10 มี.ค. 2021 เวลา 14:26 • กีฬา
ลูกากูเละคอนเต้ คู่แท้ที่ไม่มีวันพรากออกจากกัน
ย้อนกลับไป ในปี 2016 หลังจาดพายุที่โหมกระหน่ำ เข้ามายังรังของสิงโตน้ำเงินคราม เชลซี พวกเขาจบฤดุกาลด้วยอันดับ 10 ใน ซีซั่นก่อนหน้า แต่ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปหลังจากที่ชายคนนี้เข้ามา ในทีม นั่นคือ อันโตนิโอ คอนเต้
ในขณะเดียวกันโลกคู่ขนานที่กำลังดำเนินตามมันกันอย่าง กระชั้นชิด ยอดดาวยิง ชาวเบลเยี่ยม นามว่า โรมิโอ ลูกากู ฉายแสง กับต้นสังกัดเดิม อย่าง เอฟเวอร์ตัน จนเกินหน้าเกินตา สโมสร พละกำลัง ความเร็ว ทำให้เขาตะบันไปถึง 25 ประตู และ เป็นรองดาวซัลโว ของลีก เป็นรองเพียงแค่ แฮรี่ เคน เท่านั้น
ในฤดูกาล 2016/17 คอนเต้พาเชลซี ผงาดขึ้นไปคว้าถ้วยพรีเมียร์ลีก แบบม้วนเดียวจบ ด้วยการที่ไม่ได้เล่นในบอล ยุโรปเลย ทำให้เจ้าตัวสามารถจัดตัว ได้อย่างดีเยี่ยม การมา ของ ก็องเต้ ทำให้ทีมมีความแน่นปึ้ก มากๆจนยากที่จะเจาะ เมื่อยืนคู่ กับ เนมันยา มาติช ที่คอยสลับเปลี่ยนหมุนเวียน กลับ เชส ฟาร์เบกัส กองกลางจอมแม่นที่วางบอลราวกับจับวาง อีกทั้งตัวคอนเต้ ยังค้นพบ วิธีการใช้ อาซาร์ เดอะแบกของทีม อย่างหาที่ติไม่ได้
ในส่วนของลูกากู ยังคงยิงได้อย่างต่อเนื่องและ เป็นอันตรายกับทุกทีมเสมอ เขายังคงเดินหน้าต่อไปข้างหน้ากับ ทีมท็อฟฟี่ แห่งเมอร์ซี่ไซต์ โดยลูกากู ในฤดูกาลนั้น ทุกคนรู้ดีว่าเขาเนื้อหอมขนาดไหน และ เป็นที่เเน่ชัดเลยว่า เขาจะต้องย้ายทีมอย่างแน่นอน โดย คาร์แรคเตอร์ ของเขาละม้ายคล้าย กับ ดร็อกบาร์ อดีตกองหน้าตัวเก่งของเชลซี เป็นอย่างมาก
แต่งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา โดยฝั่งของคอนเต้ในฤดูกาลต่อมา ตัวเขากลับมีปัญหากลับนักเตะเชลซีหลายๆคนและการจากไปของ ติอาโก คอสต้า กองหน้าตัวเก่ง ที่ กดไปถึง 20 ประตูในฤดูกาลที่พวกเขาได้แชมป์ สิ่งที่สำคัญ คือตัว เป็นกองหน้าที่เหมาะกับเชลซี ร่างกาย แข็งแกร่ง เล่นคนเดียวได้ ยิงประตูสำคัญได้ และสามารถเล่นได้เข้าขากับทั้ง เชส และ อาซาร์ ทางทีมงานจึงจำเป็นต้องหาตัวแทนของกองหน้ารายนี้
คอนเต้ ไม่รีรอจิ้มไปที่ ลูกากู แบบทันควัน ซึ่งดีลนี้มันควรจะเป็นของเชลซีแน่ๆ แต่ คู่แข่งอย่าง มานเชสเตอร์ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีม ของนายใหญ่เก่าแห่งทัพสิงบลู โชเซ่ มูรินโญ่ กลับกระชากกองหน้าฟอร์มเจิดจรัสคนนี้ไปต่อหน้าต่อตา โดยเชลซี ก็ย้อมใจด้วยการดึงตัว หน้าเป้า ซุปเปอร์ซัพ อย่าง อวาโร โมราต้า ของ เรอัล มาดริด มาร่วมทัพ กันไป
หลังจากทุกอย่างบรรเลงไปตามครรลอง ของมัน 15 นัดผ่านไป ดาวซัลโวของลีกแบบ เรียลไทม์ มีแข่งกันอยู่สองคน นั่นคือ อวาโร โมราต้า และ โรมิโอ ลูกากู ทั้งสองยิงไปทั้งหมด 11 ตุง เท่ากัน แฟนๆทั้งหลายรวมถึงนักวิจารณ์ ออกมาพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าสอง กองหน้าทั้งสอง จะขึ้นมาเป็นผู้นำลีกอย่างแท้จริง แต่ทุกอย่างไม่ได้สวยหรู อย่างที่คิด จู่ๆ โมราต้าก็หยุดยิงไปอย่างดื้อๆ หยุด สถิติอยู่ ที่ 11 ลูก จนบางครั้งคอนเต้ ต้องหันมาใช้กองหน้าวัยเก๋าอย่าง ชิรูด์ และตัวโม เอง ก็จบฤดูกาลไปด้วย สถิติการยิง 11 ประตู พาไปเชลซีไปหยุดอยู่ที่อันดับ 5 คอนเต้ไม่ได้ไปต่อ
ส่วนลูกากูเอง ตัวเขาในฤดูกาลนั้น ทำประตูไปทั้งหมด 16 ประตู เป็นอันดับที่ 6 ของลีกและพาแมนยู คว้าพื้นที่แชมเปี้ยนลีกได้สำเร็จ แต่ในฤดูกาลต่อๆมา ภายใต้การคุมทีม ของ น้ามู ตัวเขาฟอร์มค่อยๆหล่นหายไปทีละนิดและจุดอ่อน ก็ค่อยๆแสดงออกมาให้เห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ
หนึ่งคือเขาเป็นคนตัวใหญ่ก็จริง แต่เก็บบอลไว้กับตัวเองไม่ค่อยได้บ่อยมากนัก อีกทั้งยังจับบอลยาวเป็นหางว่าว จนต้องขี่มอเตอร์ไซค์ ตามถึงจะทัน
สองเขาเป็นคนที่ใช้โอกาสเปลือง ลูกากู เป็นผู้เล่นที่ได้โอกาสเกิน 12 ครั้งในหลายๆเกม แต่ตัวเขากลับมีสถิติที่มีการยิงตรงกรอบ ต่ำกว่า 30 % และเมื่อตำแหน่งและหน้าที่ของกองหน้าคือการทำประตู มันจึงทำให้เขาเริ่มเสียความมั่นใจไปมากเรื่อยๆ
สามเขาไม่ใช่ดร็อกบา ตัวของน้องตู้ ไม่ใช่กองหน้าประเภทเดียวกับ ดร็อกบา แบบที่น้ามูและคนทั่วไปคิด เขาไม่ใช่ผู้เล่นที่จะอันตรายในทุกสถานการณ์ ไม่เว้นแม้แต่เวลาที่โดดเดี่ยวตัวคนเดียวอยู่แนวหน้า แต่ในกรณีของลูกากูเขาจะอันตรายเมื่อหันหน้าให้ประตูเมื่ออยู่ถายในเขตโทษ
นั่นทำให้ตัวของลูกากู ถูก นิยามว่าเป็นตู้เย็น กล่าวคือ ผู้เล่นตัวใหญ่ยักษ์ยืนอยู่แนวหน้าเฉยๆ ไม่ได้อันตรายอะไรต่อคู่แข่ง เปรียบเสมือน เอาตู้เย็นอันใหญ่ๆไปวางไว้ในสนาม แน่นอนครับว่าตัวเขาเองเริ่มได้รับโอกาสกีบทีมปีศาจแดงน้อยลงเรื่อย
รวมถึงความมั่นใจของเขาก็ค่อยทยอยหมดไปอย่างช้าๆ และ การมาของ โอเล่ กุนนาร์ โซชาร์ ทำให้ตัวเขาหลุดออกไปจาการเป็นตัวจริงไปอย่างสมบูรณ์แบบ โดยน้าโอเล่ เลือกจะใช้ รัชฟอร์ด และมาร์กซิยาล มากกว่า รวมถึงให้โอกาสดาวรุ่งตีนระเบิดอย่าง เมสัน กรีนวู้ด เนื่องจากมีความเร็วและความคล่องตัวมากกว่า
มีคนเคยกล่าวว่า ดินที่เคยโดนความร้อนจากลาวาของภูเขาไฟ มักจะเต็มไปด้วย แร่ธาตุ และ เป็นดินที่ดีเสมอมา
ในขวบปี 2019/20 คอนเต้ กลายเป็นนายใหญ่ประจำเมืองมิลาน สีน้ำเงินดำเขามีโปรเจค ว่าจะพาอินเตอร์มิลานกลับมาผงาดใน กัลโช ซีเรีย อา อีกครั้ง เขาได้ทำการดึงตัว ลูกากู กองหน้าที่เขาใฝ่ฝันอยากจะร่วมงานมาเนิ่นนานตั้งแต่ สามปีที่แล้ว เข้ามาร่วมทีม ซึ่งการจากลา แมนยู ไปยัง ถิ่นใหม่ ของกองหน้ารายนี้ไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก ใน ปี 2020 เนื่องจาก มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ มีนักเตะมากหน้าหลายตา สตาร์ดังทั้งหลายย้ายทีมกันอุตลุด
แต่ลูกากู ภายใต้การบัญชาการของ คอนเต้ เพียงแค่ไม่กี่นัดเขาก็ฉายแสงอย่างเจิดจรัส ในปี 2019 เขายิงไป 23 ประตู ใน 36 นัดและทำสถิติเหนือ โรนัลโด้ R9 คือการทำถึง 20 ประตู ได้เร็วสุดในประวัติศาสตร์ ทีมงูใหญ่ 29 นัด 20 ประตู และในปี 2020/21 นี้ เขาเป็นดาวซัลโวอันดับ 3 ของลีก ด้วยการยิงไป 18 ตุง เป็นรองแค่ คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ 20 ประตู และ อิมโมบิเล 25 ประตู
ส่วนคอนเต้ พาอินเตอร์ผงาดขึ้นไป นำจ่าฝูงแบบหรูด้วย 56 คะแนนใน 24 นัดซึ่งห่างจากอันดับสองอย่างคู่ปรับร่วมเมือง เอซี มิลาน อยู่ 3 คะแนน แต่เอซี ยังคงแข่งมากกว่า 1 นัดถ้วน สิ่งที่น่าสนใจคือ อินเตอร์มิลานสามารถ เอาชนะ คู่ปรับร่วมเมือง ของเขาได้ทั้งไปและกลับ และ ตัวลูกากู เองก็โชว์ฟอร์มได้อย่างสะเด่า ในทั้งสองนัดอีกด้วย
“ตอนผมเข้าทีมไปใหม่ๆ ผมแทบไม่ได้เรียนรู้แทคติก อะไรเลย เขาให้ผมพักบอลแล้วก็พลิกบอลยิง” คำกล่าวจากลูกากูถึงคอนเต้ และนี่คือเคล็ดลับของการ พังประตูอย่างบ้าคลั่งของ ตัวเขาเอง
และนี่แหล่ะครับคือพรหมลิขิต ที่แม้ทั้งสองคนจะเคยพลัดพรากจากันเมื่อ สาม ปีก่อน คอนเต้ก็ยังคงเชื่อมั่น และตามจีบลูกากูมาไว้ในทีมของตนจนได้และเมื่อพรหมลิขิต ทำให้เขาทั้งสองมาเจอกันและนั่นเป็นเหมือนดั่งคู่สร้างคู่สม ที่กำลังจะพา อินเตอร์มิลานตื่นจากการหลับอันยาวนาน สักที
บทความ By อู๋ FL
โฆษณา