12 มี.ค. 2021 เวลา 10:26 • ประวัติศาสตร์
ทำไมอเมริกาอยากแยกตัวจากอังกฤษ สรุปต้นเหตุการปฏิวัติของอเมริกาแบบย่อๆ
3
บทความนี้ได้รับการสนับสนุนจาก Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน
1.
การปฏิวัติอเมริกา หรือ American Revolution) เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ถือได้ว่าเป็นผลจาก ยุคเรืองปัญญา หรือ The Enlightenment ซึ่งเป็นยุคสมัยที่ผู้คนในยุโรปมีความคิดที่เปลี่ยน เริ่มตั้งคำถามกับสิ่งต่างๆที่เคยทำกันมาในสังคม ผู้คนพยายามหาเหตุผลว่าทำไมต้องทำสิ่งที่ทำตามๆกันมาหลายชั่วอายุคน
4
2.
การปฏิวัติอเมริกาจริงๆแล้วเป็นความขัดแย้งระหว่าง ชุมชนชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาเหนือกับรัฐบาลอังกฤษ โดยสาเหตุเริ่มต้น เกิดขึ้นจากความขัดแย้งเรื่องของภาษี แต่เถียงกันไปมา หัวข้อก็บานปลายออกไปจนกลายเป็นเรื่องของ ปรัชญาการเมืองการปกครอง ซึ่งก็เป็นแนวคิดที่มาจากยุค Enlightenment
1
3.
เรื่องราวการปฏิวัติอาจจะสามารถโยงไปถึงเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์นั่นก็คือ สงคราม 7 ปี หรือThe Seven Years' War (1756–1763) ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ชาวอเมริกาจะนิยมเรียกสงครามนี้ว่า French and Indian War เพราะศัตรูของพวกเขาก็คือ ฝรั่งเศสที่ร่วมมือกับชนพื้นเมือง (อินเดียนแดง) โดยสงครามนี้ภายหลังได้บานปลายจนไปรบกันในหลายทวปี จนกลายเป็นสงคราม 7 ปี 

สงครามครั้งนี้สุดท้ายจะเป็นอังกฤษที่ชนะฝรั่งเศสได้
4.
แต่ชัยชนะของอังกฤษก็นำมาซึ่งปัญหา เพราะคำถามต่อมาคือ อังกฤษจะป้องกินดินแดนต่างในทวีปอเมริกาได้ยังไง ชาวฝรั่งเศสที่อาศัยอยู่ในทวีปอเมริกาก็ยังมีอีกมากมาย ชนพื้นเมืองจะร่วมมือกลับมารบกับชาวอังกฤษในอเมริกาอีกไหม ? ไหนจะชาวสเปนที่อยู่ทางใต้อีก

สุดท้าย อังกฤษก็มีนโยบายผ่อนปรน กับชาวฝรั่งเศส และชนพื้นเมืองมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการนับถือศาสนาหรือ เสรีภาพอื่น เพราะอังกฤษไม่อยากจะส่งกองทัพมารบไกลถึงทวีปอเมริกาอีก
แต่นโยบายนี้ก็ทำให้ชาวอังกฤษที่อาศัยอยู่ทวีปอเมริกาไม่ค่อยพอใจ เพราะเหมือนกับว่าเพิ่งเป็นศัตรูกันมา พอรบชนะอังกฤษกลับให้สิทธิพิเศษกับคนที่เคยรบกับพวกเขา
5.
อังกฤษเสียเงินไปมากกับสงคราม French and Indian war จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่ชุมชนของชาวอังกฤษในทวีปอเมริกาควรจะควักกระเป๋าเพื่อป้องกันตนเองบ้าง เพราะสงครามที่ผ่านมาคนที่ได้ประโยชน์โดยตรงก็คือ ชุมชนชาวอังกฤษในอเมริกา อังกฤษจึงเริ่มมีแนวคิดที่จะเก็บภาษีจากชาวอังกฤษในอเมริกา
6.
แต่ไหนแต่ไรมา อังกฤษจะใช้นโยบายที่เรียกว่า salutary neglect ซึ่งก็คือ จะไม่ค่อยยุ่งกับชาวอังกฤษในอเมริกา ให้เสรีภาพในการปกครอง ในการเก็บภาษีตัวเอง

