10 มี.ค. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
โธมัส ทูเคิล กับการเขย่าวงการฟุตบอล อังกฤษ
หลังจากผ่านวิกฤต ครั้งใหญ่กับการต้องตกลงไปอยู่ที่ 10 ของตาราง เชลซีในปัจจุบัน สามารถก้าวเข้ามาและทวงคืนพื้นที่ ท็อป 4 ของลีกได้ในเวลาไม่กี่อึดใจ สร้างสถิติ เสีย 2 ประตู ใน 11 เกม เก็บคลีนชีทได้ถึง 9 ใน 11 ชายคนนั้นมีชื่อว่า โธมัส ทูเคิ่ล เขากลายเป็นผู้จัดการทีมคนแรก ในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ที่ชนะเกมเหย้า 5 เกมติด ในการเล่น 5 เกมแรก ที่คุมทีม
ในช่วงของผู้จัดการคนเก่าอย่าง แฟรงก์ แลมพาร์ด นอกจากฟอร์มที่หลุดลุ่ย และ ทรงบอลที่ไม่มีความหวือหวาทางการเข้าทำความมั่นใจของบรรดานักเตะก็เริ่ม ลดน้อยถอยลงไป รวมถึงปัญหาภายในทีม ก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ แต่การมาของ ทูเคิล ที่เปรียบเสมือน เทพี ผู้มาชุบชีวิต ทีม และสองดาวรุ่ง ที่กำลังมาแรงที่สุดในฟุตบอล เยอรมัน นั่นคือ ติโม แวร์เนอร์ และ ไค ฮาเวิร์ต ซึ่งนั่นเป็นประสงค์ของเสี่ยหมี เจ้าของทีมสิงบลู ที่ ต้องการที่จะเห็น ดาวยิงทีมชาติเยอรมัน ทั้งสองโลดแล่น และเดินหน้า ถล่มประตู ในสีเสื้อของเขา
ภายใต้การคุมทีม ของป๋าแลมพ์ เขาเหมือนกับไก่ที่ได้พลอย ตัวเขามีเพชร เม็ดงามมากมาย ที่เล่นได้ในหลายๆแผนแต่ตัวเขา กลับใช้สิ่งๆ นั้น ได้ไม่ดีพอ แต่ไม่ใช่กับ ทูเคิล ชายคนนี้ผ่านการคุมทีม ยักษ์ ใหญ่ อย่าง ปารีส แซ็ง แฌร์แม็ง ที่มีนักเตะที่มีชื่อเสียง อย่าง เนย์มาร์ และ เอ็ม ปัปเป้ และการที่ได้คุมทีมที่มีขนาดใหญ่แบบนั้น เขาจึงคุ้นชินดี กับการเลือกนักเตะ ในสถานการณ์ ที่เหมาะสม และบริหารจัดการนักเตะที่มีอยู่มากได้เป็น อย่างดี และ เขาได้เปลี่ยนโฉม เชลซี ให้กลายเป็นทีมที่มี ความยืดหยุ่นมากที่สุดในโลกทีมหนึ่งเลยก็ว่าได้ ณ เวลานี้
ยังไง!!!
