ก็แน่ละ ใครมันจะมีกะใจแย้มยิ้มกับคนที่ไล่แทงตัวเองหวิดเป็นหวิดตายมาเมื่อวาน! พอยอบตัวลงนั่งโต๊ะกันเรียบร้อย และสั่งน้ำอัดลมมาตั้งหน้าคนละขวด ตั้วเฮียเอ่ยเสียงเคร่ง
"จ๊อด รู้รึยังว่าพี่เรียกเอ็งมาทำไม?"
หนุ่มหน้าเข้มค้อมศรีษะ
"รู้ครับ ไอ้คนที่ไปตามบอกผมแล้ว"
พจน์ เจริญพาสน์ บิดหัวแม่มือขวาชี้จอมซ่าจากวงเวียนเล็ก
"ขานี้เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรกะเอ็ง?"
"ไม่มีครับ"
"แล้วไหงไปไล่แทงเขาล่ะ?"
"ก็....เป็นเพราะปุ๊ ระเบิดขวด มันคอยอาละวาดก่อกวนพวกพระแดงหนักข้อขึ้นทุกวัน จนแต่ละคนแทบโผล่หัวไปไหนไม่ได้ แถมยังมีข่าวแว่วๆว่าไอ้หมอนี่กำเริบเสิบสานถึงขนาดเตรียมการจะเปิดศึกใหญ่ ทั้งๆ ที่อีกฝ่ายยังอยู่ในผ้าเหลือง ผมทนไม่ไหวก็เลยไปดักแทง"
"เฮ้ย! แต่นี่มันคนละปุ๊.....!"
"ครับ ทำลงไปแล้วผมถึงมารู้ทีหลังว่าผิดตัว"
รุ่นใหญ่ทำหน้านิ่ว
"ผิดได้ยังไง ก็กลางวันแสกๆ เห็นหน้าเห็นตากันออกชัดเจนยังกะอะไรดี"
จ๊อด เฮาดี้ ทำตาปรอย
"ผมไม่รู้จักไอ้ปุ๊ ระเบิดขวด"
"อ้าว....!"
"เคยเห็นแต่ปุ๊นี่ก็ปักใจว่าใช่ ไม่นึกว่าจะมีปุ๊ทีเดียวสองคน"
"อะไรกัน?"
"จริงๆ นะพี่ ผมไม่ได้โกหก"
หนุ่มมือมีดยืนยันหนักแน่นจริงจัง ทั้งน้ำเสียงและสีหน้าท่าทาง พี่เอื้อยรุ่นใหญ่ยกขวดขึ้นคาบหลอดดูดน้ำอัดลมเต็มอีก หรี่ตานิ่งในลักษณะไตร่ตรองอยู่ชั่วขณะก็ผงกศรีษะเนิบช้าด้วยท่วงท่าสุขุม พลางเอ่ยอย่างใคร่ครวญ
"เมื่อเป็นการเข้าใจผิด เรื่องนี้ก็ไม่น่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังสลับซับซ้อน"
"ก็มีเท่าที่ชี้แจงให้ฟังน่ะแหละ ..."
มือมีดว่า
".....ผมตั้งใจไปแทง ไอ้ปุ๊ ระเบิดขวด เพราะเจ็บแค้นแทนพระแดง"
"ว่าแต่พระรู้เรื่องนี้ด้วยรึเปล่า?"
"รู้ทีหลังครับ ก่อนลงมือผมไม่กล้าบอกเห็นว่าท่านอยู่ในผ้าเหลือง"
"แล้วเมื่อเล่นผิดคนเอ็งควรจะทำยังไง"
จ๊อด เฮาดี้ หันมายิ้มเจื่อนๆ กับดาวดังฝั่งธนฯ ก่อนเอ่ยเสียงอ่อน
"ขอโทษอย่างแรง...เพื่อน เราไม่รู้จริงๆ คิดว่านายเป็นคนๆ เดียวกับปุ๊ตัวแสบ หวังว่าคงให้อภัย"
ปุ๊ กรุงเกษม หยักหน้าขรึมๆ
"โหสิ แต่แค่ขอโทษมันยังไม่พอ"
"อ้าว....!"
"ต้องไปยืนยันต่อหน้าพระแดง ว่าจะไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก!"
"ใช่......."
ตั้วเฮียสนับสนุน....
"ต้องให้พระแดงได้ร่วมรับรู้เป็นสักขีพยาน และเอ็งสองคนควรจะไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย"
ไอ้รุ่นแสบแห่งย่านวงเวียนเล็กกระตุกหัวคิ้วขมวดย่น
"พี่พจน์ล่ะ?"
"ก็ต้องนั่งอยู่ก่อน พี่นัดแขกไว้ที่นี่อีกรายนึงพวกเอ็งรีบไปกันเถอะ"