ดังนั้นเมื่ออังกฤษเริ่มจะเก็บภาษี โดยเริ่มจาก Sugar Act หรือ ภาษีน้ำตาล (ซึ่งจริงๆคือลดภาษีลง เพื่อหวังจะแก้ปัญหาการนำเข้าน้ำตาลเถื่อน) ชาวอังกฤษในอเมริกาก็ไม่พอใจ เพราะมองว่ารัฐบาลอังกฤษซึ่งอยู่ห่างไกลออกไป สามารถออกกฎหมายมาบังคับเก็บภาษีพวกเขาได้ตามอำเภอใจได้อย่างไร ในเมื่อ พวกเขาไม่มีตัวแทนอยู่ในสภา ดังนั้นพวกเขาไม่มีสิทธิ์จะออกเสียงหรือโต้แย้งอะไรเลย การออกกฎหมายมาบังคับเช่นนี้จึงเป็นการใช้อำนาจที่ไม่ถูกต้อง เหมือนอยากจะออกกฎอะไรมาบังคับก็ได้
6
นอกเหนือไปจากนั้น อังกฤษยังออกกฎหมายให้มีการตรวจเรือทุกลำที่เข้าออกท่าเรือของอเมริกา ถ้าพบว่ามีการลักลอบขนน้ำตาลเถื่อนโดยไม่เสียภาษี สามารถที่จะจับตัวไปลงโทษได้เลยโดยไม่ต้องขึ้นศาล ซึ่งชาวอเมริกันมองว่าลิดรอนสิทธิ์ในการขึ้นศาลของพวกเขา
1
ชาวอังกฤษในอเมริกาจึงตอบโต้โดยการไม่ยอมรับกฎหมาย ไม่ยอมปฏิบัติตาม
7.
ในปีถัดมาอังกฤษก็ออกกฎหมาย Stamp act 1765 (ภาษีอากรแสตมป์) ตามมาอีก ซึ่งก็คือ เอกสารราชการต่างๆ ที่ออกในอเมริกาจะต้องมีการประทับตราอากร 

ภาษีรอบนี้มีผลโดยตรงต่อทุกคนที่อยู่ในอเมริกา ทำให้เกิดความไม่พอใจอย่างกว้างขวาง มีการลุกขึ้นมาต่อต้านที่จะไม่ใช้สินค้าจากอังกฤษ
มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเป็นสมาคมลับและเรียกตัวเองว่า The Sons of Liberty (บุตรแห่งเสรีภาพ) และทำกิจกรรมที่ต่อต้านการใช้อำนาจที่พวกเขามองว่าไม่ชอบธรรมของอังกฤษ กิจกรรมบางอย่างก็ไม่ใช้ความรุนแรง เช่น รณรงค์การแบนไม่ใช้สินค้าอังกฤษ แต่บางกิจกรรมก็ใช้ความรุนแรง เช่น ไปจับคนเก็บภาษีมากลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอาย
1
สุดท้ายพ่อค้าในประเทศอังกฤษที่ส่งสินค้ามาขายยังอเมริกาไม่ได้ สุดท้ายทางรัฐบาลอังกฤษก็ยอมถอย ยอมยกเลิก Stamp act แต่ว่าไม่ได้ยกเลิกเฉยๆ ยังออกกฎหมายตัวอื่นมาเพิ่ม คือ กฎหมายที่บอกว่าจากนี้ไปอังกฤษมีสิทธิ์ที่จะออกกฎหมายบังคับอเมริกาได้ (Declaratory Act)
1
8.
ในปี 1773 ได้มี Tea Act (ภาษีชา) ออกมา ซึ่งเป้าหมายหลักที่รัฐบาลอังกฤษออกกฎหมายตัวนี้มา ไม่ใช่การเก็บภาษีชาจากอเมริก แต่เป็นการช่วยเหลือบริษัทอินเดียตะวันออกอังกฤษ
(British East India Company เป็นบริษัทที่ค้าขายกับตะวันออกโดยเฉพาะอินเดีย) ซึ่งตอนนั้นบริษัทกำลังประสบปัญหากับการเงิน) ทางรัฐบาลอังกฤษเลยบอกว่าจะช่วยอุ้มบริษัทนี้ โดยจะให้สิทธิ์พิเศษในการค้าขายชากับอเมริกาแต่เพียงผู้เดียว
ซึ่งกฎหมายที่ออกมาทำให้ชาที่เสียภาษีอย่างถูกกฎหมายมีราคา ถูก กว่าชาเถื่อนที่ลักลอบเข้ามาขาย พ่อค้าชาเถื่อนชาวอเมริกันทั้งหลายจึงไม่พอใจ และเข้าสู่ประเด็นเดิม คือ เรื่องการออกกฎหมายโดยชาวอเมริกาไม่มีตัวแทนในสภา
สุดท้ายในเดือนธันวาคม The Sons of Liberty ได้ปลอมตัวด้วยการแต่งตัวเป็นชาวอินเดียนแดงแล้วแอบลักลอบขึ้นไปบนเรือ British East India Company แล้วทิ้งใบชาจำนวนมากลงทะเล เหตุการณ์นี้ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันใจชื่อ Boston Tea Party
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้ King George III โกรธมาก และตัดสินใจที่จะใช้กำลัง จึงสั่งให้กองเรือเข้ามาปิดอ่าวบอสตัน และประกาศกฎอัยการศึก
9.
ในเดือนกันยายนปี 1774 ชาวอังกฤษในอเมริกาทั้ง 13 รัฐ จึงตัดสินใจส่งตัวแทนมาประชุมร่วมกันครั้งแรกที่เมือง ฟิลาเดลเฟีย (Philadelphia) รัฐเพนซิลเวเนีย เพื่อจะตกลงร่วมกันว่าจะรับมือกับอังกฤษยังไงดี สุดท้ายทางออกที่ตกลงร่วมกันคือ แบนสินค้าอังกฤษ และหวังจะบีบให้มีการเจรจาต่อรองเกิดขึ้น

