! เสียงผัวะผะตุ้บตั้บบึ้กบั้ก เสียงผรุสวาทแผดดำกราดเกรี้ยว เสียงโอดโอยของคนที่พลาดพลั้งได้รับบาดเจ็บ เสียงฝีเท้าสับสนทั้งรุกไล่และร่นถอยคละเคล้ากันไม่ขาดระยะ! จิ๊กโก่เจ้าถิ่นซึ่งด้อยกว่าทั้งกำลังคนและอาวุธที่ไม่ได้ตระเตรียมมารับศึก ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากมายหลายขุม
โรมรันพันตูนัวเนียกันอยู่ได้เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ หนึ่งในกลุ่มก็โดนหวดด้วยไม้ดุ้นโตถึงกับหัวทิ่มลงไปฟุบแน่นิ่ง! ส่วนอีกหนึ่งก็ล้มลุกคลุกคลานทำท่าจะพับมิพับแหล่! ที่เหลือซึ่งได้แผลมากบ้างน้อยบ้างและเห็นท่าจะรับไม่ไหว เลยแตกเพริดเตลิดหนีเอาตัวรอดไว้ก่อน #ตาลสะพานควาย สับร้อยเมตรราวนักวิ่งเหรียญทองเปิดแน่บไปตามบาทวิถี โดยมี หล่อ ปังตอเงื้อง่ามีดสั้นละลิ่วไล่ไม่เลิกรา ทางด้าน #แดงไบร์เลย์ ซึ่งมีดาบยาวเปลือยคมขามปลาบกระชับมั่นในมือขวา ก็ควงอาวุธกวดติดหลัง #อ๊อดหัวโต ที่โกยอ้าวนำหน้าด้วยฝีเท้าทัดเทียมกัน
ชาวบ้านร้านตลาดทั้งสองฟากถนนประสานเสียงกรีดร้องหวีดว้ายเจี๊ยวจ๊าวกันแซ่แซ่ว! โก๋สะพานควายเจ้าของชื่อตาล ยังโชคดีอยู่บ้างที่ไม่ใช้ทางตรงถอยหนีเป็นหลัก พอผ่านร้านตัดเสื้อที่รู้จักกัน เขาก็เลี้ยงหลบเข้าไปอย่างไม่รอช้า ซึ่งนั่น..ทำให้เสือร้ายหน้าจืดต้องชะงักหยุด ไม่กล้าผลีผลามตามติดบุกรุกเข้าไปในเคหสถานผู้อื่น ที่เคราะห์ร้ายหนักหนาสาหัสกว่าใครกลับเป็นอ๊อด หัวโต! หมอสับตีนวิ่งตะบึงไปได้ไม่ถึงยี่สิบเมตรก็ดันซุ่มซ่ามสะดุดแง่คอนกรีตบล๊อคปูทางเข้าจังเบอร์!
"เอ๊อว์.....!!"
เจ้าตัวหลุดปากร้องเสียงหลง และเสียหลักคะมำถลาแอ่นอกลงตบพื้นป้าบสนั่น! แดง ไบร์เล่ย์ ทะยานไล่ทันเข้าประชิดจังหวะเดียวกับที่หนุ่มซ่าเจ้าถิ่นสะบัดตัวพลิกหงายขวับ! ดาบยาวที่เงือดเงื้อสุดล้าตวัดฟันลงไปทันควัน!
เช้งง์ง์....!!!
เสียงดังชวนเสียวกระโหลก เมื่อคมดาบกรีดผ่านอากาศเฉียดไหล่ขวาฝ่ายตรงข้ามลงไปจวกพื้นคอนกรีตเต็มรัก! สะเก็ดไฟฉีกประกายแว่บ!
ดาบแรกพลาดเป้า ไอ้รุ่นดาวดังไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่เสี้ยววินาที คุกเข่าขวาเงื้อดาบสองจ้วงฟันเต็มแรง! แสงแฟลซไล้ท์แตกวาบขึ้นทางซ้ายมือในพริบตาเดียวกัน!
ฉัวะ.....!!
"โอ๊ยย์......!!!"
คมดาบกระหน่ำกลางอกดังน่าสยดสยองตามด้วยเสียงแหกปากร้องเจ็บปวดสาหัสของ อ๊อด หัวโต เลือดแดงสะพรั่งสาดพรวด! แฟลซไล้ท์สว่างวาบขึ้นอีกหน! มันทำให้กระทิงรุ่นจอมระห่ำจากตรอกไบร์เล่ย์ สะบัดหน้าหันขวับไปมองในฉับพลัน! และก็ถึงกับสะดุ้งเฮือก ตาเบิกโพลง! ไม่ใช่อะไรหรอก
ช่างภาพหนุ่มทะมัดทะแมงนายหนึ่งสะพายสัมภาระอุปกรณ์พะรุงพะรังบอกยี่ห้อมืออาชีพจากหนังสือพิมพ์รายวัน ยืนเล็งกล้องอยู่ห่างออกไปพอประมาณ และทันทีที่ไอ้รุ่นมือดาบหันไปมอง เขาก็กดชัตเตอร์เก็บภาพอย่างฉับไว แสงไฟจัดจ้าแตกวาบขึ้นเป็นคำรบสาม ก่อนเสียงเอะอะลั่นของใครบางคน "ชิบหายแล้ว! นักข่าว! หนีเร็ว!"
แดง ไบร์เล่ย์ เด้งตัวทะลึ่งลุกทันใด และเผ่นตามพรรคพวกกระจายย้ายแยกกันออกจากบริเวณที่เกิดเหตุอย่างเร่งร้อน
จริงอยู่ นักข่าวไม่มีปืน ปราศจากสิทธิอำนาจที่จะจับกุมใครได้เหมือนตำรวจ แต่เขาก็สามารถทำให้ภาพถ่ายของทุกคนปรากฎในหน้าหนังสือพิมพ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่บรรดาจิ๊กโก๋ตัวแสบๆ หวาดเกรงไม่แพ้กัน ได้ยินคำว่า #นักข่าว เป็นต้องเผ่นกระเจิงไม่เหลียวหลัง ชั่วเวลาไม่ถึงสิบห้านาที ในที่เกิดเหตุก็เหลือเพียงคนเจ็บซึ่งไปไหนไม่รอด ไอ้ที่ไม่เจ็บหรือยังพอตะกายหนีได้ หายหน้าไปตามระเบียบปฏิบัติแบบเดียวกับสิงห์รถบรรทุกเวลาเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง
รุ่งขึ้น เหตุสยองอันเนื่องมาจากกลุ่มเด็กหนุ่มคะนองเลือด ยกพลเข้าห้ำหั่นประจัญบานกันริมถนนหน้าโรงเรียนสวัสดิ์อำนวยเวทย์ ก็ถูกหนังสือพิมพ์รายวันตีข่าวครึกโครมเอิกเกริกโด่งดังไปทั่วประเทศ! แต่ที่โดดเด่นสะดุดสายตาตลอดจนความรู้สึกของผู้ที่ได้พบเห็น ก็คือภาพเด็ดจากฝีมือตากล้องผู้ช่ำชองในการกดชัตเตอร์ที่ลงตีพิมพ์ประกอบพาดหัวข่าว ภาพของ แดง ไบร์เลย์ ขณะใช้ดาบยาวน่าพรั่นจ้วงฟันอ๊อด หัวโต!
หนังสือพิมพ์แทบทุกฉบับ ต่างเล่นข่าวขึ้นหน้าหนึ่งเป็นเรื่องฮิตติดต่อกันหลายวัน ทั้งข่าวและภาพที่ปรากฏ ทำเอา #จอมพลสฤษดิ์ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีกุมอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดถึงกับเต้นผางด้วยมันเป็นเรื่องรุนแรงร้ายกาจเหลือประมาณ ท่านจอมพลมีบัญชาสั่งการลงมาอย่างหนักแน่น ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งมือติดตามจับกุมบรรดาวัยรุ่นอันตรายที่ร่วมกันก่อเหตุ มาลงโทษตามตัวบทกฏหมายให้หมด! และโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้!
