เรื่องราวการปฏิวัติอาจจะสามารถโยงไปถึงเหตุการณ์สำคัญอีกเหตุการณ์นั่นก็คือ สงคราม 7 ปี หรือThe Seven Years' War (1756–1763) ระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส แต่ชาวอเมริกาจะนิยมเรียกสงครามนี้ว่า French and Indian War เพราะศัตรูของพวกเขาก็คือ ฝรั่งเศสที่ร่วมมือกับชนพื้นเมือง (อินเดียนแดง) โดยสงครามนี้ภายหลังได้บานปลายจนไปรบกันในหลายทวปี จนกลายเป็นสงคราม 7 ปี สงครามครั้งนี้สุดท้ายจะเป็นอังกฤษที่ชนะฝรั่งเศสได้
อังกฤษเสียเงินไปมากกับสงคราม French and Indian war จึงมองว่าถึงเวลาแล้วที่ชุมชนของชาวอังกฤษในทวีปอเมริกาควรจะควักกระเป๋าเพื่อป้องกันตนเองบ้าง เพราะสงครามที่ผ่านมาคนที่ได้ประโยชน์โดยตรงก็คือ ชุมชนชาวอังกฤษในอเมริกา อังกฤษจึงเริ่มมีแนวคิดที่จะเก็บภาษีจากชาวอังกฤษในอเมริกา
มีคนกลุ่มหนึ่งรวมตัวกันเป็นสมาคมลับและเรียกตัวเองว่า The Sons of Liberty (บุตรแห่งเสรีภาพ) และทำกิจกรรมที่ต่อต้านการใช้อำนาจที่พวกเขามองว่าไม่ชอบธรรมของอังกฤษ กิจกรรมบางอย่างก็ไม่ใช้ความรุนแรง เช่น รณรงค์การแบนไม่ใช้สินค้าอังกฤษ แต่บางกิจกรรมก็ใช้ความรุนแรง เช่น ไปจับคนเก็บภาษีมากลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอาย
(British East India Company เป็นบริษัทที่ค้าขายกับตะวันออกโดยเฉพาะอินเดีย) ซึ่งตอนนั้นบริษัทกำลังประสบปัญหากับการเงิน) ทางรัฐบาลอังกฤษเลยบอกว่าจะช่วยอุ้มบริษัทนี้ โดยจะให้สิทธิ์พิเศษในการค้าขายชากับอเมริกาแต่เพียงผู้เดียว
สุดท้ายในเดือนธันวาคม The Sons of Liberty ได้ปลอมตัวด้วยการแต่งตัวเป็นชาวอินเดียนแดงแล้วแอบลักลอบขึ้นไปบนเรือ British East India Company แล้วทิ้งใบชาจำนวนมากลงทะเล เหตุการณ์นี้ปัจจุบันเป็นที่รู้จักกันใจชื่อ Boston Tea Party
ซึ่งเหตุการณ์นี้ ทำให้ King George III โกรธมาก และตัดสินใจที่จะใช้กำลัง จึงสั่งให้กองเรือเข้ามาปิดอ่าวบอสตัน และประกาศกฎอัยการศึก