แต่พระเจ้าจอร์ชที่ 3 ของอังกฤษก็ไม่ยอม และส่งทหารมาที่บอสตันเพิ่ม
10.
เมษายน 1775 นายพลโทมัส เกจ ได้ข่าวจากสายลับว่ามีการแอบสะสมอาวุธอย่างลับๆ ที่เมืองคองคอร์ด (Concord) รัฐนิวแฮมป์เชียร์ ซึ่งอยู่ห่างจากบอสตันไม่ไกลมาก ก็เลยส่งทหารไปยึดอาวุธ เพื่อที่จะทำลาย และยังสั่งให้จับกุมกลุ่ม The Sons of Liberty ที่เมืองเลกซิงตัน (Lexington) ด้วย 

แต่สายลับของทางอเมริกาก็รู้ข่าวนี้ก่อน จึงส่งชายสองคน ชื่อ วิลเลียม ดอวส์ (William Dawes) กับ พอล เรเวีย (Paul Revere) ขึ้นม้าแยกกันไปกระจายข่าวตามรายทางจนถึงเมืองคองคอร์ดและเลกซิงตันว่าทหารอังกฤษกำลังจะมา เหตุการณ์ขี่ม้าไปกระจายข่าวตลอดทั้งคืนนี้ปัจจุบันรู้จักกันในชื่อ Midnight ride
11.
ทหารของทั้ง 2 ฝ่ายได้มาเผชิญหน้ากันที่เมืองเลกซิงตัน โดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้อยากรบกัน ต่างฝ่ายต่างถูกกำชับว่าห้ามเริ่มยิง จะยิงได้ต่อเมื่ออีกฝ่ายเริ่มก่อนเท่านั้น 

จนถึงปัจจุบัน เราก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนที่ยิงกระสุนนัดแรกออกไป แต่เมื่อมีคนเริ่มยิง การต่อสู้จากทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต้นขึ้น และกระสุนนัดนั้นถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามระหว่าง ชางอังกฤษในอเมริกาและรัฐบาลอังกฤษ
12.
หลังการต่อสู้ผ่านไปได้ประมาณ 1 ปี ชาวอังกฤษในอเมริกาก็ส่งตัวแทนมาประชุมกันอีกครั้ง ในการประชุมรอบนี้ พวกเขาก็ตัดสินใจที่จะร่างเอกสาร คำประกาศอิสรภาพหรือ The Declaration of Independence แล้วลงนามประกาศอิสรภาพจากอังกฤษร่วมกันในวันที่ 4 กรกฎาคม 1776
1
แล้วประเทศอเมริกาที่เรารู้จักกันในทุกวันนี้ก็เกิดขึ้น
ถ้าหากใครสนใจ สามารถไปฟัง podcast American Revolution
ฉบับเต็มได้ที่ลิงก์ที่แนบไว้ด้านล่างนี้ได้เลยครับ
🎧 Apple Podcast : https://apple.co/3kg7jRJ
🎧 Google Podcast : https://bit.ly/33r86IR
🎧 Soundcloud : https://bit.ly/2Zz0lzi
🎧 Blockdit : http://bit.ly/3enQiFJ
ขอบคุณ Ocylens คอนแทคเลนส์รายวัน ที่ให้การสนับสนุน Podcast นี้
✅Ocylens คอนแทคเลนส์รายวันใส่สบาย
เพราะทำจากวัสดุพรีเมี่ยม Etafilcon A
🔥 พิเศษสำหรับแฟนเพจชัชพลบุ๊คส์ 🔥
รับสิทธิ์​ซื้อ​ 1 แถม​ 1 เพียงเพิ่มเพื่อนและสั่งซื้อในไลน์
👉 Add Line : @Ocycontacts
ไม่อยากพลาดการแจ้งเตือนเมื่อมีโพสต์หรือบทความใหม่ๆ
Add Line เพื่อรับการแจ้งเตือนต่างๆได้ที่นี่ค่ะ
🔔 Line: @chatchapolbook

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา