12 มี.ค. 2021 เวลา 10:00 • ท่องเที่ยว
Schloss burg , GERMANY
Burscheid วันวันนึงในเมืองเล็ก ๆ
ในวันที่เช้าที่อากาศสดใสในประเทศเยอรมันแห่งนี้ พิวและมิตรสหายทำตัวเสมือนอยู่ประเทศเยอรมันมานานแสนนาน
เราสองเดินไปชงชา พร้อมหยิบการ์ตูนออนไลน์มาอ่านอย่างไม่สนใจโลกภายนอก
“ขอพักผ่อนซักวันละกันเนาะ”
มิตรหายพูดไป พรางอ่าน webtoon ไปด้วยอย่างสบายใจ
แต่ไม่นานนัก เสียงดังแว่วมาแต่ไกลจากหน้าบ้าน
“ลูก ๆ อยากไปเที่ยวกันไหม”
เราหันไปหามิตรสหายอย่างไวว่อง มิตรสหายก็ไวไม่แพ้เราเช่นกัน
เราสองหันไปตอบรับป้าด้วยท่าทีที่ดีใจ ทุกคนพร้อมใจกันวางโทรศัพท์แล้วเดินไปจับกระเป๋าแทน โดยไม่ถามซักคำว่าจุดหมายปลายทางคือที่ไหน
คำว่าพักผ่อนเมื่อกี้สลายหาย กลายเป็นผุยผง
“เราจะไปเที่ยวที่ไหนคะ” มิตรสหายเอ่ยปากถามป้าด้วยความอยากรู้
“ไม่ไกลนี้เองลูก เดี๋ยวพาไปชื่นชมปราสาทใกล้บ้านเรา”
ประเทศเยอรมันขึ้นชื่อเรื่องปราสาทที่เก่าแต่ยังคงความงดงามไว้ นั้นทำให้เราและมิตรสหายตื่นเต้นหนักมาก
หลังจากเตรียมตัวให้พร้อมกันแล้ว พวกเราพกขนมและน้ำดื่มติดกระเป๋ากันไปคนละเล็กคนละน้อย
เราเดินทางด้วยรถส่วนตัวซึ่งมีความสะดวกสบายอย่างมาก เรานั่งชมวิวกันอย่างสบายใจ มองผู้คนที่เดินไปมาตามข้างทาง ไหนจะบ้านเรือนรูปทรงแปลกหูแปลกตาที่สร้างมาเพื่อให้เหมาะกับสภาพภูมิประเทศนั้นช่างสวยงามจับใจเหลือเกิน
 
“โอ้ นี้มันสวยอะไรเยี่ยงนี้”
มิตรสหายพูดขึ้นมาด้วยท่าทีเวอร์วังตามปะสา คนเล่นใหญ่ เมื่อมองเห็นปราสาทที่อยู่ตรงหน้า
 
ที่นี้มันสวยและมีพื้นที่กว้างขวางจริง นี้ขนาดมองเผิน ๆ จากภายนอกยังรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ ความตื่นเต้นยิ่งถาโถมเข้ามาทุกที เราและมิตรสหายพร้อมลงรถอย่างมาก
“ลูกไปยื่นตรงนั้นแล้วเดี๋ยวป้าถ่ายรูปให้นะ”
 
เรายื่นกล้องให้ป้าพร้อมเดินไปยืนบริเวณหน้าปราสาท
 
“ป้าถ่ายรูปเก่งจังเนาะ มึงว่าไหม”
 
เราหันไปพูดกับมิตรสหาย พร้อมยื่นรูปให้ดู
 
เราสองต่างหัวเราะคิกคักกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงแม้ภาพจะเบลอแต่อย่างน้อยเราก็ได้ภาพแห่งความทรงจำภาพนึงเลย
 
ป้าบอกให้เราเดินสำรวจปราสาทและระแวกนี้ให้ทั่วโดยไม่ต้องกังวล ด้วยความที่ป้ามาบ่อยแล้วจึงไม่สนใจเข้าร่วมการเดินทางครั้งนี้ ป้าจึงออกไปเดินเล่น นั่งกินลมชมวิวในบริเวณนั้นแทน
 
เราและมิตรสหายไม่รอช้าที่จะออกสำรวจปราสาทอันกว้างขวางแห่งนี้
ปราสาทตอนรับเราด้วยทางเข้าที่แสนจะเวอร์วังอลังการ ยิ่งเดินเข้าไปยิ่งรู้สึกเหมือนเดินย้อนเวลากลับไปเมื่อสมัยหลายพันปีก่อน ปราสาทหินสีเทาอ่อนปนน้ำตาลสลับเข้ม ชวนหลงใหลไปกับจิตนาการอย่างมาก
 
ต่างคนต่างใช้เวลาไปกับการเชยชมความเก่าแก่และประวัติศาสตร์ของมัน ปราสาทแห่งนี้มีสิ่งต่าง ๆ ให้สำรวจอยู่มากมาย
ตึกแรกที่เราเข้าไปดู เป็นพิพิธภัณฑ์ที่แสดงห้องรับประทานอาหารหรือห้องต่าง ๆ ในสมัยโบราณ ที่ยังคงได้รับการรักษาหรือดูแลอย่างดี ภายในดูงดงามน่าแตะต้องไปหมด แต่แน่นอนว่าทุกที่มีป้ายกั้นพร้อมข้อความ “ห้ามจับ” อยู่เสมอ
เราเดินออกไปยังตึกที่สูงขึ้นไปเพื่อสำรวจตัวปราสาทให้มากขึ้น
“มึงว่าประตูนั้นเปิดได้ปะ”
มิตรสหายผู้หลงใหลในการเปิดประตูทุกหนแห่ง ยิ่งประตูไหนที่ดูเหมือนว่าจะล็อกจะยิ่งดึงดูดเป็นพิเศษ ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจมันเหมือนกัน 5555555555
ก่อนจะเข้าไปยังบริเวณปราสาทถัดไปนั้นจะต้องเดินผ่านลานกว้างที่มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ และร้านค้าเล็ก ๆ เวลาเดินผ่านให้อารมณ์เหมือนอยู่ในการ์ตูนเจ้าหญิงซักเรื่องจริง ๆ ทุกอย่างมันสวยไปหมดเลย
เราเดินขึ้นไปยังตัวปราสาท เพื่อที่จะสำรวจทุกห้อง ทุกซอกทุกมุม
ระหว่างทางเดินภายในตัวปราสาทมันค่อนข้างสวย และน่าถ่ายรูป อีกทั้งยังได้บรรยากาศที่ดีอีกมาก เนื่องจากเป็นทางเดินแบบเปิดที่เราสามารถมองเห็นวิวรอบข้างและวิวภายในบริเวณปราสาทอีกด้วย
"มึง มีวิวสวนข้างปราสาทให้เราชมด้วย สวยจัง"
"มึง นั้นมันสุสาน"
เราสองคนต่างหัวเราะกันอย่างมีความสุข สุสานที่นี้ช่างสวย และงดงาม จนน่าไปนั่งเล่นเลยที่เดียว ไม่แปลกที่มิตรสหายจะมองเห็นเป็นสวนเล็ก ๆ
ด้วยความที่มันเป็นท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ทำให้การเดินเล่นของพวกเรามันเนื่อย ๆ ไม่มีอะไรหวือหวาเหมือนในตอนแรกของการเดินทางซักเท่าไหร่ เราหยิบทุกอย่างที่มันบอกว่าสามารถจับได้ และเล่นทุกอย่างที่มีให้เล่น ถึงแม้จะเป็นสถานที่เก่าแก่ แต่ทุกห้องล้วนมีกิจกรรมและสิ่งต่างๆให้ทำเยอะแยะมากมาย
“มึงลองใส่อันนี้สิ”
หน้ากากอัสวินที่ตั้งโชว์ใกล้ฝาผนัง พร้อมหุ่นโชว์ เราชวนให้มิตรสหายใส่มันแล้วเล่นกันอย่างสนุกสนาน
ในที่สุดหลังจากที่เล่นกันมาพอสมควร เราก็เดินทางกันจนมาถึงยอดสุดของปราสาท เมื่อมองจากข้างบนจะเห็นบรรยากาศรอบ ๆ ที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้และป่าเขา เราทั้งสองยืนมองวิวและใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ต่างคนต่างชื่นชอบวิวธรรมชาติ และความสงบนี้
หลังจากเดินสำรวจอยู่นาน เราสองคนเดินออกมาซื้อติมกินกันในสภาพอากาศที่เย็นสบาย และนั่งคุยสัพเพเหระ เรื่อยเปื่อยก่อนที่จะเหลือบไปเห็นป้าที่กำลังเดินพุ่งเข้ามา
“ลูกลองนั่งกระเช้าไปข้างล่างมาหรือยัง”
เราและมิตรสหายหันมามองหน้าด้วยความงงงวย
กระเช้าอะไรหว่า? เราได้แต่คิดอยู่ภายในใจ
ป้าพาเราไปยังสถานีกระเช้าเพื่อลงไปดูบรรยากาศหมู่บ้านที่อยู่ข้างล่าง นั่งกระเช้าไม่ไปไกลมากนัก และคิวยังไม่ค่อยมีอีกด้วย แถมราคาก็ไม่กี่ยูโร
“มึงว่าเราจะตกไหม 5555555”
กระเช้าที่ดูเหมือนจะเก่า และความปลอดภัยค่อนข้างต่ำนิดนึง แต่ไม่ถึงกับอันตรายมากขนาดที่จะทำให้เราตายได้
“กลับมาก่อนห้าโมงนะเด็ก ๆ” เสียงตะโกนตามหลัง บอกให้เราสองเที่ยวอย่างมีขอบเขต เนื่องจากเรามีที่ที่ต้องไปอีกที่หนึ่งซึ่งเราก็ยังไม่รู้กันว่าที่ไหน
เราเดินเล่นรอบหมู่บ้านและค้นพบว่าเมืองนี้เป็นหมู่บ้านที่เล็ก สงบ เรียบง่าย สวยอย่างบอกไม่ถูก บรรยากาศชวนฝันและไร้ซึ่งความวุ่นวายจากการจราจรและสิ่งต่าง ๆ ที่เราเคยพบเจอในทุก ๆ วัน เรากับมิตรสหายเดินเล่นกันอย่างเพลิดเพลิน ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีความชื่นชอบหมู่บ้านแห่งนี้มากกว่าตัวปราสาทเสียอีก
หลังจากชื่นชมบรรยากาศชนบทแล้ว เราก็เดินไปขึ้นกระเช้าเพื่อกลับไปยังบริเวณปรสาทที่เรามา
“เราจะไปไหนต่อคะ”
เราถามป้าด้วยความฉงน
ป้าบอกกับพวกเราว่า เดี๋ยวเราจะไปบ้านคนรู้จักของแม่มิตรสหายที่อยู่ไม่ไกลจากที่เราพักนัก เนื่องจากแม่ของมิตรสหายนั้นได้บอกกล่าวว่าลูกสาวและเพื่อนจะมาเที่ยวเยอรมันซักพัก ซึ่งเขาก็ได้ชวนพวกเราไปเที่ยวบ้านของเขา เราก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ได้แต่คิดในใจว่าบ้านคนรู้จักนี้มีอะไรพิเศษหรอ
ก่อนจะไปที่แห่งนั้น เรากลับไปรับแม่ของมิตรสหายและแยกย้ายกันทำธุระส่วนตัวกันก่อน แล้วถึงจะเริ่มต้นการเดินทางอีกครั้ง เพื่อไปยังสถานที่แห่งนั้น
 
ฟาร์มม้า
ที่ที่เรากำลังจะไปนั้นเป็นฟาร์มม้าที่คอยดูแลม้าให้มีความสวยงาม อีกทั้งยังฝึกฝนม้าอีกต่างหาก แม่ของมิตรสหายเรียกเจ้าของฟาร์มว่า ลุงอ้วน ซึ่งลุงแกก็ดูชอบที่โดนเรียกแบบนี้เมื่อฟังจากที่เล่ามา ลุงอ้วนเป็นลูกค้าประจำของร้านที่แม่มิตรสหายทำงานอยู่
ลุงอ้วนอยู่กับภรรยา ลูกสาว และน้องหมาอีก 2 ตัวในบ้านฟาร์มแห่งนี้ ทุกคนน่ารักและเป็นกันเองมากจนเรารู้สึกประทับใจ อยากอยู่ที่นี้ไปนาน ๆ ลุงอ้วนเป็นคนที่ตลกและเก่งมาก ทุกอย่างที่อยู่ในฟาร์มส่วนมากจะสร้างด้วยตัวเอง
ลุงพาพวกเราเดินชมอย่างมีความสุข พร้อมแนะนำลูกสาวที่น่ารักชื่อว่าโซอี้ ให้รู้จัก น้องอายุราว ๆ 14-15 ปี โซอี้มีความทะเล้นและติดดินอย่างมาก น้องเป็นเด็กคนนึง ที่ชอบอ่านมังงะเหมือนกับพวกเรา อีกทั้งยังเชียวชาญเกี่ยวกับม้าเหมือนครอบครัวของเธอเอง
ไม่นานนัก พระอาทิตย์เริ่มตกดิน ลุงอ้วนและโซอี้พาเราไปยังสวนหลังบ้าน ก่อนแม่ของน้องที่จะหยิบขนมและเครื่องดื่มให้กิน
“พวกเธอต้องเคยกินน้ำผลไม้นี้ของเยอรมันหรือยัง”
พวกเราส่ายหน้าเพื่อแสดงออกถึงความไม่คุ้นเคยกับเจ้าสิ่งนี้มาก่อน
ลุงอ้วนเทน้ำผลไม้ และเริ่มหยิบน้ำต่าง ๆ มาวางเรียงตรงหน้าก่อนที่จะค่อย ๆ นำเสนอน้ำผลไม้พวกนี้ให้พวกเราสองคนที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับสิ่งตรงหน้า
“อันนี้อร่อยมากเลย”
มิตรสหายหันไปบอกลุงอ้วนด้วยสีหน้าสดใส ลุงอ้วนดูเหมือนจะชอบความตื่นเต้นของเด็กสาวอย่างพวกเราที่ได้ลองอะไรใหม่ๆ ลุงอ้วนเอื้อมไปหยิบขวดใหม่ด้วยความไวแสง พร้อมเปิดขวดดัง ป็อกซ์! แล้วเทให้พวกเราชิมอีกครั้ง
“เอ่อ . . .”
เราเผลออุทานออกมาด้วยความเคยชิน พร้อมสีหน้าที่บ่งบอกที่ความงงงวย คราวนี้มันรสชาติไม่ถูกปากเราซักเท่าไหร่ และดูเหมือนมิตรสหายก็คิดไม่ต่างจากเราเมื่อสังเกตจากสีหน้า และตาปริบๆ คู่นั้น
“55555555555555”
ลุงอ้วนหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ พร้อมบอกให้ดื่มตามใจชอบได้เลย ชอบอันไหนก็ดื่มอันนั้น แต่เป็นไปได้ก็อยากให้ลองครบทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นเอง
โซอี้หยิบขนมให้พวกเรา พร้อมบอกว่าขนมอันไหนที่เธอชอบและอร่อยที่สุด พวกเราคุยเล่นกับครอบครัวนี้อย่างสนุกสนาน เพลิดเพลินจนไม่สนเวลาที่ผ่านล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว
“ปวดฉี่อะ ไปเข้าห้องน้ำกันไหม”
เราขออนุญาตออกจากบทสนทนาชั่วคราว และลากมิตรสหายไปยังห้องน้ำด้วยความไม่คุ้นชิน
โซอี้เดินมาส่งพวกเราที่ห้องน้ำ พร้อมแนะนำสิ่งต่าง ๆ รอบข้าง
บ้านของลุงอ้วนเป็นบ้านที่สวย และดูเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างมาก เรียกได้ว่าบ้านในฝันของเราเลย บ้านที่ไม่ได้ใหญ่หรูหรา ไม่ได้มีเฟอร์นิเจอร์ราคาแพง แต่ภายในดูอบอุ่น มีความโบฮีเมียนอยู่หน่อย ๆ ของตกแต่งเรียกได้ว่าบ่งบอกถึงลักษณะนิสัยของเจ้าของบ้านอย่างชัดเจน บ้านเต็มไปด้วยของแคมป์ปิ้ง เดินป่า
“เชี้ย ห้องน้ำหรือห้องนอนเนี้ย ใหญ่จัด แถมยังสวยอีกต่างหาก”
เราได้พึมพำกับตัวเองในห้องน้ำ
เราเดินกลับไปร่วมยังวงสนทนาเดิม แต่ก่อนที่เดินไปถึงโต๊ะ เราและมิตรสหายแวะเล่นกับน้องหมาทั้งสองตัว โซอี้เล่าวีรกรรมเจ้าสองแสบให้ฟังอย่างสนุกสนาน เราต่างมีความสุขกันอยู่ตรงนั้นซักพัก จนลืมกลับไปวงสนทนาหลักของเรา
ตอนนี้ดูเหมือนว่า กาลเวลาจะแบ่งบทสนทนาออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มแรกคือกลุ่มผู้ใหญ่ที่กำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนานในแบบผู้ใหญ่ กับกลุ่มเด็กน้อยและมะหมาอย่างพวกเรา
วันนี้เป็นวันที่เรามีความสุขกันมาก ๆ เราได้เรียนจากคุณลุงอยู่อย่างนึง คือ
“เรามีความสุขกับสิ่งใด เราทำทำสิ่งนั้นแหละ ถ้าวันใดไม่มีความสุขก็ปล่อยมันไป อย่าไปยึดติด”
วันนี้เราสนุกมากเลย ต้องขอบคุณคุณลุงที่ให้ข้อคิดบางอย่างในการใช้ชีวิต
ไว้พบกันใหม่นะโซอี้ เพื่อนต่างวัย และทุกๆคนในที่แห่งนี้ :)
โฆษณา