11 มี.ค. 2021 เวลา 12:28 • นิยาย เรื่องสั้น
#ตอนที่ ๑๒ [วัยรุ่นคะนองกรุง]
#ถล่มอาราม
#ดำเอ๊สโซ่ กระพริบตาปริบ ๆจ้องหน้าขาใหญ่บางลำภู เหมือนไม่เชื่อหูตัวเอง และมองนิ่งอั้นอยู่ในลักษณะนั้นร่วมกึ่งอึดใจ ถึงได้ครางถามอย่างคลางแคลง
"เอ็งคิดดีแล้วรึ ?"
ปุ๊ ระเบิดขวด ยักไหล่พรีด !
"ไม่จำเป็นต้องคิด เมื่อเพื่อนถูกทำถึงขนาดนี้ข้าก็ไม่สนใจอะไรอีกแล้ว จะลุยแม่งงลูกเดียว !""
"ไม่เว้นแม้กระทั่งในวัด...?"
"เว้นทำไม ทีพวกมันล่ะ เล่นเพื่อนเราในวัดรึเปล่า ?"
"ก็...ใช่"
"นั่นไง ! แล้วจะไปแคร์ทำซากอะไร ว่าแต่เอ็ง...จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ ?"
ดำ เอ๊สโช่ ทำจมูกย่น "ไม่เห็นจะต้องถาม เมื่อเอ็งตัดสินใจแล้วข้าก็พร้อมที่จะลงนรกทุกขุมเหมือนกัน !""
"ให้มันได้ยังงี้ชีวะ เพื่อน !"
หนุ่มแสบเจ้าตรอกสาเกเอ่ยอย่างสะใจ ก่อนทิ้งสายตาลงมองลิ่วล้อคนมาส่งข่าวพลางออกคำสั่ง
"หมดโอเลี้ยงแก้วนี้ เอ็งไปรวบรวมพรรคพวกเรามารอข้าที่นี่"
หมอนั่นเลิกคิ้ว "จะเอาซักกี่คน ?"
"เท่าที่จะตามตัวได้ บอกพวกมันเตรียมอาวุธมาให้พร้อม"
จิ้งจอกอันตรายทิ้งเสียงเข้มเครียด ก่อนไหวตัวก้าวนำนักเลงสวนมะลิออกจากร้านกาแฟอย่างเร่งร้อน ข้อดีของปุ๊ ระเบิดขวด อยู่ตรงนี้เอง ! เขาไม่เคยยอมให้ เพื่อนเจ็บฟรี่ !!!
นั่น...คือเวลาที่ไอ้รุ่นแสบแหงยานวงเวียนเล็ก ก้าวลอดเข้าประตูรั้วบ้านที่ฝั่งธนฯ และก็ต้องทำตาโต เมื่อได้พบว่าที่ม้าหินใต้ร่มไม้หน้าเรือน มีหนุ่มคะนองรุ่นราวคราวเดียวกัน นั่งรออยู่ก่อนแล้วสองนาย แน่นอน ย่อมเป็น #ปุ๊ระเบิดขวด กับ ดำ เอ๊สโซ่ !
พอเขาทรุดตัวลงนั่งร่วมวง ขาใหญ่บางลำภู
ก็ตวัดเสียงถาม
"มัวไปทำอะไรอยู่ที่ไหนวะ ? ข้ามารอตั้งนาน" หนุ่มเจ้าบ้านถอนใจแผ่ว
"ข้าไปวัดสุทัศน์"
"เพิ่งออกมาจากที่นั่นเรอะ ?"
"เออ เอ็งสองคนนึกยังไง ถึงได้โผล่มาที่นี่ ?"
จิ้งจอกอันตรายขบกรามกรอด
"ก็เจ็บแทนเอ็งน่ะสิวะ !"
"เอ๊ะ...!"
"เรื่องที่เอ็งถูกรังแกในวัดสุทัศน์ เรารู้กันหมดแล้ว"
"ฮ้า...." เจ้าบ้านครางตื่น ๆ "...เร็วถึงนนาดนี้เชียวรึ ?"
"หูตาพวกข้าไวพอน่ะ ได้ยินว่า #แหลมสิงห์ หวดกบาลเอ็งด้วยฝักดาบ"
ดาวดังฝั่งธนฯ ยกมือขึ้นคลำศีรษะอย่างเผลอไผลพลางพยักหน้า
"ใช่ แต่ก็เคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว"
"เคลียร์ยังไง ?"
"ก็...พระแดงเป็นคนไกลเกลี่ย ให้มันจบ
"เอ็งได้ฟาดกบาลไอ้แหลมสิงห์ซักเป้งมั้ยล่ะ?”
"ไม่"
ขาใหญ่บางลำภูส่ายหน้าช้สๆ จ้องสบตาหนุ่มเจ้าบ้านแน่วนิ่งขณะที่ปากเน้นเสียงหนักแน่น
"เพื่อน ! เรื่องนี้เอ็งจะยอมไม่ได้...อย่างเด็ดขาด !!”
#ปุ๊กรุงเกษม หลบตาชื่อคนเดียวกันเบือนลงมองโต๊ะหินที่คั่นกลางพลางทอดถอนลมหายใจ อย่างหน่วงหนัก เขานิ่งอั้นอยู่ในท่สนั้นชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้น
ตวัดเสียงถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบเต็มอก
"ถ้าไม่ยอม เอ็งจะให้ข้าทำไง ?"
เจ้าถิ่นตรอกสาเกเครี้ยวกรามกรวมสนั่น ก่อนกระแทกเสียงเหี้ยมเฉียบ !
"เอาคืนชีวะ ! บุกไปที่กุฏิพระแดงเดี๋ยวนี้แหละ !"
"เอ็งกะดำจะช่วยข้า...?"
"แน่นอน...!" นักเลงสวนมะลิสนองรับทันควัน
"...ข้ากะปุ๊ ตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่ยอมให้เพื่อนเจ็บฟรี !"
"ขอบใจ...เพื่อน แต่มันจะเหมาะรื้ออ์...?"
"เอ็งยังจะแคร์อะไรอีกล่ะ ?"
"คือ...บอกตรง ๆข้าไม่อยากให้เรื่องมันยาว"
ปุ๊ ระเบิดขวด ถลึงตาแยกเขี้ยวขาววับ !
"ทั้ง ๆที่พวกระยำนั่นรวมหัวทำกะเอ็งถึงขนาดนี้ งั้นเรอะ ?!”
"ก็...เอ้อ..."
"ฟังข้านะ ปุ๊..." ขาใหญ่บางลำภูแด่นเสียง “...ตั้งแต่ไหนแต่ไร เอ็งวางตัวเป็นเพื่อนที่ดีของพระแดงเสมอมา นอกจากจะไม่ยอมชนกะเขา บรรดาพวกพ้องบริวารทุกระดับเอ็งก็ไม่เคยแตะต้องให้ใครเจ็บช้ำแม้สักเท่ารอยแมวข่วน แล้วผลเป็นยังไง ?"
ไอ้รุ่นตัวเจ็บแห่งย่านวงเวียนเล็กสะอึกอึ้งพูดไม่ออก ขณะที่จิ้งจอกอันตรายใช้วาทศิลปิปฏิบัติการจิตวิทยาต่อ ทั้งตอกย้ำรอยแค้นและปลุกระดมยั่วยุอย่างชำนิชำนาญ
"เอ็งถูกไอจ๊อดไล่แทงโดยไม่ได้ทำผิดคิดร้าย
อะไรกะพวกมันซักนิด พอไปถึงวัดก็ยังโดนซ้ำเติมหนักขึ้นอีก ทั้งไล่ฟันทั้งรุมทุบตีเหมือนเป็นไอ้เศษ
สวะอะไรซักตัวนึงนี่รึสิ่งที่เอ็งควรจะได้รับเป็นการตอบแทนน้ำใจไมตรี และความซื่อตรงคงเส้นคงวา...?!"'
หนุ่มเจ้าบ้านขบริมฝีปากนิ่งอั้น !
เพราะที่ฝ่ายตรงข้ามว่ามาล้วนเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง และมันบาดเฉือนทิ่มแทงความรู้สึกของเขา
ให้เจ็บช้ำมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ !
เขาเริ่มจะคล้อยตามลิ้นลม
แน่ละ คารมคมคายและวิธีการพูดจาโน้มน้าวชักจูงของนักบู๊ตรอกสาเกย้งคงใช้ได้ผลเช่นเคย!
"ถามจริงๆเถอะ เพื่อน..." หัวโจกใหญ่เอ่ยขึ้นอีก "...เอ็งไม่รู้สึกเจ็บปวดมั่งเลยรึ ?"
ดาวดังฝั่งธนฯ ขบกรามเบาๆ ก่อนแค่นเสียงตอบ
"เจ็บซีวะ !"
"แล้วไหงจะยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่าย ๆแค่นี้ โธ่เอ๊ยย์...มันจะยาวแค่ไหนก็ชั่งปะไร ถึงไงข้ากะดำก็ไม่มีวันทิ้งเอ็ง ลุยแม่งงไปเลย !"
"เอางั้นก็ได้"
คนช่างยุเบิกตาวาว !
"หมายความว่า...เอ็งตกลง...?"
ปุ๊ กรุงเกษม พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ใช่ แค้นนี้ต้องชำระ !!!”
ตะวันชิงพลบ ! แสงแห่งทิวาวารกำลังเริ่มอ่อนจางลง เมื่อหนุ่มวัยคะนองห่ามห้าวจำนวนหกนายเคลื่อนขบวนเข้าไปในลานหน้ากุฏิหลังย่อมอย่างระมัดระวังสุ้มเสียง สามในหกคือ ปุ๊ ระเบิดขวด ดำ เอ็สโซ่ และปุ๊ กรุงเกษม ตัวอันตรายทั้งนั้น ! ส่วนอีกสาม เป็นพลรบลูกแถวที่รวบรวมมาได้ในช่วงเวลาอันจำกัดทั้งหก มีมีดไม้เป็นอาวุธครบมือ และกระชับมั่นอยู่ในลักษณะเตรียมพร้อม
ยามนั้น กุฏิพระใหม่หมอบนิ่งอยู่ในความสงบงันเงียบเชียบ แต่ประตูที่เปิดถ่างกว้างส่อแสดงว่ามีคนอยู่ กลุ่มผู้บุกรุกสืบเท้สตามกันดิ่งเข้าไปอย่างมาดมั่น! แต่ยังไม่ทันถึงบันไดทางขึ้น เด็กหนุ่มนาย
หนึ่งก็เดินอ้อมด้านข้างกุฏิโผล่พรวดพราดออกมา
พอดิบพอดี ! หมอนั่นสะดุ้งเฮือก ชะงักเท้าหยุดกึก
พร้อมทั้งทำตาเหลือกตาปลิ้นแหกปากเอ็ดอึง !
"เฮ้ย ! พวกไอ้ปุ๊ !!"
วัยรุ่นบริวารในสังกัดเจ้าถิ่นตรอกไบร์เล่ย์ระเบิดเสียงโวยวายตื่นตระหนกออกมาแล้วหันหลังกลับหมายเผ่นหนี
เพราะมีดไม้ที่สลอนอยู่ในมือเหล่าผู้บุกรุกบอกจุดประสงค์ชัดเจนว่าไม่ได้มีกุศลเจตนามาไหว้พระมาทำบาปกันลูกเดียว ! แต่แม้จะรู้หลบเป็นปีก หมอนั่นก็ยังช้าอยู่ดี เพียงแค่ทันได้หันหลัง หนึ่งในจำนวนพล
รบลูกแถวของสามหนุ่มอันตรายก็โผเข้าประชิดตัว
ซะแล้ว ! ไม้เนื้อแข็งดุ้นโตหวิดเท่าแขนที่เงือดเงื้อขึ้นสูง ถูกเหนี่ยวฟาดลงสุดลิ่มทิ่มประตู !
บี้ก...!!!
"โอ๊ยย...!!!"
คนถูกตีร้องลั่น เมื่อท่อนไม้พลาดจากหัวที่ทั้งหดทั้งเอียงหลบ ถากใบหูซ้ายลงเข่นเหนือไหปลาร้ารุนแรงเหลือรับ !
พระเดชพระคุณทำอสการไหล่ลู่เอียงกะเท่เร่ และถลาไปข้างหน้าเล็กน้อยก่อนจะโดนกระหน่ำด้วยไม้สอง
โผะ...!!!
อึงวดนี้แพ่นลงกลางกระหม่อมจังเบอร์! ร่างของหนุ่มเคราะห์ร้ายกระตุกสะท้านขึ้นทั้งตัวแล้วเซซังทรุดยวบ!
มือไม้แฉลบสายตามองเลือดข้นคลักที่พรูทะลักออกมาจากแผลแตกกลางกบาลหมอนั่นอย่างสะใจแล้วยันตัวโลดตามพรรคพวกซึ่งกรูเกรียวไปก่อน
ซึ่งนั่น... เป็นจังหวะเดียวกับที่ปุ๊ ระเบิดขวด ทะยานนำดำ เสโช่ ปุ๊ กรุงเกษม และเบ๊ปลายแถวอีกสองหน่อ โจนข้ามบันไดซีเมนต์เตี้ย ๆขึ้นบนกุฏิ
และถลันผ่านเข้าประตูที่เปิดกว้างช่วงเวลานั้น ไม่มีทั้งแหลมสิงห์หนุ่มผู้คุม และจ้อด เฮาดี้ อยู่ในจำนวนพวกพ้องบริวารที่คอยห้อมล้อมรับใช้พระแดง สองหนุ่มห้าวปลีกตัวออกไปธุระปะปังที่อื่นนานแเล้ว ที่ยังอยู่มีเพียง แดง ไตรรงค์, แก้ว ไบร์เล่ย์ กับวัยรุ่นอีกสามนาย ซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าจะถูกจู่โจมกะทันหันถึงในวัดวาอาราม พอตระหนักแน่ว่าเกิดเหตุร้ายทั้งหมดก็ขยับท่าจะเผ่นสวนออกทางประตูกุฏิแต่เมื่อเจอศัตรูก็ต้องกระเจิงกลับ แตกฮือไปคนละทิศ !
ส่วนพระใหม่เพียงแต่ทันได้ถลันลุก จิ้งจอก
อันตรายจากตรอกสาเกก็สะอึกประชิดตัว มีดปลายแหลมเปลือยคมขาววับจี้หมับเข้าตรงชายโครงไม่แต่เท่านั้น ปุ๊ ระเบิดขวด ยังถลึงตากระชากเสียงตวาดพระอย่างไม่ยำเกรงผ้าเหลือง
"อย่าขยับนะ !"
ชาติบุรุษผู้ครองเพศพรหมจรรย์อยู่ในร่มกาสาวพัสตร์ซึ่งปราศจากอาการสะทกสะเทือน ยืน
สงบปิดปากนิ่งอัน ! และได้แต่ขบกรามกดข่มระงับสติอารมณ์ ขณะที่บรรดาลูกศิษย์พระต่างวิ่งพล่านหัวซุกหัวซุน หนีมีดไม้อลหม่านไปทั่วห้อง ทุกคนถูกฝ่ายตรงข้ามแยกย้ายกันประกบตัว ทั้งไล่ตีและฟันแทงอุตลุด
เสียงอาวุธกระทบเป้าหรือไม่ก็พลาดไปโดนวัตถุอื่น เสียงสบถคำกราดเกรี้ยว เสียงร้องเจ็บปวด และเสียงฝีเทสับสน ดังระคนปนเปกันฟังไม่ได้ศัพท์! เพียงครูใหญ่ๆ วัยรุ่นลูกศิษย์พระนายหนึ่ง ก็ทลุดลงไปกองกับพื้นอย่างหมดรูป ขณะเดียวกัน อีกคนซึ่งมีเลือดแดงสะพรั่งอาบแก้ม ก็ตัดสินใจพุ่งหลาวออกทางหน้าต่างอย่างไม่กลัวคอหัก
ลิ่วล้อปลายแถวที่เหลือหนึ่งในสาม ถูกหวดด้วยไม้หัวทิ่มไปหาประตูกุฏิ และก็รีบฉวยโอกาสอันหาได้ยาก โดดหนีออกไปโดยไม่รอพระรอเณรองค์ใดทั้งสิ้น ! แก้ว ไบร์เล่ย์ ก็เล็งประตูกุฏิไว้เช่นกัน ! จังหวะที่คู่ต่อสู้ซึ่งใช้ไม้เป็นอาวุธ ตีพลาด และเสียหลักเปิดช่องให้เขาก็สวนด้วยแข้งซ้ายนาบชายโครงเต็มแรง !
พลั่ก...!!!
เสียงดังยังกะเตะกระสอบแกลบ หมอนั่นซึ่งเป็นบริวารติดตามนักบู๊ตรอกสาเก แยกเขี้ยวเบี้ยวปากเชสะเปะสะปะถอยกรด ! ไอ้หนุ่มแก้วใจมาเป็นปี๊บ ละลานหมุนตัว โจนผึ่งไปหาประตูอย่างไม่รั้งรอ
แต่ก็ไม้พ้นเคราะห์ ! เพราะยังมีสมุนลูกแถวของขาใหญ่บางลำภูอีกคนหนึ่ง ถลันไล่โดยเงื้อดาบยาวขึ้นสุดล้า ! แก้ว ไบร์เล่ย์ ไปได้แค่ธรณีประตู ดาบคมกริบก็ถูกเหนี่ยวขวับลงด้วยเรี่ยวแรงทั้งหมด !
ควาก...!!!
“อ๊ากกก์...!!!”
แก้ว ไบร์เล่ย์ ผวาแอ่นอกโลดทะลึ่งหลุดออกประตูกุฏิ พร้อมทั้งแผดร้องสุดเสียง ! เลือดแดงฉาดทะลักพรวดเต็มแผ่นหลัง โชกชุ่มเสื้อขาวที่ขาดเฉียงเป็นทางยาวตั้งแต่ไหล่ขวาแล่งลงไปเลยบั้นเอวด้านซ้าย แน่ละ เนื้อหนังก็ถูกคมเหล็กเปิดแผลเหวอะในแนวเดียวกัน ! เคราะห์ยังไม่ร้ายหนักหนาสาหัสจนเกินไป
ด้วยจังหวะฟันเป็นระยะสุดเอื้อมของฝ้ายไล่ ไอ้รุ่น
หลานชายพระแดงจึงเจอเพียงปลายดาบ ซึ่งกรีด
เฉือนผ่านไปไม่ลึกถึงกับหั่นกระดูกกระเดี้ยวแตก
หักขาดสะบั้น
ร่างสันทัดถลาร่อนผ่านระเบียงแคบ ๆ ปราศจากราวกั้น คะมำม้วนต้วนหล่นลงกระแทกพื้นหน้ากุฏิพลักสนั่น ! และแล้วก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นวิ่งหนีอย่าง
ไม่คิดชีวิต ทั้งๆที่แผ่นหลังเอิบอาบไปด้วยเลือดข้น
คลั่ก ! ในกุฏิจึงเหลือเพียง แดง ไตรรงค์ ที่ยังยืน
อยู่ได้ และกำลังพยายามใช้ความว่องไวบวกกับ
กลยุทธ์ทุกรูปแบบ หลบหลีกคมดาบสลับกับการ
ตอบโต้สกัดกั้นด้วยมือเปล่าเท้าเปลือยสุดฤทธิ์ !
แต่สถานการณ์ก็ร่อแร่ดับขันเจียนอยู่เจียนไป เพราะมือดาบไม่ใช่ธรรมดา ดำ เอ็สโซ่ ! หนุ่มอันตรายจากสวนมะลิซึ่งดุดันเหี้ยมเกรียมเต็มพิกัด กระชับอาวุธรุกไล่ทิ่มแทงและเหวี่ยงกวาดปิดกั้นทางหนีไม่ให้ฝ่ายตรงข้สมหลบรอดไปได้ มันทำเอาหนุ่มชื่อเดียวกันกับเจ้าของกุฏิ ต้องถอยร่นไปจนชิดหน้าต่างด้านข้าง
และเมื่อคู่ต่อสู้อยู่ในสภาพจนตรอก ดำก็ขยับดาบหลอกล่อหาจังหวะแล้วโผนเข้าฟันเต็มเหนี่ยว!
เช้งง็....!!!
คมเหล็กแกร่งจวกเข้ากับผนังซีเมนต์ข้างกรอบหน้าต่างดังแสบเสียวไปถึงแก่นกระโหลก เพราะอีกฝ่ายพลิ้วตัวหลบอย่างฉับไว สะเก็ดไฟฉีกประกายแตกวาบ ! เสี้ยววินาทีติดต่อกัน ฝ่าเท้าข้างขวาของคนมือเปล่าก็ยันสวนเข้ากลางอกอย่างถนัดถนี่ !
บี้ก...!!!
"อื้อ์...."
ดำ เอ๊สโช่ สำลักสียงหลุดออกมาจากปากสั้นๆ ร่างสูงเปรียวกระเด้งกระดอนถอยหลังยังกะถูกกระทุ้งด้วยเสาเข็ม และนั่นคือโอกาสรอดของแดง ไตรรงค์ ซึ่งมีเพียงน้อยนิด ! เขาหมุนตัวโจนแผล็วขึ้นบนขอบหน้าต่างเร็วเหมือนลิง แต่นักเลงสวนมะลิก็รวดเร็วไม่แพ้กัน ! พี่แกเสียหลักถอยไปเพียงสามก้าวก็ยันตัว
ทะยานกลับโถมเข้าหวดด้วยดาบยาวที่เงื้อดเงื้อสุด
ที่หมายคือกลางหลัง ! มันเป็นจังหวะเดียวกับที่ฝ่ายนั้นทะลึ่งลุกโผนลงจากขอบหน้าต่าง คมดาบจึงพลาดเป้าเดิมจวกเข้าตรงโคนขาด้านหลังเต็มรัก !
ฉัวะ...!!!
โอ๊ยย...!!!
คนถูกฟันแผดร้องเจ็บปวด เลือดแดงสะพรั่ง สาดพรวดก่อนที่เจ้าตัวจะหล่นลับขอบหน้าต่าง ลงตอกดินเบื้องล่างอีกพลั่ก ! จากนั้นก็มีเสียฝีเท้าวิ่งกะโผลกกะเผลก ทุลักทุเลห่างออกไป
กุฏิหลังย่อมคืนเข้าสู่ความเงียบอีกวาระหนึ่ง! ผู้ครองเพศบรรพชิตซึ่งยังอยู่ในอำนาจมีดปลายแหลมที่จ่อชายโครง มองกวาดไปรอบ ๆด้วยท่วงท่าสงบเยือกเย็น บอกถึงการควบคุมสติอารมณ์ได้แน่วแน่มั่นคงไม่หวั่นไหว และแล้วก็หยุดสายตาจับนิ่งที่เจ้าถิ่นวงเวียนเล็ก ซึ่งกระชับมีดสั้นยืนห่างออกไปไม่กี่ก้าว
มองนิ่งอยู่ชั่วขณะ พระก็เลิกคิ้วถาม
"โยมก็เอากะเขาด้วยรึ ?"
ปุ๊ กรุงเกษม เชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย
"ผมจำเป็นต้องเอาคืน มันหยามกันเกินไป !”
"แปลว่าโยมไม่เห็นแก่หน้าอาตมา...?"
"ผมไม่แตะต้องท่านก็แล้วกัน !"
พระแดงผงกศีรษะเนิบช้ำ เบือนมาสบตาขาใหญ่บางลำภูที่ยังกำมีดค้ำชายโครง พลางเอ่ยถามเสียงขรึมหนัก
“พอใจรึยัง ?!”
ปุ๊ ระเบิดขวด ถอยปลายมีดออกห่างชายโครงภิกษุหนุ่ม สอดเข้าฝักหย่อนลงกระเป้ากางเกงแล้วยักไหล่พรีด !
"สำหรับวันนี้...พอ!""
เจ้าของกุฏิกระตุกหัวคิ้วเข้าหากันนิดเดียว
“ยังจะมาอีกรึ ?”
"ก็ไม่แน่ รู้มั้ยว่าผมทำแบบนี้เพื่ออะไร ?”
"อาตมาไม่ทราบ"
"ข้อแรก เพื่อแก้คืนให้ปุ๊เจิดที่ถูกเหยียบ
ย่ำรังแกช้ำแล้วซ้ำอีก"
"มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด"
จิ้งจอกอันตรายเหยียดยิ้มแค่น ๆ
"แต่ก็ตีถูกนะ หวดเปรี้ยงเข้ากลางกบาลแถมยังโดนทั้งมือตีนอีกต่างหาก !""
พระแดงถอนใจลึก ๆ
"อาตมาห้ามไม่ทัน"
"อย่าแก้ตัวชะให้ยากเลย ขี้ฟันพระก็ไม่ได้หอมไปกว่าชาวบ้านหรอก"
"แต่ว่า..."
"ข้อที่สอง เพื่อแสดงให้เห็นว่าถ้าปุ๊ ระเบิดจะลุยชะอย่าง จะเป็นที่ไหนก็ไม่สำคัญ ออกฤทธิ์เดชได้ทั้งนั้นไม่เหมือนท่านที่หดหัวหลบอยู่แต่ในวัด"
"ก็อาตมาเป็นพระ ไม่ใช่ฆราวาส"
ตัวแสบแห่งตรอกสเกเบะปากหยันเยาะ
"มันก็แค่ข้ออ้าง ฮี่เท่อ...อาศัยผ้าเหลือ
คุ้มหัวน่ะไม่ว่า"
ภิกษุหนุ่มส่ายหน้าช้า ๆ
"ไม่ใช่คุ้มหัวอย่างเดียวนะ...โยม ทุกวันนี้ผ้าเหลืองคุ้มใจอาตมาด้วยให้มันรู้จักสงบเย็นลงบ้าง”
"ให้ตาย ! ผมบุกมาอาละวาดถึงกุฏิแบบนี้ ยังทนเย็นอยู่ได้อีกเรอะ ?"
"โยมก็เห็นแล้วด้วยตาตัวเอง”
ปุ๊ ระเบิดขวด ขบเขี้ยวเคี้ยวกรามฮึดฮัด ด้วยยความเคืองขุ่นงุ่นง่าน
"นี่เท่ากับผมมาท้สทายนะ แน่จริงสึกซี่ ออกไปฟาดกันให้แหลกไปข้างนึง !"
ผู้ครองเพศบรรพชิตส่ายหน้าอีกหน
"อาตมายังบวชไม่ครบพรรษา"
"จะครบหรือไม่มันเรื่องเล็ก ของมันแหกพรรษากันได้ถ้าใจถึง"
"อย่าพยายามยั่วยุให้พระสึกเลย...โยม อาตมายังไม่ร้อน"
"ผมจะทำให้ผ้าเหลืองร้อนจนได้ คอยดู !"
ขาใหญ่บางลำภูกระแทกเสียงเดือดดาล พล่านพลุ่ง ก่อนหมุนตัวก้าวนำดำ เอ็สโซ่ กับปุ๊ กรุงเกษม และสามบริวารลงจากกุฏิ พระแดงได้แต่ยืนมองตาม จนกระทั่งกลุ่มผู้บุกรุกหายลับไปจากสายตาที่ยังสงบเย็น !
ร้านเป็ดย่างขนาดสองคูหาร้านนั้นตั้งอยู่ในแถวตึกอาคารพาณิชย์ริมถนนดินสอ ฝั่งตรงข้ามกับศาลาว่าการ กทม. ซึ่งสมัยก่อนยังมีฐานะเป็นเพียงเทศบาลนครกรุงเทพฯ มันเป็นช่วงเวลาหัวค่ำ แต่แขกที่นั่งดื่มกินในร้านกลับค่อนข้างโหรงเหรง ไม่คึกคักหนาตา
อย่างที่ควรจะเป็น ที่โต๊ะด้านในสุด เด็กหนุ่มสองนายซึ่งเพิ่งบรรจุข้าวหนเป็ดลงกระเพาะไปคนละจาน กำลังนั่งละเลียดชาคำเย็นตบท้ายกันอยู่เงียบ ๆ หนึ่งในสองคนคือวัยรุ่นเจ้าของชื่อป้อม ซึ่งเคยถูกดำ เอ๊สโซ่ทิ่มด้วยกำปั้นชะคว่ำลงไปจูบฝุ่นที่ย่านการค้าราชประสงค์
แน่ละ ทั้งคู่ต่างก็เป็นสมาชิกร่วมแก๊งวัยรุ่นในสังกัดเจ้าตรอกไบร์เล่ย์ ! สองหนุ่มตั้งใจจะมาเยี่ยมพระแดงที่กุฏิ แต่ก็ชวนกันแวะกินข้าวไห้อิ่มท้อง ก่อนที่จะเดินต่อไปยังวัดสุทัศน์ซึ่งเห็นเสาชิงช้าเด่นสง่าอยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งเมื่อยังไปไม่ถึงวัด ก็ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่กุฏิพระใหม่ และมันแย่หนักเข้าไปอีก ตรงที่หลังจากสำแดงฤทธิ์เดชอาละวาดฟาดงวงฟาดงสในวัดสะใจ
กลุ่มวัยรุ่นอันตรายซึ่งมีปุ๊ ระเบิดขวด เป็นหัวโจก ก็
เดินเอ้อระเหยลอยชายเลาะมาตามบาทวิถีของถนน
ดินสอ มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
จุดประสงค์ก็เพื่อหาของมึนเมา ฉลองชัยชนะให้เต็มคราบ! สถานที่ถูกกำหนดไว้แล้ว ร้านเป็ดย่างหน้าเทศบาลนครกรุงเทพฯ ไอ้หนุ่มป้อมจ่ายค่าอาหารและชาดำเย็นของตัวเองกับเพื่อนผิวคล้ำฟันเหยิน แต่ดันทะลึ่งไว้ผมเผ้าและแต่งตัวเลียนแบบเอลวิสไปเรียบร้อยแล้ว ที่สองวัยรุ่นยังนั่งเกาะโต๊ะอยู่ในลักษณะเดิมไม่ลุกไปไหน ก็เพื่อรอเงินทอนแค่สองบาท แต่หากมีญาณวิเศษล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า
ต่อให้เป็นเงินชักยี่สิบ ซึ่งมีค่ามากกว่าแบงค์ร้อย
สมัยนี้พวกเขาต้องไม่ยอมเสียเวลาอย่างแน่นอน !
นั่งกระดิกเท้าคอยอยู่ไม่นานนัก อาเฮียซึ่งบังเอิญเศษเงินขาดเก๊ะต้องใช้เด็กไปแลกจากร้านข้างเคียง ก็เดินเข้มายื่นเหรียญบาทให้สองอัน ป้อมรับเงินหย่อนลงกระเป๋า ยันตัวลุกขึ้นพร้อม ๆกับเพื่อนและขยับจะก้าวออกจากร้าน ขยับได้นิดเดียว สองหนุ่มก็ต้องชะงักกึก และสะดุ้งเฮือกขึ้นทั้งตัวในฉับพลัน !
เพราะที่ยืนจังก้าขวางช่องทางออกอยู่หน้าร้าน คือจอมประลัยกัลป์จากตรอกสาเก ซึ่งขนาบข้างซ้ายขวาด้วยดำ เอ็สโซ่ กับลิ่วล้อหุ้นล่ำอีกหนึ่งนาย ! อะไรไม่ว่า ฝ่ายตรงข้ามกำลังจ้องเขม็งเข้ามาทางโต๊ะก้นร้านด้วยสายตามาดร้าย ไม่ผิดอะไรกับหมาป่ามองลูกแกะ ทั้งคู่กระเดือกน้ำลายเหนียวหนับลงคอแห้งผากอย่างฝืดฝืน พลางกลอกตาเหลือบแลไปทางดูหาด้านช้ายมือซึ่งทะลุโล่งถึงกันโดยตลอด
อมิตตพุทธ ! หน้าดูหาด้านนั้น ก็มีร่างของจอมซ่าแห่งวงเวียนเล็กซึ่งสูงใหญ่กว่าใครเพื่อน ปักหลักขวางอยู่พร้อมด้วยบริวารอีกสองหน่อของจิ้งจอกอันตราย เป็นอันว่าทางออกที่พอจะมองเห็น ไม่มีหลงเหลือไว้ให้เลย มันถูกปิดกั้นทุกประตู ! ลูกแกะเคราะห์ร้ายที่พลัดหลงมาเจอหมาป่าเข้าอย่างไม่คาดฝัน ต่างหันรีหันขวางละล้ำละลัง อยู่ชั่วขณะก็ต้องสะดุ้งผวาไม่เป็นส่ำ ไม่ให้สะดุ้งได้ยังไง ในเมื่อ ดำ เอ๊สโซ่ไหวตัวก้าวนำปุ๊ ระเบิดขวดปราดเข้ามา โดยทิ้งสมุนหนึ่งนายคุมเชิงไว้หน้าร้านที่เก่า พอปรี่มาถึงก็ไม่มีการพูดพล่ามทำเพลงอันใดทั้งสิ้น
นักเลงสวนมะลิสะอึกเข้ประชิดหนุ่มป้อม อย่างกระเหี้ยนกระหือ หลังมือขวาสะบัดขวับ !
ฉาด...!!!
"โอ๊ยย...!!!"
คนถูกตบหลุดเสียงร้องเจ็บปวด เมื่อหลังมือหนาหนักตะบันรวบบริเวณแก้มและมุมปากขวาเต็มที่เต็มทาง !
เลือดปนน้ำลายกระจายกระเซ็นว่อน ! วัยรุ่นดวงชวยถึงกันหน้าสะบัดเริ่ด หมุนคว้างเข้าชนเก้าอี้ข้างโต๊ะโค่นล้มโครมครามลงไปด้วยกัน พร้อม ๆกับที่ขาใหญ่บางลำภูเหวี่ยงแข้งขวาทุบชายโครงซ้ายจิ๊กโก๋ฟันเหยินอย่างไม่ยั้งแรง !
พลั่ก...!!!
เอลวิสเหยินร้องอู้ ร่างสะโอดสะองทรงจิ้งเหลนกระดอนไปชนผนังมุมห้องอีกตึงสนั่น ! และแล้วก็งอก่อซุกอยู่กับซอก กุมชายโครง ทำหน้าเบี้ยวด้วยความจุกเสียดระคนเจ็บปวด แขกที่นั่งดื่มกินเพลิน ๆอยู่ในร้านแค่สามโต๊ะ ทะลึ่งถลันลุกพรวดพราดอย่างตื่นตระหนก
"ไอ้หยา--า...ชี้เลี้ยว...!!"
อาม้าวัยเลยห้าสิบซึ่งมากับครอบครัว ร้องลั่น ! เจ้าหล่อนรวมทั้งคนอื่น ๆขยับท่าจะเผ่นออกจากร้านตามประสาคนถือภาษิตเอาตัวรอดเป็นยอดดี แต่ก็ต้องชะงักกันทั้งเทือก เพราะเบื้องนอก มีวัยรุ่นอันตรายยืนปักหลักเรียงรายกั้นหน้าร้านอยู่เป็นแผง และด้วยสีหน้าท่าทางที่บอกชัดว่าห้ามผ่านเด็ดขาด ! ปุ๊ ระเบิดขวด หันขวับไปมองกลุ่มแขกที่กำลังเรรวนระส่ำระสายด้วยหน่วยตาดุกระด้าง แข็งกร้าว พลางแค่นเสียงเกรียมกระหึ่ม !
"ยังไม่มีใครตายหรอก และก็ไม่ต้องแตกตื่นวิ่งออกไปข้างนอกให้มันเอิกเกริกโดยใช่เหตุเดี๋ยวเจ้าของร้านเขาจะเก็บเงินไม่ได้ !"
อาม้าคนเดิมซึ่งทำอาการเหมือนจะลมใส่ ตะกุกตะกักปากคอสั่น
"คือ...คือว่า...อั้ว..."
"อาเถอะ นั่งโต๊ะใครโต๊ะมันหยั่งเก่าก็แล้วกัน รับรองไม่มีอันตราย พวกผมเพียงแต่มาคิดบัญชีกะไอ้สองตัวนี่เท่านั้นเอง คนอื่นไม่เกี่ยว"
จบคำ หลายคนยังลังเลตัดสินใจไม่ถูก ทำเอาหัวโจก เคี้ยวกรามกรวมสนั่นก่อนกระชาก
เสียงเกรี้ยว !
"นั่งลง !!"
หลังเสียงกระด้างดุดันของปุ๊ ระเบิดขวด อาอึ่ม อาม้า อากู๋อาเฮียมวยเล็กตี๋น้อยประดาต่างกระมิดกระเมี้ยนกลับเข้านั่งประจำที่เก่าอย่างไม่อิดเอื้อน จิ้งจอกอันตรายระบายลมหายใจแผ่ว แล้วบอกด้วยน้ำเสียงที่ลดราความแข็งกร้วลงหลายส่วน
"ขอโทษที่เสียงดังไปหน่อย ความจริงพวกผมไม่ได้คิดจะรบกวนใคร ไม่คิดจะขู่เข็ญบังคับ เพียงแต่ต้องการให้อยู่ในความสงบเท่สนั้นแหละ นั่งกิน
ก้ไปตามสบายเถอะ อย่าแตกตื่นวุ่นวายเป็นพอ"
เอ่ยจบ เขาหันมาผงกศีรษะกับจอมห้าว ดำ เอ๊สโช่ พยักหน้ารับก่อนสะอึกเข้าหาคนฟันเหยินซึ่งยังยืนงอก่อชุกมุมห้อง ฉกมือซ้ายตะปบคอเสื้อกระชากออกมารับทั้งหลังและฝ้ามือขวาที่ฟาดสวนสองครั้งซ้อน !!
ฉาด...!!! ฉาด...!!!
เอลวิสเหยินหน้าสะบัดซ้ายขวาอย่างแรง เหมือนคอจะหัก ทรงผมที่ปาดตันโจติ๊คไว้ชะดิบดีแปรสภาพเป็นรังอีแร้งไปในพริบตา ทั้งจมูกและปากมีเลือดทะลักไหลพราก !
"ไอ้หยา--า...!!"
คนร้องกลับเป็นอามาเจ้าเก่า ซึ่งตาลีตาเหลือกยกมือปิดปากตัวเองประกบแน่น นักเลงสวนมะลิผลักพี่เหยินเชกลับเข้ากระแทกหลังกับผนังมุมห้องดังพลั่ก แล้วหันมาคว้าคอเสื้อคนที่เพิ่งยักแย่ยักยันลุกขึ้น
แต่หัวโจกชิงร้องห้ามเสียก่อน
"พอแล้วดำ เดี๋ยวมันจะไปหาลูกพี่ไม่ได้"
เจ้าของฉายาน้ำมันตราเสือ คลายมือลากก้าวถอยห่างเล็กน้อย ก่อนที่ขาใหญ่บางลำภูจะตวัดเสียงถามหนึ่งในสองลูกแกะ
"ข้าต้องการให้เอ็งไปวัดสุทัศน์ ได้มั้ย ?"
หนุ่มป้อมซึ่งปากคอเลอะไปด้วยเลือด ทำตาปรอยตอบเสียงแหบแห้งเบาหวิว !
"เรากำลังจะไปที่นั่นอยู่แล้ว"
"ดี เอาแผลไปอวดพระแดง และบอกด้วย
ว่าไอ้ปุ๊ ระเบิดขวด จะตามรังควานพวกเอ็งทุกที่ทุก
ทางเรื่อยไปไม่หยุดยั้ง จนกว่าเขาจะสึก !"
"หมายความว่าจะให้พระสึกออกมารบกะนาย...?"'
"แน่นอน เพราะตราบใดที่เขายังอยู่ในผ้าเหลืองข้าก็ทำอะไรไม่ถนัด"
"เราจะบอกท่านตามนี้"
"เออ เกิดพระแดงเหลืออดเหลือทนสึกซะคืนนี้ได้ยิ่งวิเศษ ถ้าสึกทันก่อนสี่ทุ่มก็ให้มาที่นี่เลยข้าจะรอ !”
ลูกแกะถอนใจแฮ่ กลอกตามองซ้ายขวา อย่างไม่วายหวาดก่อนเอ่ยถามอ่อย ๆ
"จะให้เราไปกันได้รึยัง ?"
ตัวแสบจากตรอกสาเกถลึงตา
"เอ็งจะอยู่หาเกือกอะไรอีกล่ะ ? ไปเซ่ะ !"
ไม่ต้องให้เตือนช้ำเต็กหนุ่มเคราะห์ร้ายทั้งสองนายใช้ผ้าเช็ดหน้าคนละผืนปิดปากคอที่เปรอะเลือดกระเชอะกระเชิงออกจากร้านเป็ดย่างอย่างไม่รอช้า
การที่สมัครพรรคพวกในสังกัดถูกระราน รังแกฝากถึงลูกพี่พร้อมกับคำท้ทายอีกสองคน หลังจากที่ในวัดเพิ่งจะเจ็บระนาวกันไปหมาด ๆย่อม เป็นเรื่องทิ่มแทง
แต่ภิกษุหนุ่มก็ยังมีขันติพอที่จะสะกดอดกลั้น ยึดเอาพระธรรมคำสอนของตถาคตและแม่บังเกิดเกล้าเป็นสรณะ วางตนมั่นอยู่ในความมีสติ และสมาธิ
คืนนั้นจึงไม่มีการสึกหาลาเพศ วันต่อมา พระใหม่จากตรอกไบร์เล่ย์ก็ยังไม่มีที่ทว่าจะเกิดอาการแปลกเปลี่ยนอันใด ยังสงบเย็น ! คนที่รุ่มร้อนทุรนทุรายอยู่ไม่เป็นสุขกลับ เป็นฝ่ายที่ดิ้นรนหาเรื่อง เมื่อพระแดงวางเฉยปราศจากปฏิกิริยา ตอบโต้ ปุ๊ ระเบิดขวดก็ยิ่งเคืองขุ่นงุ่นง่านหนักขึ้น เป็นลำดับ !
และก็ระบายอารมณ์พลุ่งพล่านดาลเดือด ด้วยการพาพวกพ้องบริวารออกอาละวาด ตระเวนออกอิทธิฤทธิ์ข่มเหงคะเนงร้ายคนของคู่อามาดไม่ว่างเว้น เจอที่ไหนเป็นเจ็บที่นั่น !
แต่ไม่ว่าจะเปิดเกมรุกบ้าระรุนแรงเพียงไร ก็ดูเหมือนจะไร้ผลเป็นรูปธรรม เพราะอีกฝ้ายยังเยือกเย็นนิ่งเฉยอยู่ในกำแพงวัด ราวกับเป็นพระอิฐพระปูนที่ไม่รู้จักร้อนหนาว เล่นเอาจอมประลัยกัลป์แห่งตรอกสาเก
แทบจนด้วยเกล้าเลยทีเดียว
"บอกตรง ๆว่าข้าหมดปัญญา ไม่รู้จะหาวิธีไหนมาทำให้พระแดงสึกได้"
เขาเอ่ยขึ้นอย่างหงุดหงิดขุ่นมัว ขณะอยู่กันพร้อมหน้าทั้งปุ๊ กรุงกษม, ดำ เอ๊สโช, เหลิม พรานนก และลิ่วล้อปลายแถวอีกสองคนที่โต๊ะมุมหนึ่ง ของลิตเติ้ลโฮม เบเกอรี่ ราชประสงค์ ช่วงนั้น ฟ้ามืดไปนานโขแล้ว !
หลังเสียงบ่นของจอมกวนเมือง หนุ่มแสบจากวงเวียนเล็กตระกองแก้วเบียร์ขึ้นจิบด้วยท่วงท่าละเมียดละไม ตามแบบฉบับจอมยุทธ์หุ่นสำอางชอลิ่วเฮียง ก่อนเอ่ยเนื่อย ๆไม่ยินดียินร้าย
"ครบพรรษาท่านก็สึกเองละน่า"
หัวโจกหันมาทำตาขุ่นกับคนพูด
"แต่ข้าขี้เกียจรอ มันนานเกินไป"
"น่า...ช้า ๆได้พร้าเล่มงาม"
"ใช่ แต่เอ็งต้องรีบตีเหล็กตอนมันกำลังร้อน”
ปุ๊ ระเบิดขวด สวนคำด้วยภาษิตไทย ๆซึ่งขัดแย้งกันอยู่ในที ทั้ง ๆที่เป็นเรื่องเดียวกัน ดาวดังฝั่งธนฯ แผ่วหัวเราะขำ ๆแล้วเอ่ยที
"งั้นก็มีอยู่วิธีเดียว เอ็งบุกเข้าไปจับพระสึก
ซะให้รู้แล้วรู้แร่ด !"
"พูดบ้า ๆ ใครจะไปทำอย่างนั้นได้วะ ?"
"เมื่อทำไม่ได้ก็ต้องรอ อ๊ะ...."
คำท้าย เขาร้องเบา ๆเมื่อเห็นสาวรุ่นสามคน
และเด็กหนุ่มลักษณะท่าทางเป็นผู้ติดตามอีกหนึ่ง
ก้าวผ่านประตูกระจกเข้ามาในลิตเติ้ลโฮม เบเกอรี่
และหนึ่งในสามอนงค์ไม่ใช่ใครที่ไหน นักร้องสาว #วัลภา !
"แอ๊วมาว่ะ !"
ปุ๊ กรุงเกษม ออมเสียงบอกพอได้ยินกันในโต๊ะ ทำเอาพรรคพวกสะบัดหน้าหันขวับไปมองพร้อม ๆกัน และจ้องดูจนกระทั่งกลุ่มผู้มาใหม่ยอบตัว
ลงนั่งรายล้อมโต๊ะห่างออกไปพอควร จิ้งจอกอันตรายแห่งตรอกสาเก หันกลับมาทิ้งหลังลงอิงพนักเก้าอี้ หรี่ตานิ่งเงียบในลักษณะใคร่ครวญครู่ใหญ่ ความคิดหนึ่งก็ผุดแว่บขึ้นมาในสมองที่เต็มได้ด้วยเล่ห์เพทุบาย เขาเหยียดยิ้มกระหยิ่มพลางพยักหน้าเนิบช้าก่อนเอ่ยอย่างมาดมั่น
"รังแกผู้ชายมามากแล้วไม่ได้ผล ลองรังแกผู้หญิงดูมั่งชีวะ !"
เจ้าถิ่นวงเวียนเล็กกระตุกหัวคิ้วขมวดย่นจ้องหน้าหัวโจกนิ่งอั้นอยู่ไม่กี่วินาทีก็เอ่ยทวนด้วยน้ำเสียงคลางแคลง
"รังแกผู้หญิง...หมายถึงแอ๊วรึเปล่า...?"
"จะใครอีกล่ะ ?"
"เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยนา..."
"ไม่สำคัญ ขอให้เป็นคนที่พระแดงห่วงใยก็พอ"
จอมลุยจากฝั่งธนฯ ขยับตัวอึดอัด
"แต่ข้สว่ามันคงไม่เหมาะ ถ้เราจะรุนแรงกะผู้หญิงซึ่งไม่มีทางสู้รบตบมือด้วย"
ขาใหญ่บางลำภูย่นจมูก
"เอ็งคิดมากไป ใครบอกล่ะว่าข้าจะใช้กำลังไล่ทุบตีหรืออะไรทำนองนั้นกะหล่อน ?"
"ถ้างั้น...?"
"แค่วางอำนาจข่มขู่นิด ๆหน่อย ๆไห้เจ็บใจเล่น เผื่อแอ๊วจะเอาไปฟ้องพระ"
"เอ็งจะทำไง ?"
"ไม่ใช่ข้า เอ็งต่างหากล่ะ"
"เฮ้ย...!"
หัวโจกโบกมือยิ้ม ๆ
"อย่าทำหน้าหยั่งงั้น มันไม่ยากเย็นอะไรหรอก แค่ลุกไปบอกแอ๊วว่าข้าสั่งให้จ่ายเงินโต๊ะนี้ด้วยเท่านั้นเอง”
ปุ๊ กรุงเกษม ซังกะตายยกแก้วขึ้นจิบเบียร์อย่างเซ็งๆ แล้วถอนใจหนักอก เพรสะเขาไม่เพียงแต่จะสนิทสนมคุ้นเคยกับแดง ไบร์เล่ย์ มาก่อน กับแอ๊ว วัลภา เขาก็รู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดี ! ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังไว้เนื้อเชื่อใจให้เกียรติเขาเสมอมา เด็กหนุ่มวางแก้วลง หันไปสบตาคนออก ความคิดพร้อมกับที่ฝ่ายนั้นเลิกคิ้วถาม
"ว่าไง ?"
เขาสั่นศีรษะ
"เสียใจว่ะ เรื่องนี้อยาให้ข้ายุ่งด้วยเลย เอ็ง
ใช้คนอื่นดีกว่า"
เจ้าถิ่นตรอกสาเกทำหน้านิ่ว
"ไหงงั้นน่ะ ?"
"ก็แอ๊วกะข้าไม่ได้มีเรื่องขุ่นเคืองบาดหมางกันซักหน่อย คุ้นเคยกันด้วยช้ำ"
"เฮ่ย...ไม่จำเป็นต้องโกรธเคืองอะไรนี่หว่าจะรวนซะอย่าง"
นักบู๊สำอางยักไหล่
"ถึงไงข้าก็ไม่เอา !"
จิ้งจอกอันตรายพยักหน้าอย่างยอมจำนน
"โอเค ข้ารู้ว่าเอ็งยังเกรงใจพระแดง"
"นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่ที่สำคัญกว่าอย่างอื่นก็คือ...เธอเป็นผู้หญิง !"
ปุ๊ ระเบิดขวด หันไปทางเด็กหนุ่มวัยเดียว กันอีกนายหนึ่ง ซึ่งนั่งเงียบอยู่คนละฟากโต๊ะ
"เหลิม เอ็งแสดงก็แล้วกัน ไปบอกแอ๊วให้จ่ายค่าของโต๊ะนี้ได้มั้ย ?"
แม้จะไม่ใช่สมุนปลายแถว แต่เหลิม พรานนกก็เป็นเพียงมือระดับรองลงไปจากสามหนุ่ม เมื่อหัวโจกสั่ง มีหรือที่จะกล้ขัด ?
"ได้"
หมอตอบอ่อยๆ ลุกขึ้นจ้ำดิ่งไปยังโต๊ะของนักร้องสาวคนสวย ก้มลงพูดคุยกับวัลภาสองสามประโยคก่อนหมุนตัวเดินหงอยกลับมา และยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ขาใหญ่บางล่ภูก็ชิงตวัดเสียงถามสั้น ๆ
"เป็นไง ?"
เหลิม พรานนก ส่ายหนละห้อยละเหี่ย
"ไม่สำเร็จ"
"อ้าว...!"
"แอ๊วบอกว่าถ้าปุ๊เจิดขอละก้อ...เธอยินดี"
"หมายความว่า...."
"ถ้าเป็นปุ๊ระเบิด...ไม่ให้ !"
"หา...!" ขาใหญ่ร้องลั่น "...แม่นั่นกล้าพูดหยั่งงี้เชียวเรอะ ?"
"ฮื่อ"
ปุ๊ ระเบิดขวด ฉวัดมือตบเข่ตัวเองดังฉาดสนั่น หน่วยตากระด้างโชนประกายวาวจ้า ! เขาขบเขี้ยวเคี้ยวกรามกรอดกราวด้วยคาามเดือดดาลพล่านพลุ่ง ก่อนแค่นคำรามขุ่นแค้น
"แบบนี้มันหยามข้าชัด ๆ ต้องสั่งสอนให้รู้สำนึกชะมั่ง เอ็งกลับไปเดี๋ยวนี้ ! ไอ้เหลิม !"
ตอนท้าย เขากระแทกเสียงเกรี้ยว แต่อีกฝ่ายกลับกระพริบตางุนงง
"กลับไปทำไมล่ะ ?"
"ตบมัน !"
เหลิม พรานนก สะดุ้งเหย็งขึ้นทั้งตัว !
"เฮะ...!" หมอทำหน้ำเลิกลักร้องตื่น ๆ
"...ตบแอ๊วน่ะเรอะ ?"
"เออชีวะ !"'
"มะ...ไม่...ไม่ดีมั้ง ?"
"ทำไมจะไม่ดี ?"
"ก็...คือ..."
จอมประลัยกัลป์แห่งตรอกสาเกทะลึ่งลุกพรวด ถลึงตาจ้องหน้ามือรอง พลางเน้นเสียงเหี้ยม เฉียบ !
"ถ้าไม่ทำตามที่ข้าสั่ง เอ็งคือคนที่จะถูกตบ !!"
*โปรดติดตามตอนต่อไป
#นักเลงโต
โฆษณา