เริ่มกันที่ ผู้รักษาประตู ปราการด่านสุดท้ายผู้เป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง
มือหนึ่งอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ ได้รับโอกาส 9 จาก 11 นัด และเสียเพียงแค่ 2 ประตู เท่านั้น เขามีความมั่นคง และ รูปร่างที่สูงใหญ่ ทำให้ตัวเขาเล่นลูกกลางอากาศได้ดีตามไปด้วย กลับกัน ทางฝั่ง มือสอง อย่าง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ก็กลับมาโชว์ฟอร์ม ได้ เสด่า ไม่แพ้คู่แข่งของเขา เขาได้รับโอกาสเฝ้าเสา 2 นัดและเก็บคลีนชีท ได้ทั้งสองนัด และตัวเขาได้โชว์ เซฟ สวยๆให้แฟนๆได้ร้องว้าว กันอีกด้วย การจัดการของทูเคิล คือ การเข้าไปคุยกับทั้งสองคนตรงๆ ว่าจะให้ใครได้รับโอกาส ในการเป็นมือหนึ่งและพูดคุยกันให้เคลียร์ จนทั้งสองคนยอมรับข้อเสนอนั้นๆ
ในส่วนของ มือ สาม และ สี่ อย่าง กาบาเยโร่ และ เช็ค ก็เปรียบเสมือน นักเตะที่เป็นเสมือน โค้ชของมือหนึ่ง และสองมากกว่า ซึ่ง วิลลี่ และ เช็ค มีส่วนช่วยอย่างมากในการพสความมั่นใจของสองคนนี้กลับมาจาก อดีตที่ขมขื่นใน ยุค แลมพาร์ด
กองหลัง กำแพงทั้งสามที่ช่วยค้ำจุน
ทูเคิล นำแผน 3-4-3 ของคอนเต้มาปัดฝุ่นใหม่ และ นักเตะหลายๆคนที่ได้ฉายแสงในยุคนั้น ก็กลับมาบทบาทมากๆ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้าเล่นได้โดดเด่นมากๆ ในการเล่นเป็นกองหลังตัวขวา รวมถึงรูดิเกอร์ ที่สามารถ กลับมายึดตัวจริงได้อีกครั้งหลังจากนั่งก้นกบด้านไปนาน ซึ่งกองหลังตัวกลางที่เปรียบเสมือนหัวใจสำคัญ ในการออกบอล และ เป็นป้อมปราการคนสุดท้ายก็ ใช้เป็น ธิอาโก้ ซิลวา
แต่หลังจากนั้นได้ไม่นาน ซิลวา เกิดอาการบาดเจ็บและต้องพักยาว ทูเคิลได้มอบหน้าที่ ให้ อันเดรส คริสเตนเซ่น ในการยืนตำแหน่งนัดแทน ซึ่งเจ้าตัวได้ลง หลังในเกมหลังจากที่ เชลซี พบ เซาท์แธมตัน ซึ่งในเกมนั้น เคิร์ท ซูม่า ลงประจำการแทน และจบ ด้วยผล เสมอ 1-1 แต่ตั้งแต่ คริสเตนเซ่น ยืนเฝ้าตำแหน่งนั้น มาหลังจากนัดนั้น จนถึง ปัจจุบัน เชลซียังไม่เสียเลยแม้แต่ประตูเดียว
ในขณะเดียวกัน ซูม่า ที่ทำผลงานได้ไม่ดี ในฐานะกองหลังตัวกลาง แต่ ในเกมที่เจอกับ เอฟเวอร์ตัน ที่ต้องไปปะทะ ลูกกลางอากาศ กับ โดมินิค คัลเวิร์ต-เลวิน เจ้าตัวก็สามารถ ใช้จุดเด่นของตน ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากๆ
และในด้านของการเลือกใช้ วิงแบ็ค ทางฝั่งซ้าย เขาได้ ชุบชีวิตนักเตะที่ ทุกคนคิดว่าตายไปแล้ว กลับมา ผงาดทำประตู และ ถล่มเกมรับ คู่ต่อสู้ได้อีกครั้ง อย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ และ ปรับโฉม ปีกจอมพลิ้ว อย่าง คาลัม ฮัดสัน โอดอย ที่พลิกบทบาท มาเป็น วิงแบ็คฝั่งขวา และเขาเองก็โชว์ ฟอร์มได้สุดสะเด่า มากๆในเกมรุก
ส่วนตัวหลักในยุคของแลมพาร์ด อย่าง เบน ชิลเวล และ รีช เจมส์ ทั้งสองได้รับโอกาสเสมอมา ในเกมใหญ่ หรือในยามที่ต้องการปิดเกมด้วยเกมรับ ทั้งสองอาจจะไม่ได้มี การเล่นที่หวือหวา แต่ด้วยความที่มมีความเป็น กองหลังธรมมชาติ พวกเขามีส่วนช่วยอย่างมากในการ ประกบ ติด มาเน่ และ ซาลาร์ ในเกมที่ เจอลิเวอร์พูล และ สกัดกั้น แนวรุกความเร็วจัด ของ แมนยูได้อยู่หมัด
ระบบห้องเครื่องที่ไม่มีวันสะดุด
ก็องเต้ โควาซิซ และ จอจินโญ่ ทั้งสามมีสไตล์ที่ แตกต่างกัน และไม่มีใคร เก่งกว่าใคร แต่ทูเคิล เลือกจาก สถานการณ์ที่ ต้องไปเจอมากกว่า การจับคู่ ของ ทูเคิล เห็นผล อย่างมากในแต่ละเกม เขาเลือก กองกลาง ทั้งสามได้อย่างยอดเยี่ยม และหมุนเวียน ให้ได้พัก และลง เตะ กันทั้งสามคน ซึ่งเราจะเห็นได้ว่า
สามคนนี้ แทบจะไม่มี เกมไหนที่จะลงซ้ำกันเลย เช่น ตอนที่ ชนะ สเปอร์ 1-0 เขาได้ใช้ โควาซิซ และ จอจินโญ่ เช่นเดียวกันการ ชนะ จ่าฝูงลาลีกา 0-1 ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ แต่ในเกมที่ เสมอ แมนยู 0-0 เลือกใช้บริการก็องเต้ และ โควาซิซ ส่วนในเกม ที่ชนะ ลิเวอร์พูลได้ถึง ถิ่น ก็เป็นการใช้บริการ ก็องเต้ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ คนข้างๆเป็น จอจี้ แทน และได้วนกลับมาใช้ คู่ โควา และ จอจี้ อีกครั้งในนัดเจอ เอฟเวอร์ตัน และเป็นการ ชนะ เอฟเวอร์ตันได้ 2-0
แนวรุก 3 ประสาน
ทูเคิล อาจจะใช้บริการ แวร์ เนอร์ และ เมสัน เมาท์ หลายนัดกว่าใครเพื่อน ซึ่งทั้งสองคนทำผลงานได้อย่าง ยอดเยี่ยมในการเจอ กับ แอตมาดริด รวมถึง ชิรูด์ ที่ยิงประตูได้ในนัดนั้น แต่ตัวเขาก็มีผลงานไม่เข้าตามากนัก สำหรับแฟนๆ
ในขณะ เดียวกัน แทมมี อับราฮัม ก็ได้รับโอกาสลง อยู่บ่อยครั้ง แต่เจ้าตัวก็ยัง ทำผลงานได้ไม่เข้าตา ซึ่งก็คล้ายๆกับทางฝั่งของ ฮาคิม ซิเยค เองที่เฉิดฉายมากๆ ในบอลเปิดโหม่ง ของยุค แลมพาร์ด แต่ตัวเขากลับเล่นไม่เข้ากับระบบ ของนายใหญ่คนใหม่ รวมถึง คริสเตียน พูลิซิซ ที่ได้รับโอกาส เป็นตัวสำรองแทบทุกเกม แต่โดยรวมก็ ไม่สามารถ ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันได้มากนัก
มาถึงคิว ของ ไค ฮาเวิร์ต ที่ เป็นเจ้าของ สถิติ สโมสร ด้วยค่าตัว 89 ล้านปอนด์ แต่ด้วยผลงานในช่วงแรก เขากลับทำผลงาน ได้ไม่สุดสักทาง ไม่ว่าจะเป็นความ เร็ว การเก็บบอล หรือการจบ สกอร์ แถมยังมีอาการบาดเจ็บ รุมเร้า และเป็นเหยื่อให้กับ โควิด-19 อีกด้วย แต่ในนัดที่เจอ กับ เอฟเวอร์ตัน เจ้าตัวก็ โชว์ฟอร์ม เดิมในอดีต ที่เราเคยเห็นกัน และเจ้าตัว ได้ คว้า แมน ออฟ เดอะ แมชต์ ได้อีกด้วย
และนี่ครับคือ สิ่งที่ โธมัส ทูเคิล ได้มอบให้กับเชลซี ในปัจจุบัน ซึ่งการที่ตัวเขา ให้โอกาสนักเตะทุกคน และ เปิดใจคุยกับนักเตะ ของเขา ซึ่งถ้าจะให้สรุปจริงๆมันคือการสร้าง รากฐานทางกำลังใจ ให้กับทุกคน ในทีม และนั่นเป็นที่มาของ ผลงานที่ยอดเยี่ยม ในปัจจุบันของเชลซี
บทความ By อู๋ FL
โฆษณา