12 มี.ค. 2021 เวลา 04:22 • หนังสือ
#20 เล่ม 2 บทที่ 8 หน้า 140 ~ 143
...
N : ถ้าเซ็กซ์เป็นประสบการณ์ด้านที่งดงามของมนุษย์ขนาดนั้นแล้ว ทำไมคุรุทางจิตวิญญาณหลายต่อหลายท่านถึงได้พากันสอนให้เราละเว้น❓ แล้วทำไมคุรุจำนวนมากมายถึงต้องไม่มีคู่ (ประพฤติพรหมจรรย์) ด้วยล่ะครับ❓
...
...
...
G : ด้วยเหตุผลเดียวกันกับที่คุรุส่วนใหญ่เหล่านั้นมีชีวิตที่เรียบง่ายนั่นล่ะ 🔸ผู้ที่ก้าวสู่ความเข้าใจในระดับสูงจะปรับความต้องการทางกายให้สมดุลกับจิตใจและวิญญาณ🔸
เธอคือสิ่งมีชีวิตที่มี 3 ภาค คนส่วนใหญ่มีประสบการณ์ถึงตัวเองว่าเป็นเพียงร่างกาย กระทั่งเรื่องของจิตใจยังถูกลืมหลังผ่านอายุ 30
ไม่มีใครอ่านอะไรอีกแล้ว ไม่มีใครเขียน ไม่มีใครสอน ไม่มีใครศึกษาเรื่องอะไรอีก 💢จิตใจนั้นถูกลืม
ไม่ได้รับการดูแลเอาใจใส่💢 ไม่ได้รับการขยับขยาย ไม่ได้รับสิ่งใหม่ๆเติมเข้าไป มีเพียงความปรารถนาอันน้อยนิด จิตใจไม่ได้รับการหล่อเลี้ยง ไม่ได้ถูกปลุกให้ตื่น มันก็เลยหลับไหลและเซื่องซึม
💢พวกเธอทำทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำได้เพื่อตัดขาดจากจิตใจ💢 ไม่ว่าจะด้วยโทรทัศน์ ภาพยนตร์ (ละคร ซีรีย์) หนังสือพิมพ์ นิตยสาร (ไร้สาระทั้งหลาย) ไม่ว่าเธอจะทำอะไร ไม่เคยคิด ไม่เคยคิด ไม่เคยคิดอะไรเลย❗
เพราะเป็นอย่างนี้นี่ไง คนส่วนใหญ่ถึงได้ใช้ชีวิตอยู่แค่ระดับร่างกาย หล่อเลี้ยงกาย ห่มคลุมกาย และสรรหา "สิ่งต่างๆ" ให้กับร่างกายเพียงเท่านั้น
คนส่วนใหญ่ไม่ได้อ่านหนังสือดีๆมาเป็นปีๆแล้ว (ฉันหมายถึงหนังสือที่พวกเขาสามารถเรียนรู้อะไรบางอย่างจากมันได้) แต่พวกเขาสามารถบอกเธอได้หมดว่ามีผังรายการโทรทัศน์อะไรบ้างตลอดทั้งสัปดาห์ มันเป็นเรื่องธรรมดาที่ผิดปรกติจนน่าเศร้า
ความจริงก็คือ 💢คนส่วนใหญ่ไม่ต้องการที่จะคิดเอง💢 พวกเขาก็เลยไปเลือกผู้นำ สนับสนุนรัฐบาล และรับเอาศาสนาที่จะ "ไม่ยอมให้คิดได้อย่างอิสระ"★
★มีความคิดเป็นของตัวเองไม่ได้
—แอดมิน—
🔹ทำให้มันง่ายสำหรับฉัน🔹 และ
🔹บอกมาเลยว่าฉันต้องทำอะไร🔹
คนส่วนใหญ่ต้องการแบบนั้น
ฉันต้องนั่งที่ไหน❓
ฉันต้องยืนเมื่อไหร่❓
ฉันต้องเคารพอย่างไร❓
ฉันต้องจ่ายตอนไหน❓
คุณอยากให้ฉันทำอะไร❓
กฎว่าอย่างไร❓
ขอบเขตของฉันอยู่ตรงไหน❓
บอกฉันมา บอกฉันมา บอกฉันมา❗
ฉันจะได้ทำไปตามนั้น แค่ใครสักคนบอกฉันมาเท่านั้นก็พอ❗
💢จากนั้นพวกเขาก็เกิดความไม่พอใจเพราะถูกบอกให้แก้ไขความเชื่อผิดๆของตน💢
พวกเขาทำตามกฎเกณฑ์ทุกอย่าง พวกเขาทำตามทุกอย่างที่ถูกบอกแล้ว แล้วมันผิดพลาดอะไรตรงไหน❓
มันกลับเลวร้ายลงไปตั้งแต่เมื่อใด❓
ทำไมมันถึงได้พังทลายลง❓
✴️มันพังทลายลงนับตั้งแต่ห้วงขณะที่เธอได้ละทิ้งจิตใจของตัวเองไปแล้ว (จิตใจซึ่งเป็นเครื่องมือสร้างสรรค์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เธอเคยมี)✴️
มันถึงเวลาแล้วที่จะหันกลับไปเป็นเพื่อนกับจิตใจของตัวเองอีกครั้ง กลับไปเป็นคู่หูกันอีก จิตใจของเธออยู่อย่างโดดเดี่ยวมานานเกินไปแล้ว กลับไปเลี้ยงดูมันหน่อยเถิด มันจะอดตายอยู่แล้ว
พวกเธอบางคน (ซึ่งก็เป็นคนกลุ่มน้อย) เข้าใจว่าตนนั้นประกอบไปด้วยร่างกายและจิตใจ พวกเขาดูแลจิตใจของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทว่าแม้แต่ในหมู่ของผู้ที่ให้ค่าต่อจิตใจของตัวเอง (และสิ่งต่างๆที่เกี่ยวข้องกับเรื่องของจิตใจ) ยังมีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่เรียนรู้การใช้จิตใจให้เกินกว่า 10% ของศักยภาพที่มันมีอยู่ ถ้าเธอรู้ว่าจิตใจของเธอนั้นทำอะไรได้บ้างละก็ เธอจะไม่มีวันหยุดใช้ประโยชน์จากพลังอันน่ามหัศจรรย์ของมันเลย
และถ้าเธอคิดว่าจำนวนคนที่ใช้ชีวิตได้อย่างสมดุลระหว่างร่างกายและจิตใจมีน้อยแล้ว จำนวนคนที่เห็นว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 3 ภาค อันได้แก่ ร่างกาย จิตใจ และวิญญาณนั้น มีน้อยยิ่งกว่าน้อยเสียอีก
🌟 ตัวเธอนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่มี 3 ภาค
🌟 เธอเป็นมากกว่าเพียงร่างกาย
🌟 และยังเป็นมากกว่าร่างกายที่มีจิตใจด้วย
เธอได้เลี้ยงดูวิญญาณของเธอเองบ้างหรือเปล่า❓
เธอได้สังเกตเห็นมันบ้างไหม❓
เธอกำลังเยียวยามันหรือทำร้ายมันอยู่❓
เธอกำลังเติบโตหรือถดถอย❓
เธอกำลังแผ่ขยายหรือหดแคบลง❓
วิญญาณของเธอกำลังโดดเดี่ยวเดียวดายเหมือนจิตใจของเธออยู่หรือเปล่า❓
ถูกทิ้งขว้างยิ่งกว่าจิตใจอยู่หรือไม่❓
ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกว่าวิญญาณของตัวเองได้แสดงออกคือเมื่อไหร่❓
ครั้งสุดท้ายที่เธอหลั่งน้ำตาด้วยความเบิกบานคือตอนไหน❓
ครั้งสุดท้ายที่เธอได้เขียนบทกวี❓
สร้างสรรค์เสียงเพลง❓
เต้นรำกลางสายฝน❓
อบขนม❓
ระบายสีใส่อะไรสักอย่าง❓
ซ่อมแซมอะไรที่พังสักชิ้น❓
หอมแก้มเด็กๆ❓
เล่นกับแมว❓
ปีนป่ายภูเขา❓
แหวกว่ายด้วยร่างอันเปล่าเปลือย❓
เดินทอดน่องยามอาทิตย์อัสดง❓
เป่าฮาร์โมนิกา❓
พูดคุยจนพลบค่ำ❓
เริงรักนับชั่วโมง...บนชายหาดหรือในป่าเขา❓
ติดต่อสื่อสารกับธรรมชาติ❓
เสาะหาพระเจ้า❓
✴️ คือเมื่อไหร่กัน❓
✴️ ครั้งสุดท้ายที่เธอนั่งอยู่คนเดียวด้วยความเงียบเพื่อดำดิ่งสู่ส่วนที่ลึกที่สุดแห่งตัวตนของเธอคือเมื่อใด❓
