ปุ๊ ระเบิดขวด หมุนตัวผละจากโต๊ะเจรจาทำสัญญาสันติภาพที่ไม่ต้องลงนาม โบกมือแย้มยิ้มให้ เจตน์ หลังวัง กับพวกพ้องอย่างมีไมตรี ก่อนเดินออกหน้าร้านหายลับ ส่วน ปุ๊ กรุงเกษม สาวเท้ากลับไปหาวงเหล้าจ่อมก้นลงบนเก้าอี้ตัวเก่าแล้วเอ่ยเรียบๆ
“ไอ้ปุ๊เขามาขอญาติดีกะพวกเรา"
เจตน์พยักหน้าเนือยๆ
"ข้ารู้ ถึงจะฟังไม่ค่อยถนัดก็ยังพอจับความประติดปะต่อกันได้มั่ง"
"ต่อไปนี้ไม่มีอะไรกันแล้ว ทุกคนสามารถเดินได้สบายทั้งสองฝั่ง โดยไม่ต้องคอยระวังระแวงว่าจะโดนเล่น"
"ไม่จำเป็นต้องบอกหรอก.....เพื่อน แค่เห็นเอ็งจับมือกันข้าก็อ่านรูปการณ์ได้ทะลุ"
ปุ๊ กรุงเกษม โคลงศรีษะยิ้มๆ
"เอ็งเข้าใจผิด ได้ที่จับมือน่ะมันอีกเรื่องหนึ่ง"
"เอ๊ะ?"
"นั่นเป็นการยืนยันว่าข้ากะไอ้ปุ๊ จะเดินด้วยกัน"
เจตน์ หลังวัง ซึ่งวางท่าขรึมไม่ยินดียินร้ายมาตั้งแต่ต้นถึงกับสะดุ้ง ตาเบิกวาว!
"เอ็งจะเดินคู่กะปุ๊ ระเบิดขวด?"
เขาตวัดเสียงตื่นๆ ก่อนที่คู่สนทนาจะพยักหน้ารับ
"ใช่ แต่ไม่ใช่มาซ่าแถวนี้นะ ข้าจะข้ามไปประกาศศักดาฝั่งโน้น"
"ให้ตายเถอะ! นี่เอ็งนึกยังไงขึ้นมา....?"
"ข้าอยากหาประสบการณ์ อยู่หยั่งงี้มันชักเซ็งว่ะ ไม่มีอะไรตื่นเต้น เอ็งคงไม่คิดว่าข้าทิ้งเพื่อน"
"ไม่เลย ข้าห่วงตัวของเอ็งตะหากล่ะ"
ดาวดังฝั่งธนฯทำหน้านิ่ว
"ไม่เห็นจะน่าห่วงตรงไหน"
"ปุ๊ ไอ้บ้านั่นมันตัวอันตรายชัดๆ"
"อันตรายยังไง?"
"ปัทโธ่! ใครๆเขาก็รู้กันทั่วไปว่า ปุ๊ ระเบิดขวดน่ะจอมหาเรื่อง วันๆ เอาแต่เที่ยวสร้างศัตรู!"
"ก็เรื่องของมัน"
เจตน์ หลังวัง ทำตาถลน!
"แต่เอ็งเดินกะมันนะโว้ย! มีเรื่องก็ต้องมีด้วยกัน ซักวันจะเจอดี!"
"ถึงไงตอนนี้ก็เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้ ข้าตกปากรับคำไปแล้ว"
"ข้าเข้าใจ ไอ้ที่พูดก็เพียงจะเตือนเพื่อนให้ระวังตัวไว้บ้าง เท่านั้นเอง"
ปุ๊ กรุงเกษม สบตาคู่สนทนาแน่วนิ่ง ยิ้มลึกๆ ที่มุมปากก่อนเน้นเสียงแน่นหนัก
"ขอบใจเพื่อน ข้าจะระวัง!"