11 มี.ค. 2021 เวลา 03:39 • นิยาย เรื่องสั้น
#ตอนที่ ๑๐ [วัยรุ่นคะนองกรุง]
#แผนถล่มงานบวช
#ปุ๊ระเบิดขวด ไม่เพียงแต่จะประกาศศักดาท้ารบคู่อาฆาตอดีตเพื่อนรัก ให้ลือลั่นไปทั่วยุทธจักรนักเลงวัยรุ่นเท่านั้น เขายังพา #ปุ๊กรุงเกษม กับ #ดำเอ๊สโซ่ ออกตระเวนหาเรื่องชาวบ้านเป็นการแผ่อิทธิบารมีและระรานข่มเหงรังแกพวกพ้องของ #แดงไบร์เล่ย์ ไม่ว่างเว้น ซึ่งหากเป็นคนกลุ่มหลัง จอมลุยจากฝั่งธนฯ ก็มักวางเฉยไม่เกี่ยวข้อง ปล่อยให้สองตัวแสบสำแดงฤทธิ์กันไปตามสะดวก เพราะจะอย่างไร เขาก็ยึดมั่นว่า แดงคือเพื่อน!
แต่แค่สองจอมป่วนมหาประลัยซึ่งเข้ากันได้เหมาะเจาะเหมือนพริกเผ็ดคู่เกลือเค็ม ก็เหลือพอที่จะอาละวาดก่อกวนทำร้ายสมุนบริวารของดาวดังตรอกไบร์เล่ย์ ให้เดือดร้อนระส่ำระสายกันทั่วหน้า คนไหนเคราะห์หามยามซวย โคจรมาเจอพันธุ์บ้าเลือดฟัดแหลกคู่นี้เข้าก็มีอันต้องเจ็บเนื้อเจ็บตัวกลับไปทุกราย! แน่ละ นี่ย่อมเป็นแผนกระตุกหางเสือจำศีล เป็นการยั่วยุท้าทายตัวหัวโจก ให้ออกมาประจัญหน้าฟาดฟันห้ำหั่นกันขั้นแตกหัก! ให้รู้ดีรู้ชั่วว่าใครคือหนึ่งเดียวในยุทธจักรนี้!
ทว่า....จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบรุนแรงจาก แดง ไบร์เลย์ อะไรไม่ว่า บางคราวบังเอิญพบพานกันในโรงโบว์ลิ่งหรือแหล่งบันเทิงอื่น อันเป็นที่สาธารณะและถูกแขวะถูกรวนอย่างจงใจ เขายังพยายามหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งด้วยซ้ำ แดง ไบร์เลย์ เยือกเย็นผิดไปจากเดิมเหมือนกลับตาลปัตร! #แหลมสิงห์ ซึ่งแวะเวียนมาเยี่ยมเพื่อนเป็นประจำยามปลอดภารกิจในคุก และได้รับรู้ข่าวคราว ทำนองนี้เข้าหูอยู่บ่อยครั้ง กลับเป็นเดือดเป็นแค้นแทนเสียเองทุกที! หนนี้ก็เช่นกัน!
แดง ไบร์เลย์ ไอ้รุ่นชื่อแก้วผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง #แดงไตรรงค์ กับสมาชิกร่วมก๊วนปากคอบวมเจ่อยังกะตูดครกอีกนายหนึ่ง กำลังนั่งคุยกันอยู่ใต้หลังคาร้านกาแฟซอมซ่อในตรอก ขณะที่แหลมสิงห์ซึ่งเพิ่งออกจากเรือนจำและยังไม่ได้ถอดเครื่องแบบเร่เข้ามาร่วมวง และพอสอบถามได้ความว่าสาเหตุที่พรรคพวกปากเจ่อด้วยฝีมือจอมซ่าตรอกสาเกซึ่งวางอำนาจขาใหญ่ตาบเอาดื้อๆ ผู้คุมหนุ่มเกิดระเบิดโทสะออกมาอย่างเหลืออด
"ไปเดี๋ยวนี้เลย ไอ้แดง! ยกพวกลุยกะไอ้ชิบหายปุ๊ให้แหลกกันไปข้างนึง!"
เจ้าถิ่นประจำตรอกส่ายหน้า
"อย่าเลย เย็นไว้ก่อน เชื่อข้าเถอะ"
"ไอ้แดง....!"
หนุ่มในเครื่องแบบทำตาลุกพองร้องลั่น
".....นี่เอ็งเป็นอะไรไป?"
"ก็เป็นข้านี่แหละ"
"คนของเราถูกตบมานะ"
"ข้ารู้...."
"แล้วเอ็งเฉยอยู่ได้ยังไง รึกลัวมัน?"
แดง ไบร์เลย์ เงยหน้าสบตาเพื่อนซึ่งยืนค้ำอยู่ข้างตัว พลางย้อนถามเรียบๆ
"ตั้งแต่คบกันมา เอ็งเคยเห็นข้ากลัวใครที่ไหนมั่ง?" แหลมสิงห์สั่นศรีษะ
"ก็ไม่ แต่ว่า....."
"ทุกวันนี้ไม่ใช่ไม่โกรธนะเพื่อน แต่ข้าจำเป็นต้องอดกลั้น"
"ทำไมล่ะ"
"แหลมสิงห์ เอ็งก็รู้ว่าข้าตั้งใจจะบวชแทนคุณแม่ ฤกษ์ยามก็หาไว้แล้ว"
"เฮ่ย! มันอีกตั้งครึ่งค่อนเดือน เวลายังมีถมถืด"
"ใช่....เวลามี แต่ถ้ารบกะไอ้ปุ๊ มันเป็นงานใหญ่ที่ต้องหักโค่นกันให้ล้มลงไปข้างนึง จริงมั้ย?"
"จริง!"
"ไม่ว่าจะแพ้หรือชนะก็ตาม ผลลัพธ์มันมีอยู่แค่สองประการ ไม่ตายก็ติดคุก!"
"เอ็งกลัว...?"
"ข้าไม่กลัวทั้งสองอย่าง แต่ขอถามเอ็งซักนิด"
"เอาซี ถามเยอะๆ ก็ได้"
แดง ไบร์เลย์ ประสานสายตากับแหลมสิงห์แน่วนิ่งพลางเน้นเสียงเย็นลึก!
"เมื่อผลเป็นแบบนั้น ข้าจะมีโอกาสใดโกนหัวห่มผ้าเหลืองให้แม่บังเกิดเกล้าได้ชื่นใจเพียงครั้งเดียวในชีวิต?!"
หนุ่มแน่นผู้คุมจอมเฮี้ยบแห่งเรือนจำคลองเปรม สะอึกนิ่งอึ้งเหมือนอมลูกครกไว้ทั้งดุ้น! เขาพูดไม่ออก และตระหนักดีว่าไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของเพื่อนให้ยาวความ ทุกอย่าง เป็นสูตรสำเร็จลงตัวอยู่แล้ว ถ้าเปิดศึกแตกหักกับ ปุ๊ ระเบิดขวดในช่วงนี้โอกาสที่แดง ไบร์เล่ย์ จะได้บวชทดแทนคุณมารดาก็จะละลายหายวับไปทันใด! เพราะผลบั้นปลายไม่ว่าจะเป็นคนตายหรือติดคุก ย่อมไม่มีสิทธิครองผ้ากาสาวพัสตร์ตามรอยพระพุทธองค์ ไม่มีอย่างเด็ดขาด!
เพื่อนกำลังตั้งจิตเจตนาที่จะประกอบกรรมดีควรหรือที่เขาจะยุให้ไปรบ? แน่นอน ย่อมไม่บังควรอย่างยิ่ง! แหลมสิงห์ระบายลมหายใจแผ่ว แววดุกระด้างในดวงตาอ่อนจางลงโดยอัตโนมัติ เขาหันไปสั่งเหล้า ทิ้งก้นลงบนเก้าอี้ว่างอย่างอัดอั้นแล้วเอ่ยเสียงเครียด
"ข้าเข้าใจ แต่ไอ้ระยำปุ๊ก็เหลือเกิน ไม่รู้มันจะตามรังควานจองล้างจองผลาญไปถึงไหน?”
แดง ไบร์เลย์ โคลงศรีษะระทดท้อ
"สันดานไอ้ปุ๊มันกัดไม่เลิก ลงได้หมายหัวใครเป็นศัตรูก็คอยจ้องแต่จะตามราวีไม่มีหยุด"
"เอ็งคงต้องยอมหลบมันเรื่อยไป"
"ข้าไม่มีทางเลือก แม่สำคัญกว่า"
ผู้คุมจอมเฮี้ยบรินเหล้าให้ตัวเองกับเพื่อนซี้คนละแก้วก่อนเลิกคิ้วถาม
"แล้วพวกลูกน้องล่ะ?"
"ระยะนี้ก็ได้แต่เตือนๆให้ทุกคนเก็บเนื้อเก็บตัว..."
เจ้าถิ่นประจำตรอกตอบขรึมๆ
"...ไม่จำเป็นอย่าออกไปเตร็ดเตร่ตามย่านการค้าหรือหน้าโรงหนัง เจอไอ้ปุ๊เข้าจะลำบาก"
"บัญชีนี้ คงต้องจดไว้คิดกันทีหลัง"
"ใช่ ให้ข้าได้บวชเรียนสมใจแม่ สิกขาลาเพศออกมาซะก่อนค่อยว่ากัน"
หนุ่มปากเจ่อกระแอมขัดขึ้นเบาๆแล้วเอ่ยสอด
"เรื่องแดงจะบวชเรายังหนักใจ"
แหลมสิงห์ขมวดคิ้ว
"เกี่ยวกับอะไรล่ะ?"
"ปุ๊ ระเบิดน่ะซี มันบอกฝากมาว่าจะพยายามขัดขวางให้ถึงที่สุด"
"ขวางยังไง?"
"มันจะยกพวกมาอาละวาดก่อกวนทำลายพิธี ไม่ให้แดงได้ห่มผ้าเหลือง"
"ถ้าไอ้ปุ๊ทำหยั่งงั้นจริงก็ชาติชั่วเกินไปแล้ว...."
หนุ่มราชทัณฑ์คำรามเดือดๆ
".....มารทำลายศาสนาชัดๆ มันจะกล้าถึงขนาดนั้นเชียวรึ?"
"ก็ไม่รู้"
"ขู่ซะมากกว่าละมั้ง....?"
แดง ไบร์เลย์ ซังกะตายยกแก้วเหล้าขึ้นจิบพอเป็นพิธี ก่อนออกความคิดเห็น
"ไม่แน่นะ หมาบ้าหยั่งไอ้ปุ๊มันทำได้ทั้งนั้นแหละ ทางที่ดีเราควรเตรียมการป้องกันเอาไว้"
แหลมสิงห์พยักหน้า
"เอ็งจะให้ทำไงว่ามาเลย"
"วันงาน ต้องระดมคนของทางเรามาให้พร้อม จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาดูแลรักษาความสงบเรียบเรียบ และคอยสกัดกั้นรับมือพวกไอ้ปุ๊"
"ไม่มีปัญหา ขอให้มันมาจริงเถอะ"
"อย่าลืมตามพวกเราอีกคนนึง"
"ใครล่ะ?"
"จ๊อด เฮาดี้!"
"อ้อ......"
"พักนี้ไม่รู้มันหายไปไหน ไม่โผล่มาให้เห็นหน้าเลย"
"ข้าหาตัวได้ก็แล้วกัน เอ็งไม่ต้องห่วง งานนี้ถ้าไอ้ปุ๊มา...มันได้ชนกะไอ้จ๊อดแน่นอน"
เจ้าถิ่นตรอกไบร์เลย์ผงกศรีษะเนิบช้า
"ดี มีจ๊อดอยู่ด้วยข้าก็เบาใจขึ้นอีก เพราะหมอนี่รักเพื่อนชนิดตายแทนได้เหมือนกัน"
"พูดถึงไอ้ระยำปุ๊ ข้าหวังว่าซักวันคงได้เจอมันในคุก"
"ทำไม่ล่ะ?"
แหลมสิงห์คว้าแก้วขึ้นกรอกเหล้าเข้าปากเต็มอีก แล้วแค่นเสียงดุดันเหี้ยมเฉียบ!
"ข้าจะกระทืบมันให้จมตีน!"
ฤกษ์บวชของกระทิงหนุ่มแห่งตรอกไบร์เลย์ใกล้เข้ามาเป็นลำดับ! ขณะเดียวกัน ข่าวร้ายก็ถูกโหมกระพือแพร่กระจายไปในแวดวงนักบู๊วัยคะนอง เล่าลือบอกกล่าวปากต่อปากจนเป็นที่รู้กันทั่วว่า วันทำขวัญนาคคือวันมหาประลัย! ปุ๊ ระเบิดขวด จะระดมบรรดาตัวแสบทุกระดับในสังกัด จัดทัพใหญ่ยกพลเข้าถล่มฝ่ายศัตรูคู่อาฆาตถึงในรัง เพื่อขัดขวางและทำลายพิธีอุปสมบทให้ป่นปี้ย่อยยับ! แดง ไบร์เล่ย์จะต้องไม่ได้บวช! เพียงแค่ข่าวนี้ ยุทธจักรวัยรุ่นกวนเมืองก็สะเทือนสะท้านผวาหวั่นกันทั่วหน้า และไม่มีใครอยากไปร่วมอนุโมทนาในงานบุญ เพราะมันเสี่ยงกับการเจ็บเนื้อเจ็บตัวโดยใช่เหตุ เผลอๆก็อาจถึงตาย!
กระจายข่าวข่มขวัญไปแล้วยังไม่สะใจ จอมซ่าตรอกสาเกกระหน่ำไม้สองตอกย้ำให้หนักเข้าไปอีก ด้วยการแผดสีหนาทประกาศก้อง
"มันผู้ใดไปร่วมงานบวชไอ้แดง มันผู้นั้นคือศัตรูของ ปุ๊ ระเบิดขวด!!"
ซึ่งนี่....เป็นขั้นตอนหนึ่งของแผนมารผจญ! แต่ไม่ว่าคำขู่และเสียงเล่าลือจะโจษจันกันยังไงฝ่ายที่ตกเป็นเป้าโจมตีก็ไม่ได้หวาดไหวสั่นคลอน การเตรียมงานยังเดินหน้าต่อไม่หยุดยั้ง ทุกอย่างที่จำเป็นต้องใช้ในการประกอบพิธีถูกจัดหามารอกำหนดพร้อมสรรพ กระทั่งกุฏิสำหรับพระใหม่ในวัดสุทัศน์ก็ได้รับการปัดกวาดเช็ดถูทำความสะอาดไว้เรียบร้อย มันเป็นการยืนยันชัดเจนว่างานนี้จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแน่นอน! กระนั้น ขาใหญ่บางลำภูก็ยังไม่เลิกละความพยายามในอันที่จะฉุดรั้งฝ่ายตรงข้ามไม่ให้ก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ ข่าวระลอกใหม่จึงถูกปล่อยออกไปว่าเขากำลังจ้องจังหวะเล่นงาน #วัลภา นักร้องสาวดาวเด่นแห่งโอเอซีส และจะใช้มาตรการุนแรงถึงขนาดเอาชีวิตกันเลยทีเดียว!
นี่....ก็คืออีกขั้นตอนหนึ่งของแผนมาผจญ! เพราะมันอาจจะทำให้คู่อริเกิดกังวลว้าวุ่นเป็นทุกข์ วิตกห่วงใยสวัสดิภาพความปลอดภัยของคนรัก ไม่สามารถสงบสติอารมณ์ตั้งมั่น และรุ่มร้อนจนถึงขั้นล้มเลิกการบวช ทว่า...คนคำนวณหรือจะสู้ฟ้าลิขิต? ปุ๊ ระเบิดขวด ผิดหวังอีกเช่นเคย! แดง ไบร์เลย์ ยังคงวางเฉยด้วยความแน่วแน่ในปณิธานที่จะปลงผมห่มผ้าเหลือง ปวารณาตัวเป็นศิษย์แห่งอนาคต ให้มารดาบังเกิดเกล้าได้ปลาบปลื้มยินดีสักครา แม่...ย่อมสำคัญกว่าอื่นใดทั้งสิ้น! แม้จะห่วงใยวัลภามากมายเพียงไร เขาก็ได้แต่ยืมปากคนอื่นขอร้องไปทางจอมประลัยกัลป์แห่งตรอกสาเก ให้ละเว้นผู้หญิงตัวเล็กซึ่งไม่รู้อิโหนอิเหน่อะไรด้วยเลย อีกประการหนึ่งที่พอจะทำได้ ก็คือฝากฝังสั่งเสียพวกพ้องไว้ให้แวะเวียนไปดูแลเธอบ้างตามสมควร เสือจำศีลทำได้แค่นี้เอง!
ทางด้าน ปุ๊ กรุงเกษม ซึ่งอยู่คนละฝั่งเจ้าพระยา เมื่อจิ้งจอกอันตรายแห่งตรอกสาเกมี ดำเอ๊สโซ่ มาเป็นคอหอยลูกกระเฮือก ร่วมลุยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่เขาก็เริ่มถอนตัวถอยห่าง เพราะสองจอมซ่าซึ่งดุดันร้อนแรงเข้าขากันเหมาะเจาะเหมือนผีคู่โลง มักพาไปก่อเรื่องที่โน่นที่นี่แทบไม่เว้นแต่ละวัน! จริงอยู่ ปุ๊เจิดก็ตัวเจ็บไม่เป็นรองใคร แต่เขาเป็นพวกบู๊สำอางแบบชอลิ่วเฮียง มีรสนิยมละเมียดละไม่ชอบเสียงเพลงและการแต่งตัวตามแฟชั่น ไม่ใช่ตะบี้ตะบันเดินหาเรื่องมันลูกเดียว! ประการสำคัญ ระยะหลังทั้งคู่ชักจะปฏิบัติการจองเวรพวกพ้องบริวารของ แดง ไบร์เลย์ ถี่ขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ปุ๊เจิดอึดอัดและไม่ต้องการมีส่วนพัวพันในทุกกรณี
ดังนั้น แม้จะยังไปมาหาสู่กันสม่ำเสมอ เขาก็ไม่นัวเนียคลุกคลีใกล้ชิด เกาะกลุ่มติดสอยห้อยตามเป็นสามทหารเสือเหมือนเดิม ปล่อยให้สองหนุ่มแสบผาดแผลงสำแดงเดชไปตามถนัด จนกระทั่งใกล้วันอุปสมบทของเสือจำศีล ปุ๊ ระเบิดขวดกลับเป็นฝ่ายดั้นด้นไปหานักบู๊วงเวียนเล็กถึงบ้านที่ฝั่งธนฯ และหลังจากมึงวาพาโวยทักทายกันประสาเพื่อนสนิท ขาใหญ่บางลำภูก็บอกจุดประสงค์ด้วยเสียงหนักแน่น
"ข้าจะมาชวนเอ็งไปงานบวชไอ้แดง!"
ปุ๊ กรุงเกษมรู้สึกเหมือนโดนอะไรหนักๆ หวดเปรี้ยงเข้ากลางแสกหน้าอย่างจัง เขากระพริบตาปริบๆ จ้องมองฝ่ายตรงข้ามนิ่งอั้น และนิ่งอยู่ในลักษณะนั้นเป็นครู่ ถึงได้ผงกศรีษะเนิบช้าพลางระบายลมหายใจแผ่ว
"ข้าโมทนาสาธุ และขอแสดงความยินดีที่เอ็งเลิกผูกพยาบาทอาฆาตจองเวรกัน"
จิ้งจอกอันตรายทำหน้าตาเลิ่กลั่ก
"เดี๋ยว! ไอ้ปุ๊ เดี๋ยว! นี่เอ็งหมายถึงอะไร?"
"ก็เอ็งบอกจะไปงานบวชไอ้แดง"
"ใช่"
"มันก็เป็นเรื่องดี อโหสิกรรมกันซะให้หมดเรื่องหมดราวก่อนที่เพื่อนจะห่มผ้าเหลืองเข้าวัดเข้าวา ได้กุศลด้วย"
"เอ็งเข้าใจผิด ข้าไม่ได้คิดจะไปร่วมอนุโมทนาเอาบุญกุศลอะไรทั้งสิ้น!"
"อ้าว.."
ปุ๊ ระเบิดขวด ขบเขี้ยวเคี้ยวกรามกรอดกราวหน่วยตาวาวจ้า พร้อมกับการแค่นเสียงดุกระด้าง
"ข้าจะพาสมัครพรรคพวกยกขบวนไปถล่มมันในวันทำขวัญนาค มะรืนนี้แหละ!"
ดาวดังฝั่งธนฯ สะอึกอึ้ง วี่แววของความปิติยินดีในดวงตาปลาสนาการไปทันใด เขานิ่งเงียบชั่งขณะก็เอ่ยเสียงขรึม
"ที่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาชวนข้า ก็เพื่อจะขอแรงไปช่วยพังงานเขา...?"
"ถูกต้อง! ข้าตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่ยอมให้ไอ้แดงได้ห่มผ้าเหลืองเด็ดขาด!"
"ถ้าเอ็งชวนไปทำแบบนี้ ข้าบอกได้คำเดียวสั้นๆ เสียใจ"
"เอ็งไม่ไป...?"
"แน่นอน!"
"เพราะอะไร?"
"ไม่น่าถามนะ ปุ๊ เอ็งก็รู้อยู่เต็มอก ไอ้แดงกะข้าสนิทกันมาก่อน"
วี่แววตัดพ้อปรากฏขึ้นในดวงตาไอ้หนุ่มอันตรายจากตรอกสาเกขณะทอดเสียง
"อ๋อ...เอ็งเห็นมันดีกว่าข้า"
จอมกรี๊ดสั่นหัว
"ไม่ ถ้าไอ้แดงเป็นฝ่ายมาชวนไปถล่มเอ็งข้าก็ต้องปฏิเสธไม่เอาด้วยเหมือนกัน"
"เป็นอันว่าเอ็งไม่ช่วยข้าแน่....?"
"ไม่ว่าเอ็งหรือไอ้แดง ถ้าจะรบกัน ข้าไม่ช่วยใครทั้งนั้น มันเพื่อนทั้งคู่!"
ขาใหญ่บางลำภูขบริมฝีปากนิ่งอึ้งอยู่ร่วมอึดใจก็โคลงศรีษะอย่างอ่อนระอา
"ข้านึกแล้วว่าคงกล่อมเอ็งไม่สำเร็จ"
หนุ่มเจ้าถิ่นเลิกคิ้ว เอ่ยกลั้วหัวเราะแผ่ว "ก็เมื่อรู้อยู่แก่ใจ เอ็งจะมัยมาเสียเวลาหว่านล้อมทำลิงอะไรวะ?"
"ก็เผื่อฟลุคไง"
"ยากว่ะ"
"นี่เอ็งจะไปช่วยงานบวชเขารึเปล่า?"
"ไม่ ไปร่วมงานก็เป็นศัตรูเอ็ง ไปพังงานกะเอ็งก็เป็นศัตรูไอ้แดงข้านอนเล่นอยู่กะบ้านดีกว่า"
"งั้นก็ตามสบายเอ็งเถอะ"
"เอ็งก็ไม่ควรไปยุ่ง ไอ้ห่ะ ขัดขวางคนไม่ให้บวชน่ะ บาปยิ่งกว่าสึกพระอีกนะโว้ย"
“ชั่งมัน ข้าไม่สน บาปไม่ได้ขี่ม้าถือหอกสะพายดาบมาไล่ฟันไล่แทง"
หัวโจกวัยรุ่นฝั่งธนฯ ถอนใจอ่อนอก ทอดสายตามองเพื่อนอย่างปลงๆ พลางเอ่ยถาม
"แปลว่าเอ็งเอาแน่....?"
ปุ๊ ระเบิดขวด พยักหน้าแช่มช้า ตาดุดันเรืองประกายวูบวับขณะทิ้งเสียงเครียดเข้ม
"เอ็งคอยดูก็แล้วกัน!"
การใช้กำลังและความรุนแรงเข้าขัดขวางทำลายพิธีอุปสมบท เป็นขั้นตอนสุดท้ายของแผนมารผจญ! เพราะเมื่อดำเนินกลอุบายใช้สงครามประสาทขู่กันสารพัดแบบไม่สำเร็จ ก็เหลือทางเลือกวิธีเดียวที่จะสกัดกั้นไม่ให้กระทิงหนุ่มแห่งตรอกไบร์เลย์ได้บวชเรียนสมเจตนารมณ์ นั่นคือ ยกพลเข้าถล่มแหลกเพื่อทำลายงานบวช โดยไม่คำนึงบาปกรรม! และแม้ว่าเจ้าถิ่นวงเวียนเล็ก จะปฏิเสธเด็ดขาดไม่ยอมร่วมรบ ปุ๊ ระเบิดขวด ก็ไม่ย่นย่อท้อถอย เขายังมีดำ เอ๊สโซ่ ดาวมฤตยูจากสวนมะลิเป็นขุนศึกเคียงข้าง ซึ่งทั้งคู่ต่างก็เห็นพ้องต้องกันไปทุกเรื่องราวไม่ว่าจะดีหรือร้าย ดังนั้น สองหนุ่มอันตรายจึงแยกย้ายกันออกระดมพล เพื่อรวบรวมสมุนบริวารให้ได้มากที่สุด!
แต่การที่ขาใหญ่บางลำภู ประกาศว่าหากใครไปร่วมงานบวช แดง ไบร์เลย์ ถือเป็นศัตรูกับปุ๊ ระเบิดขวดก็มีผลเสียกับตัวเองไม่น้อย เพราะมันแปลความหมายได้อีกนัยหนึ่งว่าหากเข้าข้างปุ๊ก็ย่อมเป็นฝ่ายตรงข้ามกับแดงด้วยเช่นกัน! วัยรุ่นส่วนมากไม่อยากเป็นศัตรูกับทั้งสองแก๊ง ก็เลยไม่ออกมาเสนอหน้าให้เปลืองตัวโดยใช่เหตุ วางเฉยอยู่วงนอกย่อมประเสริฐกว่า และปลอดภัยด้วยประการทั้งปวง อีกอย่างหนึ่ง หนุ่มคะนองร้อยเกือบจะทั้งร้อย ล้วนเป็นพุทธศาสนิกชน จะเกะกะเกเรร้ายกาจเพียงใด พวกเขาก็นับถือพระด้วยการปลูกฝังสั่งสอนสืบเนื่องกันมาไม่รู้กี่ชั่วโคตร แค่ยิงนกตกปลา หรือฆ่าสัตว์ตัดชีวิตในเขตธรณีสงฆ์ยังไม่ทำกัน ไอ้ที่จะให้ละเมิดพระศาสนาถึงขั้นยกพลถล่มงานบวชเป็นเรื่องที่ไม่กล้าคิดด้วยซ้ำ! ไม่ใช่ในหนังนี่หว่า!
เมื่อเป็นอีรูปนี้ สองจอมประลัยกัลป์จึงประสบปัญหา และรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ยากเนื่องจากสมุนบริวารในสังกัดใหญ่มักหลบหน้าไม่โผล่มาให้เห็น พวกที่หลบไม่ทันก็มักอ้างธุระปะปังบ่ายเบี่ยงไปสารพัดตามแต่จะนึกออก กำลังรบที่เรียกระดมมาได้จึงไม่มากเท่าที่ควร ขณะเดียวกัน ทางด้านเสือจำศีลกลับคึกคักไปด้วยพวกพ้องมากหน้าที่มาช่วยเหลือเกื้อหนุนกันอย่างเต็มอกเต็มใจและโดยไม่ต้องคาดคั้นข่มขู่บังคับ เพราะการอยู่ข้างแดง ไบร์เลย์ ช่วยคุ้มครองป้องกันงานบวชให้ดำเนินไปได้ตลอดรอดฝั่งย่อมถือได้ว่าเป็นฝ่ายธรรมะ จะเกิดอะไรขึ้นยังไง ก็ได้แต่บุญมากกว่าบาป!
ตรอกไบร์เลย์ จึงอุ่นหนาฝาคั่งด้วยเหล่านักรบที่พร้อมจะผจญมารทุกรูปแบบ และแล้ว วันสำคัญก็มาถึง วันทำขวัญนาค! มันเป็นวันมงคลที่ทางฝ่ายเจ้าภาพผู้จัดงานบุญยิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่นยินดีเพียงสีหน้าท่าทางภายนอกเท่านั้นเอง! ลึกลงไปในอก ไม่ว่าใครก็อึดอัดกลัดกลุ้มวิตกเป็นทุกข์กันถ้วนทั่ว เพราะวันทำขวัญนาคนี่แหละที่ ปุ๊ ระเบิดขวดประกาศไว้ว่าจะขนสมุนบริวารบุกเข้าถล่มแก๊งวัยรุ่น คู่อริถึงถิ่นในตรอกไบร์เล่ย์ ทำลายพิธีอุปสมบทของหัวโจกให้ล่มสลายกลางคัน! แล้วใครเล่าจะไม่พรั่นกลัว?
แต่แม้จะกังวลหวั่นร้อนรุ่มไม่เป็นสุข ทุกฝ่ายทั้งชายหญิงก็สาละวนทำหน้าที่ในความรับผิดชอบของตัวเองอย่างขมักเขม้น และมุ่งมั่นด้วยศรัทธาแรงกล้า ฝ่ายรักษาความสงบและป้องกันอันตรายซึ่งล้วนเป็นหนุ่มเลือดแรงก็ตระเตรียมอาวุธพร้อมรบคอยระมัดระวังขจัดปัดเป่าเหตุร้ายอย่างเข้มงวดกวดขัน ขณะเดียวกัน พิธีการงานบุญก็ดำเนินไปตามขั้นตอนแบบอย่างที่ยึดถือปฏิบัติกันมาเนิ่นนานโดยไม่ขาดตกบกพร่อง และไม่มีอะไรมาทำให้ต้องชะงักหยุด จากเช้าจรดค่ำ จนกระทั่งค่อนดึกเสร็จสิ้นการทำขวัญนาค ซึ่งโกนหัวนุ่งขาวห่มสำรวมเรียบร้อย เรื่องร้ายอันใดก็ไม่ปรากฎแม้แต่น้อยนิด! ทุกประการผ่านพ้นลุล่วงไปด้วยดี
รุ่งขึ้น สถานการณ์ก็ยังคงเป็นปกติ ปราศจากวี่แววว่าจะเกิดเหตุอันไม่พึงประสงค์ และแล้ว พอได้ฤกษ์งามยามดี นาคแดงก็ถูกแห่ออกจากตรอกไบร์เลย์ ด้วยขบวนคนยาวเหยียด ตรงไปเข้าพิธีบวช ณ วัดสุทัศน์เทพวรารามซึ่งอยู่ใกล้บ้าน ระหว่างทางก็ไม่มีมารที่ไหนมาผจญ! ไม่มีแก๊งวัยรุ่นฝ่ายตรงข้ามมาดักโจมตีขบวนแห่นาค เปิดฉากยิงกันอย่างบ้าบอคอแตกราวกับบ้านป่าเมืองเถื่อนไร้ศาสนา หมิ่นหยามพุทธบริษัทเหมือนในภาพยนต์ที่สร้างขึ้นจากเรื่องโกหกพกลม ด้วยภูมิปัญยาอ่อนด้อยถ่อยทราม!
ที่สุด แดง ไบร์เลย์ หรือ บัญชา ศรีสุขใส ก็ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ให้แม่บังเกิดเกล้าได้ชื่นชมโสมมนัสสมปรารถนา และที่ไม่มีการก่อกวนทำลายพิธี ก็ใช่ว่าปุ๊ ระเบิดขวด จะเกิดกุศลเจตนาขึ้นมากะทันหัน แต่มันเป็นเพราะพลพรรคที่รวมรวบมาได้ไม่มากพอ กำลังของเขาไม่พร้อมรบ!
พระแดงบวชเรียนครองเพศบรรพชิตสงบสำรวมอยู่ในพระธรรมวินัยไปเรียบร้อยแล้ว แต่จิ้งจอกอันตรายแห่งตรอกสาเกก็ยังไม่ปลดปลงสลัดโมหะที่ครอบงำสำนึก เมื่อทำอะไรคู่แค้นไม่ได้ เขากับดำ เอ๊สโซ่ ก็เปลี่ยนเข็มมาจ้องเล่นงานตัวประกอบที่เป็นพวกพ้องของฝ่ายตรงข้ามเพื่อระบายความหงุดหงิด ซึ่งก็เป็นความพยายามที่สูญเปล่า ไม่ว่าสองจอมประลัยกัลป์จะตระเวนไปแหล่งใด ก็ไม่พานพบคนที่จะรองรับโทสะ เพราะพระแดงได้กำชับตักเตือนไว้ตั้งแต่ก่อนบวชให้บรรดาพลพรรคเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่กันอย่างสงบ และทุกคนก็ทำตามนั้น ไม่มีใครออกเที่ยวเตร่เพ่นพ่านให้ตกเป็นเหยื่ออารมณ์ระห่ำของขาใหญ่บางลำภู
บางส่วนก็ป้วนเปี้ยนอยู่แต่ในวัด คอยปฏิบัติวัตรฐากดูแลรับใช้หลวงพี่เท่าที่จะทำได้ กุฏิพระใหม่ จึงไม่เคยขาดลูกศิษย์ซึ่งล้วนเป็นหนุ่มคะนอง แหลมสิงห์ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่แวะเวียนมาเยี่ยมเป็นประจำแทบทุกวัน! บ่ายมากแล้ว ขณะที่ก้าวล่วงเข้าบริเวรวัดสุทัศน์ และทอดน่องไปตามทางเดินอย่างไม่เร่งร้อน แต่แล้วก็ต้องชะงักเท้า เมื่อเห็นหนุ่มหน้าเข้มคมหุ่นสูงกำยำนายหนึ่ง เดินยิ้มร่าสวนมาจากกุฏิพระใหม่ ไม่ใช่ใครอื่น #จ๊อดเฮาดี้! หนุ่มราชทัณฑ์แยกเขี้ยวยิ้มตอบประสาคนคุ้นเคยก่อนเอ่ยทัก
"มาเยี่ยมพระซีท่า"
จ๊อด เฮาดี้ ชะงักหยุดและพยักหน้ารับ
"ใช่ ข้าได้ข่าวเรื่องวุ่นวายหลายอย่างและทำท่าจะบานปลายใหญ่โต ก็เลยแวะมาถามพระแดง ว่าจะให้ช่วยอะไรได้บ้าง"
"แล้วพระว่าไง?"
"ท่านเฉยๆ บอกไม่มี"
"ปัทโธ่เอ๊ยย์ ก็อยู่ในผ้าเหลืองเป็นพระเป็นเจ้า ท่านจะบอกให้เอ็งไปเล่นคนโน้นคนนี้ได้เรอะ?"
ต้องถามข้าสิ จ๊อด เอ็งอยากรู้อะไร?"
"ชื่อไอ้ตัวแสบที่คอยก่อเรื่องวุ่นวาย ใคร?"
"ก็ไอ้ชิบหายปุ๊ มันคนเดียวที่เป็นตัวการเป็นต้นเรื่องทั้งหมด"
"งั้น....เอ็งคอยฟังข่าวก็แล้วกัน"
"ข่าวอะไร?"
แววตาดุดันเด็ดเดี่ยวของหนุ่มหน้าเข้ม ฉีกประกายสีเขียวเรืองน่าพรั่น ก่อนแค่นเสียงเย็นลึก
"ไอ้ปุ๊ถูกเสียบ!!"
โปรดติดตามตอนต่อไป
#นักเลงโต
โฆษณา