✴️ ครั้งสุดท้ายที่เธอได้กล่าวทักทายกับวิญญาณของเธอคือตอนไหน❓
เมื่อเธอใช้ชีวิตราวกับว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีเพียง "ด้านเดียว" เธอจะถลำลึกจ่อมจมอยู่แต่กับเรื่องของกาย เช่น เงินทอง เซ็กซ์ อำนาจ สมบัติพัสถาน สิ่งกระตุ้นและตอบสนองต่อผัสสะทางกาย ความมั่นคง ชื่อเสียง ผลประโยชน์ทางการเงิน
1
เมื่อเธอใช้ชีวิตราวกับว่าตัวเองเป็นสิ่งมีชีวิตที่มี "2 ด้าน" เธอจะขยายความสนใจของเธอไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับจิตใจด้วย เช่น มิตรภาพ ความคิดสร้างสรรค์ ถูกปลุกเร้าจากความคิดหรือแนวคิดใหม่ๆ การรังสรรค์เป้าหมายและความท้าทายใหม่ๆ การเติบโตส่วนตัว
เมื่อเธอใช้ชีวิตแบบสิ่งมีชีวิตที่มี "3 ด้าน" ในที่สุดเธอก็จะกลับสู่สมดุลด้วยตัวเอง ความสนใจของเธอจะคลอบคลุมไปถึงเรื่องทางจิตวิญญาณ เช่น ลักษณะเฉพาะตัวของวิญญาณ จุดมุ่งหมายของชีวิต ความสัมพันธ์กับพระเจ้า วิถีทางในการวิวัฒนาการ การเติบโตทางจิตวิญญาณ ความเป็นเหตุเป็นผลขั้นสูงสุด★
★เข้าใจความเป็นไปทั้งหมดว่าสรรพสิ่งที่มันเป็นหรือดำเนินไปแบบนี้ได้ (ท่วงทำนองของเอกภพ) ด้วยเหตุผลกลใด —แอดมิน—
เมื่อจิตสำนึกของเธอวิวัฒน์สู่ระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ เธอจะประจักษ์แจ้งอย่างเต็มเปี่ยมถึงทุกๆด้าน (แง่มุม) ของตนเอง
ทว่าการวิวัฒน์ไม่ได้หมายถึงการ "ละทิ้ง" บางด้านของตนเพื่อสนับสนุนด้านอื่นๆ เพียงแต่มันหมายถึงการขยายจุดสนใจออกไปเท่านั้น★ 💢หันออกไปจากการเอาใจใส่อยู่แค่เพียงด้านใดด้านหนึ่ง💢 สู่ความรักที่แท้จริงและเห็นถึงคุณค่าที่มีอยู่ในทุกๆด้าน
★จากที่แค่เอาใจใส่แต่เรื่องของกาย ก็ขยายความเอาใจใส่ไปถึงเรื่องของจิตใจ และ วิญญาณด้วยไปตามลำดับของวิวัฒนาการที่สูงขึ้น —แอดมิน—
N : ถ้าอย่างนั้นทำไมคุรุหลายท่านถึงสนับสนุนให้ละเว้นเซ็กซ์อย่างสิ้นเชิงล่ะครับ❓
G : เพราะพวกเขาไม่เชื่อว่ามนุษย์จะสามารถรักษาสมดุลเอาไว้ได้ไง พวกเขาเชื่อว่าพลังงานทางเพศ และพลังงานต่างๆที่รายล้อมประสบการณ์ทางโลกเอาไว้นั้นมีพลังมากเกินกว่าที่จะควบคุมให้อยู่ในระดับที่พอดีหรือนำมันกลับสู่ความสมดุลได้
พวกเขาเชื่อว่าการละเว้น (ประพฤติพรหมจรรย์) คือ`หนทางเดียว`สู่การเติบโตทางจิตวิญญาณ แทนที่จะเข้าใจว่า 🔹มันเป็นผลลัพธ์ที่เป็นไปได้เพียงอย่างหนึ่งของการเติบโตทางจิตวิญญาณเท่านั้น🔹★
★การวิวัฒน์ของจิตวิญญาณมีหนทางมากมาย ไม่ใช่แค่การประพฤติพรหมจรรย์เพียงหนทางเดียวเท่านั้นจิตวิญญาณถึงจะวิวัฒน์ได้ —แอดมิน—
