#ปุ๊กรุงเกษม หลบตาชื่อคนเดียวกันเบือนลงมองโต๊ะหินที่คั่นกลางพลางทอดถอนลมหายใจ อย่างหน่วงหนัก เขานิ่งอั้นอยู่ในท่สนั้นชั่วขณะ ก็เงยหน้าขึ้น
ตวัดเสียงถามทั้ง ๆ ที่รู้คำตอบเต็มอก
"ถ้าไม่ยอม เอ็งจะให้ข้าทำไง ?"
เจ้าถิ่นตรอกสาเกเครี้ยวกรามกรวมสนั่น ก่อนกระแทกเสียงเหี้ยมเฉียบ !
"เอาคืนชีวะ ! บุกไปที่กุฏิพระแดงเดี๋ยวนี้แหละ !"
"เอ็งกะดำจะช่วยข้า...?"
"แน่นอน...!" นักเลงสวนมะลิสนองรับทันควัน
"...ข้ากะปุ๊ ตกลงกันแล้วว่าเราจะไม่ยอมให้เพื่อนเจ็บฟรี !"
"ขอบใจ...เพื่อน แต่มันจะเหมาะรื้ออ์...?"
"เอ็งยังจะแคร์อะไรอีกล่ะ ?"
"คือ...บอกตรง ๆข้าไม่อยากให้เรื่องมันยาว"
ปุ๊ ระเบิดขวด ถลึงตาแยกเขี้ยวขาววับ !
"ทั้ง ๆที่พวกระยำนั่นรวมหัวทำกะเอ็งถึงขนาดนี้ งั้นเรอะ ?!”
"ก็...เอ้อ..."
"ฟังข้านะ ปุ๊..." ขาใหญ่บางลำภูแด่นเสียง “...ตั้งแต่ไหนแต่ไร เอ็งวางตัวเป็นเพื่อนที่ดีของพระแดงเสมอมา นอกจากจะไม่ยอมชนกะเขา บรรดาพวกพ้องบริวารทุกระดับเอ็งก็ไม่เคยแตะต้องให้ใครเจ็บช้ำแม้สักเท่ารอยแมวข่วน แล้วผลเป็นยังไง ?"
ไอ้รุ่นตัวเจ็บแห่งย่านวงเวียนเล็กสะอึกอึ้งพูดไม่ออก ขณะที่จิ้งจอกอันตรายใช้วาทศิลปิปฏิบัติการจิตวิทยาต่อ ทั้งตอกย้ำรอยแค้นและปลุกระดมยั่วยุอย่างชำนิชำนาญ
"เอ็งถูกไอจ๊อดไล่แทงโดยไม่ได้ทำผิดคิดร้าย
อะไรกะพวกมันซักนิด พอไปถึงวัดก็ยังโดนซ้ำเติมหนักขึ้นอีก ทั้งไล่ฟันทั้งรุมทุบตีเหมือนเป็นไอ้เศษ
สวะอะไรซักตัวนึงนี่รึสิ่งที่เอ็งควรจะได้รับเป็นการตอบแทนน้ำใจไมตรี และความซื่อตรงคงเส้นคงวา...?!"'
หนุ่มเจ้าบ้านขบริมฝีปากนิ่งอั้น !
เพราะที่ฝ่ายตรงข้ามว่ามาล้วนเป็นความจริงที่ไม่อาจโต้แย้ง และมันบาดเฉือนทิ่มแทงความรู้สึกของเขา
ให้เจ็บช้ำมากขึ้นอีกเป็นทวีคูณ !
เขาเริ่มจะคล้อยตามลิ้นลม
แน่ละ คารมคมคายและวิธีการพูดจาโน้มน้าวชักจูงของนักบู๊ตรอกสาเกย้งคงใช้ได้ผลเช่นเคย!
"ถามจริงๆเถอะ เพื่อน..." หัวโจกใหญ่เอ่ยขึ้นอีก "...เอ็งไม่รู้สึกเจ็บปวดมั่งเลยรึ ?"
ดาวดังฝั่งธนฯ ขบกรามเบาๆ ก่อนแค่นเสียงตอบ
"เจ็บซีวะ !"
"แล้วไหงจะยอมปล่อยให้เรื่องจบลงง่าย ๆแค่นี้ โธ่เอ๊ยย์...มันจะยาวแค่ไหนก็ชั่งปะไร ถึงไงข้ากะดำก็ไม่มีวันทิ้งเอ็ง ลุยแม่งงไปเลย !"
"เอางั้นก็ได้"
คนช่างยุเบิกตาวาว !
"หมายความว่า...เอ็งตกลง...?"
ปุ๊ กรุงเกษม พยักหน้าโดยไม่ลังเล
“ใช่ แค้นนี้ต้องชำระ !!!”