แน่นอน ลงถึงขั้นนี้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์น้อยใหญ่ทุกระดับก็ต้องวิ่งกันให้พล่าน! ซึ่งเมื่อเรื่องมันบานปลายใหญ่โต ขนาดที่ผู้นำรัฐบาลต้องออกโรงสั่งการเอง ยุทธจักรวัยรุ่นก็ปั่นป่วนระส่ำระสายไปทั่ว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวกตัวแสบตัวซ่าที่มีส่วนร่วมกระทำความผิดต่างก็อยู่ไม่สุขและหมดสิทธิ์ที่จะเดินเอ้อระเหยลอยชาย กรีดกรายโชว์หุ่นตามแหล่งบันเทิงอย่างที่เคยประพฤติ มีแต่จะหลบลงรูกันลูกเดียว! แดง ไบร์เลย์ เผ่นหายเข้ากลีบเมฆไปทางไหนไม่มีใครหมู่เพื่อนฝูงรู้เห็น พวกพ้องส่วนใหญ่ที่ยังอยู่ก็ต้องคอยหลบๆซ่อนๆ และที่ร้อนกว่าใคร คือ หล่อ ปังตอ!
เพราะหากถูกจับคราวนี้เขามีหวังเกมยาวเนื่องจากคดีเก่าที่เพิ่งได้ประกันตัวออกมา ยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาตัดสินของศาลสถิตยุติธรรม เจอคดีใหม่บวกเข้าไปอีก ก็เป็นอันว่าเรียบร้อยโรงเรียนราชทัณฑ์! เสือร้ายสะพานขาวรีบส่งข่าวบอกพรรคพวกร่วมแก๊ง นัดเจอกันที่บ้านเพื่อนในซอยศาลเจ้า แซ่ซิ้มฝั่งธนบุรี เพื่อปรึกษาหารือคิดอ่านวางแผนหลบหนีเงื้อมมือกฏหมาย ตี๋ วัดใต้, สำเภา,หน่อยขาว กับเพื่อนอีกคนหนึ่ง เร่งรุดไปตามนัดโดยไม่อิดเอื้อน
เมื่อพบกันพร้อมหน้าใช้เวลาพูดคุยถกเถียงโต้แย้งกันไม่นานนัก ก็ได้ข้อสรุปว่าถ้าขืนวนเวียนอยู่ในกรุงเทพฯ ไม่มีทางรอดแน่ จะต้องเสร็จตำรวจไม่ช้าก็เร็ว ต้องหนีออกต่างจังหวัด!
"ข้าว่าน่าจะเป้นหัวเมืองชายทะเลอย่างระยอง หรือไม่ก็จันท์"
หน่อยขาวให้ความเห็น ก่อนที่หนุ่มหน้าจืดจะเลิกคิ้วถาม
"เอ็งมีคนรู้จักทางโน้นเรอะ?"
"ก็....ไม่มีหรอก”
"ไอ้บ้า แล้วจะไปอยู่กันยังไง?"
ตี๋ วัดใต้ กระแอมขัดขื้นเบาๆ แล้วว่า
"ลพบุรีดีกว่า ข้ามีญาติอยู่ที่นั่น"
ข้อเสนอนี้ ทุกคนเห็นพ้องด้วย แต่เมื่อเทกระเป๋าเอาเงินมากองรวมกันปรากฏว่าแค่ค่ารถโดยสารสำหรับห้าคนก็ยังไม่พอ! ค่าใช้จ่ายอื่นไม่ต้องพูดถึง แล้วจะไปลพบุรีกันอีท่าไหน? ไอ้เรื่องที่จะหาเงินด้วยปล้นจี้ฉกชิงวิ่งราวก็ทำไม่เป็น ไม่เคยคิดด้วยซ้ำ!
ถึงจะเกเรเกตุงไม่เอาถ่าน ก่อเรื่องทะเลาะวิวาทตีรันฟันแทง สร้างความเดือดร้อนพลอยฟ้าพลอยฝนไปถึงชาวบ้านร้านช่องที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ อยู่เป็นนิจ เด็กหนุ่มพวกนี้ก็ไม่ได้มีสันดานโจร ทั้งห้า กลอกตามองหน้ากันนิ่งอั้นอยู่เป็นครู่ หน่อยขาวก็ถอนใจละห้อยละเหี่ยก่อนเอ่ยอย่างสิ้นหวัง
"มันคงถึงคราวจะต้องติดคุก!"
หล่อ ปังตอ วางมือตบไหล่ไอ้เกลอหน่อยเบาๆ เป็นเชิงให้กำลังใจแกมปลอบประโลม พลางทอดเสียงบอก
"อย่าแช่งตัวเอง...และอย่าเพิ่งท้อ"
อีกฝ่ายโครงศรีษะ
"เราไม่มีแม้กระทั่งค่ารถนะเพื่อน มันก็เท่ากับหมดประตูดิ้น"
"ไม่หมด ค่ารถกะค่าใช้จ่ายไม่จำเป็น ไม่ใช่เรื่องเหลือบ่ากว่าแรง ของมันพอหาได้"
"หายังไงล่ะ?"
"ก็ตามกำลังความสามารถของแต่ละคน" หน่อยขาวทำหน้าเลิ่กลั่ก
"เฮะ! เฮะ! ข้านะอย่างเก่งก็แค่อาศัยที่เผลออาแป๊ะอาซิ้ม สับของพวกไฟแช็คปากกาไปเข้าโรงตึ้ง ถ้าถึงขนาดตีชิงวิ่งราวละก้อ...บอกซะก่อนนะโว้ย ข้าไม่เอาด้วยเด็ดขาด!"
หล่อโบกมือ
"อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะให้หาเงินกันด้วยวิธีการทุจริตผิดทำนองคลองธรรมแบบนั้น"
"งั้นเอ็งจะหาแบบไหน?"
"สำหรับข้า ตอนนี้มองเห็นอยู่ทางเดียวกลับเข้าบ้านไปขอเงินเตี่ย"
ไอ้เกลอหน่อยทำจมูกย่น
"แกจะให้รื้อ...?"
"ทำไมล่ะ?"
"ถามได้ ...." ไอ้เกลอเกือบจะค้อนให้ "...ก็เอ็งดีซะแทบไม่มีที่ติ!"
"เฮ่ย.....จะชั่วดีถี่ห่างยังไงก็ลูก ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนทำใจไม้ใส้ระกำทอดทิ้งได้ลงคอหรอก ว่าแต่คนอื่นๆ.....พอจะหยิบฉวยจากใครได้มั่งรึเปล่า?"
ประโยคท้าย หนุ่มหน้าจืดเอ่ยถามพลางกวาดตามองสมาชิกร่วมแก๊ง และก็ได้พบว่าพระเดชพระคุณทั้งสี่หน่อทำตาแซ่วสั่นหันกันเป็นทิว! หล่อ ปังตอ ถอนใจพรวด
"เอาจากเตี่ยข้าที่เดียวก็พอไหววะ ได้เงินแล้วบึ่งไปหมอชิต จับรถขึ้นลพบุรีกันเลย"
"แปลว่าตอนนี้ต้องเข้าบ้านเอ็งก่อ?"
หล่อพยักหน้าหงึก
"ใช่ ไปสะพานขาว!"
เด็กหนุ่มคะนองซึ่งถูกทางการหมายหัวทั้งห้านาย เดินเกาะกลุ่มกันออกจากซอยศาลเจ้าแซ่ซิ้ม ไปหยุดยืนรอรถประจำทางที่ป้ายจอดริมถนนใหญ่โดยไม่มีใครเฉลียวใจแม้แต่น้อยนิดว่าถูกจับตามองอยู่ทุกระยะ! เจ้าของสายตาที่คอยจับความเคลื่อนไหวเป็นหนุ่มร่างสันทัดวัยยี่สิบเศษ ลักษณะท่าทางตลอดจนการแต่งเนื้อแต่งตัว ค่อนข้างซอมซ่อเหมือนคนตกงานซึ่งมีเกลื่อนกรุงเทพฯ มาแต่ไหนแต่ไร หมอเดินหงอยเข้าไปยืนรอป้ายรถเดียวกับบรรดาวัยรุ่นอันตราย ด้วยทีท่าอาการเฉื่อยเฉยเซื่องซึมซังกะตายเต็มแก่ และเอาแต่เหม่อมองถนนโดยไม่สนใจใคร ทั้งไม่ยินดียินร้ายกับรถประจำทางสีน้ำเงิน จุฬา-สำเหร่ สาย ๒๑ หรือสาย ๑๐ สีเขียวใบไม้ดาวคะนอง-สนามมวย ที่ห้อเหยียดผ่านไปสองสามคัน
จนกระทั่งไอ้รุ่นแสบแห่งสะพานขาวยกมือโบกเรียกรถเมล์เหลืองสาย ๓๗ ซึ่งมีเส้นทางวิ่งระหว่างดาวคะนอง-มหานาค นั่นแหละ นัยน์ตาซึมเซาของหนุ่มซอมซ่อถึงได้ฉีกประกายไหวแว่บ! ทันทีที่บัสสีเหลืองโฉบเข้ามาเบรคพรึดกระทาชายหกนายก็กรูเกรียวตามกันขึ้นรถอย่างไม่โอ้เอ้ แน่ละ หนึ่งในหกย่อมเป็นหนุ่มซอมซ่อแ ซึ่งยืนเกาะราวเหล็กตรงบันใดไม่ยอมขึ้นไปหาที่นั่ง เมล์เหลืองตะบึงไต่ถนนตากสิน แวะตามป้ายที่มีคนโบกเรียกเรื่อยไป ไม่นานก็เลี้ยวเข้าจอดป้ายวงเวียนใหญ่ ซึ่งมีชายฉกรรจ์หุ่นกำยำสามนาย ยืนปะปนอยู่ในกลุ่มชาวบ้าน ทั้งสามเหลือบมองหนุ่มซอมซ่อที่ให้สัญญาณด้วยการผงกศรีษะนิดเดียว แล้วกระวีกระวาดขึ้นรถ ซึ่งนั่นไม่ใช่สามคนแรก
ป้ายก่อนที่ผ่านมา หนุ่มซอมซ่อพยักหน้าเรียกพวกพ้องขึ้นรถมาแล้วถึงสี่ฉกรรจ์!! รถประจำทางสีเหลืองขมิ้นสาย ๓๗ ดาวคะนอง-มหานาค ซึ่งมีปลายทางที่ตรอกขี้เถ้าเคลื่อนลำออกจากป้ายจอดวงเวียนใหญ่ เลี้ยวเข้าถนนประชาธิปกมุ่งตรงสู่สะพานพระพุทธยอดฟ้าเพื่อข้ามแม้น้ำเจ้าพระยาไปยังฝั่งกรุงเทพฯ ด้วยความเร็วปกติ ขณะเดียวกัน หนุ่มซอมซ่อกับพรรคพวกอีกเจ็ดนายก็เคลื่อนไหวตามแผนการอย่างเฉียบเชียบ!
หนึ่งในแปดแยกไปด้านหน้ารถ ยืนปักหลักคุมเชิงอยู่ข้างหลังพลขับ ส่วนที่เหลือกระจายกันเข้าประกับเด็กหนุ่มคะนองทั้งห้าหน่อ โดยที่ฝ่ายหลังไม่รู้สึกเอะใจอะไรเลย เมล์เหลืองยังคงหมุนล้อละลิ่วไต่ถนนไปเรื่อยๆ ผ่านสี่แยกบ้านแขก วงเวียนเล็ก จนเหลือระยะทางอีกเพียงสองสามร้อยเมตรก็จะถึงเชิงสะพานพุทธฯ จังหวะนั้นเอง บุรุษหนุ่มที่แยกไปยืนข้างหน้าก็ก้มลงกระซิบบางอย่างกรอกหูโชเฟอร์สองสามประโยค พลขับทำอาการสะดุ้งเล็กเล็กน้อยแล้วพยักหน้าหงึกหงัก ปาดพวงมาลัยบัสคันโตเบี่ยงเข้าซ้ายชะลอความเร็วแตะเบรกจอดอย่างนิ่มนวลทั้งๆที่ไม่ใช่ป้ายรถประจำทาง
ล้อใหญ่เทอะทะยังไม่ทันหยุดสนิทหล่อ ปังตอ กับเพื่อนร่วมแก๊งก็ต้องสะดุ้งผวากันเป็นระนาว! ไม่ใช่อะไรหรอก ทุกคน ถูกจี้ด้วยปืนกระบอกบะเร่อ! และแล้ว เสียงห้าวกระด้างทรงอำนาจก็แผดเกรี้ยวขึ้นได้ยินชัดเจนทั้งคันรถ
"อย่าขัดขืนนะ! นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจ!"
คำว่า #ตำรวจ ไม่เพียงแต่จะทำให้เหล่าวัยรุ่นอันตรายถึงกับแข้งขาอ่อนแทบทรุดเท่านั้น ผู้โดยสารประดามีก็ผวาตื่นตระหนกตาเหลือกตาปลิ้น และตั้งท่าจะเผ่นหนีให้เป็นที่ชุลมุนวุ่นวาย ด้วยหวาดเกรงว่าจะเกิดการต่อสู้ปะทะและแจกลูกหลง เล่นเอาโปลิศคนเดิมต้องรีบร้องสำทับแกมชี้แจง
"ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องโปรดอยู่ในความสงบอย่าตื่นเต้นตกใจเกินเหตุ มันจะก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ เราต้องการจับคนร้ายเท่านั้น และก็ควบคุมตัวไว้ได้แล้ว!"
หลายคนถอนใจฟืดฟาดอย่างโล่งอก แต่ก็ยังทำหน้าเลิ่กลั่กด้วยไม่วายตื่นระทึก และพร้อมๆกันนั้น ตี๋ วัดใต้ ก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายลั่น
"นี่มันอะไรกัน มาจับพวกผมเรื่องอะไร?"
ขาดคำ ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์นอกเครื่องแบบนายหนึ่งเอ่ยสวนเยาะๆ
"นายรู้อยู่แล้วน่า อย่าทำโวยไปเลย"
"พวกผมเป็นนักเรียนครับ"
"เออ ก็นักเรียนนักเลงไง เอาละ ลงไปจากรถ!"
ตี๋ วัดใต้ ทำตาละห้อยอย่างจนปัญญาจะโต้แย้ง
และแล้ว ทั้งห้าก็ถูกคุมประกบชนิดตัวต่อตัวลงจากรถประจำทาง ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์จ๊อกแจ๊กจอแจแซ่แซ่วของคนโดยสาร และประดานักมุงจากบริเวณใกล้เคียง ที่เริ่มรายล้อมเข้ามาชะเง้อชะแง้สอดรู้สอดเห็นตามธรรมเนียมไทยแท้แต่โบราณ ทุกคนถูกค้นตัวละเอียดยิบ ซึ่งก็ได้อาวุธมีปลายแหลมถึงสามเล่ม ก่อนจะโดนร้อยข้อมือด้วยกำไลเงินมั่นคง! อิสรภาพสิ้นสุดตั้งแต่ยังไม่ทันได้โบยบิน!
จากนั้น ห้าจิ๊กโก๋คะนองกรุงก็ถูกส่งตัวไปกักขังควบคุมไว้ที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อเจ้าของท้องที่เกิดเหตุ ขังที่โรงพักจนครบเจ็ดวันตามอำนาจของตำรวจ ก็ถูกพาไปฝากขังส่งเข้าเรือนจำ ได้ลิ้มรสคุกหนแรกกันคราวนี้เอง! หล่อกับพวกอยู่ในลหุโทษได้เพียงอาทิตย์กว่า เพื่อนร่วมแก๊งที่ก่อคดีเดียวกันก็โดนจับส่งตามเข้าไปอีกรายหนึ่ง ไม่ใช่ใครอื่น แดง ไบร์เล่ย์! และเมื่อพนักงานงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีให้อัยการส่งฟ้องก็ไม่มีใครหลุดรอดออกมาได้ ทั้งหมด ถูกศาลสถิตยุติธรรมพิพากาาตัดสินลงโทษจำคุกคนละสามเดือน! สิ้นแล้ว....อนาคต!!
นับตั้งแต่เกิดคดีเตือนใจ ซึ่งถือว่าอุกฉกรรจ์ร้ายแรงสุดยอดเป็นต้นมา จิ๊กโก๋ซ่าตัวแสบๆถูกมือกฎหมายกวาดต้อนเข้าไปเก็บตัวไว้ในกำแพงคุกให้สงบสติอารมณ์และจำกัดบทบาทเป็นจำนวนไม่น้อย แต่ยุทธจักรวัยรุ่นก็ไม่ถึงกับซบเซาเหงาหงอยและชืดชาไร้รสชาติ เพราะบรรดาดาวดังไม่ว่าจะเป็น ปุ๊ ระเบิดขวด, โหล แม้นศรี , ปุ๊ กรุงเกษม, เจตน์ หลังวัง , ตาล สะพานควาย, พัน หลังวัง และคนอื่นๆ อีกมากมายก่ายกองยังอยู่เป็นปกติ และทุกนามก็ยังผาดโผนโลดแล่นไปบนเส้นทางนักบู๊ สร้างสีสันบรรยากาศให้มีชีวิตชีวาไม่ขาดระยะ!
สำหรับเจัาของฉายาระเบิดขวดเมื่อขาดคู่ซี้ หล่อ ปังตอ ซึ่งต้องหง่าวอยู่ในเรือนจำ เขาก็คว้าเอา #ตุ๋ยสุพัฒน์พงศ์ มาเป็นบั้ดดี้เคียงข้าง ร่วมลุยและหัวหกก้นขวิดไปด้วยกัน ทว่า...ตุ๋ยเดินคู่กับหัวโจกปุ๊ได้ไม่นานก็มีอันต้องแยกทางห่างไกล เมื่อเขาไปก่อเรื่องใหญ่โตถึงขั้นมีคนบาดเจ็บล้มตาย มันเนื่องมาจากตุ๋ยกับเพื่อนๆสามคน ซึ่งล้วนยังแต่งเครื่องแบบนุ่งกางเกงขาสั้น เกิดอาการคันปากไปกระเซ้าเย้าแหย่เกาะแกะแทะโลมนักเรียนสาวๆ สองคนบนรถประจำทาง ตามประสาเจ้าชู้ไก่แจ้ ซึ่งฝ่ายหญิงไม่เล่นด้วย และหากอดกลั้นวางเฉยทำไม่รู้ไม่ชี้ก็คงจะไม่มีอะไรมาก แต่หนึ่งในสองกลับต่อปากต่อคำ ปะทะคารมกันรุนแรงขึ้นเป็นลำดับจนกลายเป็นวิวาทด่าทอและถึงกับบ้วนน้ำลายใส่เหล่าจิ๊กโก๋ในเครื่องแบบนักเรียน ก็ได้เรื่องทีนี้เอง!
ตุ๋ยบันดาลโทสะฟาดสาวปากกล้าด้วยกระเป๋าใส่หนังสือที่หิ้วติดมือ และพลาดไปโดนขอบหน้าต่างรถเมล์เข้าเต็มรัก เสียงปานฟ้าผ่ากัมปนาทสนั่นหวั่นไหวขึ้นในฉับพลัน! เพราะที่ซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าไม่ใช่ธรรมดามันเป็นระเบิดขวด! ผลที่เกิดขึ้น ไม่เพียงผู้โดยสารบนรถประจำทางจะบาดเจ็บกันระนาวเท่านั้น หนึ่งในสองนักเรียนสาวถูกสะเก็ดระเบิดเสียชีวิตทันที! ส่วนกลุ่มนักเรียนชายที่ก่อเหตุสยอง พากันเผ่นหนีรอดเงื้อมมือโปลิสไปได้ไม่นานนัด เพียงอาทิตย์เดียว ตุ๋ยซึ่งได้ฉายาใหม่เป็น ตุ๋ย ระเบิดขวดก็ถูกจับกุมมารับโทษตามกฎหมาย ปุ๊ ระเบิดขวด เลยต้องเสียบั้ดดี้ไปอีกรายจนได้!
ช่วงเวลาใกล้เคียงกัน แดงไบร์เลย์ ซึ่งถูกศาลพิพากษาจำคุกเพียงสามเดือนก็พ้นโทษกลับออกมาผงาดในยุทธจักร เป็นธงนำของเหล่าลิ่วล้อ บริวาร อีกครั้งหนึ่ง สามเดือนในเรือนจำ นอกจากจะเพิ่มประสบการณ์นักเลงให้เขาไม่น้อย แดงยังได้เพื่อนรักคนใหม่ซึ่งเป็นที่คร้ามเกรงไปทั่วคุก! ไม่ใช่ใครอื่น #แหลมสิงห์ ซึ่งในอาณาจักรที่ถูกปิดกั้นด้วยกำแพงสูงทึบทั้งสี่ด้าน เขาเป็นผู้คุมหนุ่มจอมเฮี้ยนที่ไม่เคยยอมถอยให้ขาใหญ่คนใด ไม่ว่าจะเป็นหน้าอินทร์หรือหน้าพรหม
การออกจากคุกของกระทิง รุ่นแห่งตรอก ไบร์เลย์หนนี้ บารมีของเขาจึงแก่กล้าพอที่จะวัดชั้นกับ ปุ๊ ระเบิดขวดได้ทุกเหลี่ยมทุกคม! แน่นอน ปุ๊ย่อมรู้เต็มอก และเมื่อรู้สถานการณ์ เขาย่อมไม่เปิดศึกสองด้านให้หนักเกินแรง หากจะรบเล่าปี่ก็ต้องผูกไมตรีกับซุนกวน! เพราะเขาคือโจโฉปุ๊!
จุ๊ก เบี้ยวสกุล รับทรัพย์ค่าเขียนการ์ตูน ด้วยฝีมืออันโดดเด่นมาอีกแล้ว ดังนั้น ร้านหมวยจูคนสวยค่ำนี้จึงคึกคักเป็นพิเศษ ด้วยว่าสปอนเซ่อร์จุกซึ่งมีเงินเป็นฟ่อนป่าวร้องเหล่าเทวฤทธิ์มาเปิดวงเสพสุรา ตามแบบฉบับของอาบูหะซัน ผู้ไม่เคยเมามายเพียงลำพังแดเดียว
โต๊ะใหญ่กลางร้าน พรั่งพร้อมไปด้วยพี่น้องผองเพื่อน ทั้ง ปุ๊ กรุงเกษม, เจตน์และ แมว หลังวัง ตัวเจ้ามือเองกับพวกพ้องย่านฝั่งธนอีกสามสี่นาย ทั้งกลุ่ม ดื่มกินสรวลเสเฮฮาท่ามกลางบรรยากาศสนุกครึกครื้นเป็นกันเอง เล็งแลตะโพกผาดผายแน่นหนั่นของหมวยจู เป็นอาหารตาไปพลางๆ เพื่อความชื่นมื่นในอารมณ์ประสาหนุ่ม ทว่า จิบเหล้าได้คนละไม่กี่อึก หน้ายังไม่ทันตึงด้วยซ้ำ ร่างหนึ่งก็เคลื่อนเข้ามากระทบแสงไฟและหยุดยืนปักหลักจังก้าอยู่หน้าร้าน ทั้งโต๊ะทะลึ่งพรวด! เพราะผู้มาใหม่ไม่ใช่วัยรุ่นย่านฝั่งธนฯ และไม่ใช่มิตร จะเป็นพวกเดียวกันได้อย่างไร ในเมื่อหมอคือจอมแสบจากตรอกสาเก ปุ๊ ระเบิดขวด!!
โปรดติดตามตอนต่อไป
#นักเลงโต
โฆษณา