N :แล้วมันไม่จริงหรือครับที่สิ่งมีชีวิตส่วนหนึ่งที่วิวัฒนาการอยู่ในระดับสูงแล้วจะ "ละเลิกเซ็กซ์" ❓
G : ไม่ใช่ในความหมายดั้งเดิมของคำว่า "ละเลิก" มันไม่ใช่การฝืนบังคับตัวเองให้ปล่อยวางในบางสิ่งที่เธอยังคงต้องการแต่รู้สึกว่า "มันไม่ดีเลยที่มีความอยากกับเรื่องแบบนี้" แต่เป็นในลักษณะของการปลดปล่อยหรือเคลื่อนห่างออกมามากกว่า คล้ายๆกับที่คนๆหนึ่งผละจากอาหารว่างจานที่สอง ไม่ใช่เพราะว่าอาหารว่างนั้นไม่ดี ไม่ใช่แม้กระทั่งว่าเพราะมันไม่ดีต่อ`ตัวเธอ` เพียงแค่เพราะเธออิ่มแล้ว (แม้มันจะล้ำเลิศแค่ไหนก็ตาม)
เมื่อละวางความเกี่ยวข้องกับเซ็กซ์ด้วยเหตุผลแบบนั้นแล้ว เธออาจจะต้องการมีเซ็กซ์อีก จากนั้นก็อาจจะไม่ต้องการขึ้นมาแล้วก็ได้ เธอไม่ได้ตัดสินว่าตัวเองนั้น "พอแล้ว" เพราะเธออาจต้องการประสบการณ์นี้อยู่เรื่อยๆเพื่อให้สมดุลกับประสบการณ์ด้านอื่นๆของตัวตนของเธอ
นั่นก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย
ไม่เห็นจะมีอะไรเสียหาย
✴️คนที่ข้องเกี่ยวกับเรื่องทางเพศไม่ได้หมายความว่าะะมีความสามารถในการรู้แจ้ง หรือการพัฒนาทางจิตวิญญาณน้อยไปกว่าคนที่ละเลิกเรื่องทางเพศเลยแม้แต่น้อย✴️
สิ่งที่การรู้แจ้งและการวิวัฒนาการส่งผลให้เธอละเลิกก็คือ "การเสพติดเซ็กซ์" "การรู้สึกว่าขาดประสบการณ์นี้ไม่ได้" และ "พฤติกรรมที่หมกมุ่นแบบถอนตัวไม่ขึ้น" ต่างหาก
ความ`หมกมุ่น`ในเรื่องเงินทอง อำนาจ ความมั่นคง ทรัพย์สมบัติ และ ประสบการณ์อื่นๆในระดับกายก็จะหายไปด้วย ทว่าการเห็นคุณค่าอย่างเต็มเปี่ยมในสิ่งเหล่านั้นจะไม่หายไปไหน และก็`ไม่ควรที่จะหายไป`ด้วย
"การเห็นคุณค่า" กับเรื่อง`ทั้งหมด`ในชีวิต คือการเคารพต่อกระบวนการที่ฉันได้สร้างขึ้น การดูถูกเหยียดหยามชีวิต หรือ ความรื่นรมย์ในเรื่องต่างๆแม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ธรรมดาที่สุดทางกายภาพ คือการดูถูกเหยียดหยามฉัน ฉันที่เป็นพระผู้สร้าง
เพราะถ้าเธอเรียกการสร้างสรรค์ของฉันว่าชั่วร้ายแล้วเธอจะเรียกฉันว่าอะไร❓
ทว่าเมื่อเธอเรียกการสร้างสรรค์ของฉันว่าศักดิ์สิทธิ์ เมื่อนั้นเธอจึงทำให้ประสบการณ์ของตัวเอง...รวมถึงฉัน...มีความศักดิ์สิทธิ์ด้วย
ฉันจะบอกเธอว่า : ฉัน`ไม่เคย`สร้างสิ่งใดที่น่าดูถูกเหยียดหยาม (น่ารังเกียจเดียดฉันท์) ขึ้นมาเลย เหมือนที่เช็คสเปียร์เคยบอกไว้นั่นล่ะว่า...
✴️หากแม้นมีสิ่งใด "ชั่วร้าย"
✴️นั่นเพราะใจเธอหมายป้ายให้เป็น
...
...
...

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา