14 มี.ค. 2021 เวลา 08:00 • ธุรกิจ
“ละลายในปาก แต่ไม่ละลายในมือ” สโลแกนของขนมช็อกโกแลตเม็ดกลมสีสันสดใสขวัญใจเด็กๆ อย่าง “M&M” ช็อกโกแลตยี่ห้อในตำนานที่ไม่มีใครไม่รู้จัก รู้หรือไม่? ว่าประวัติความเป็นมาของแบรนด์นี้น่าสนใจมากๆ เพราะก่อนจะมาเป็นช็อกโกแลตที่ถูกอกถูกใจเด็กๆ ที่จริงแล้วมันเป็นช็อกโกแลตที่ถูกพัฒนาปรับสูตรมาจากสงครามกลางเมืองสเปน แต่มาแจ้งเกิดจากการเป็นเสบียงทหารในสงครามโลกครั้งที่ 2 และโด่งดังได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งไม่ใช่แค่อยู่บนโลกเท่านั้น แต่ยังไปได้ไกลถึงอวกาศ!
โดยจุดเริ่มต้นของแบรนด์ M&M เริ่มขึ้นจาก “ฟอร์เรสท์ มาร์ส ซีเนียร์” (Forrest Edward Mars) เจ้าของ M ตัวแรกของชื่อแบรนด์และเจ้าของสูตรลูกอมรสช็อกโกแลตด้านใน ลูกชายของ แฟรงก์ มาร์ส (Frank Mars) ผู้ก่อตั้ง“Mars” แบรนด์ขนมยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน และเจ้าของตัว M อีกหนึ่งตัว ทั้งยังเป็นเจ้าของสูตรช็อกโกแลตเคลือบด้านนอก คือ “Bruce Murrie” ลูกชายของ Williams Murrie ผู้บริหารระดับสูงของ Hershey’s แบรนด์ขนมยักษ์ใหญ่ร่วมชาติอีกหนึ่งแบรนด์ ซึ่งทั้งสองคนต่างต้องการยืนด้วยลำแข้งของตัวเองหลังจากเกิดความขัดแย้งกับพ่อ
โดยทั้งสองคนต่างมาจากครอบครัวที่คลุกคลีอยู่กับการทำขนมหวาน ช็อกโกแลต อย่างฟอร์เรสท์ แม้จะเจอหน้าพ่อไม่บ่อยนัก แต่เมื่อโตขึ้น เขาก็ได้กลับไปช่วยงานที่บริษัทขนมของพ่อ และมีส่วนช่วยสร้างผลิตภัณฑ์ช็อกโกแลตแท่งยอดอิตอย่าง Milky Way
ซึ่งเขาไม่เคยคิดว่ามันจะขายดี ถึงขั้นว่าภายใน 1 ปี มียอดขายกว่า 800,000 ดอลลาร์สหรัฐ กลายเป็นหนึ่งในขนมที่ประสบความสำเร็จที่สุดของบริษัท Mars แต่ถึงอย่างนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับพ่อกลับไม่สำเร็จด้วย เพราะเขาทะเลาะกับพ่อ เนื่องจากพ่อไม่เห็นด้วยที่เขาต้องการขยายธุรกิจไปที่ยุโรป นั่นจึงเป็นสาเหตุให้เขาเลือกเดินออกมา
เขาเดินทางตามหาตลาด เก็บเกี่ยวประสบการณ์ในหลายประเทศทั่วยุโรป และไปลงหลักปักฐานที่อังกฤษ เขาพยายามเอาชนะตลาดช็อกโกแลตของที่นั่นด้วยการผลิต Mars Bar ขนมช็อกโกแลตคล้ายคลึงกับ Milky Way แต่มีรสหวานกว่า พร้อมดับขายจุดเด่นว่ามีสารอาหารจากทั้งนม ไข่ และเนย ที่เป็นมากกว่าขนมหวานทำลายสุขภาพ
จากนั้นเขาเดินทางไปประเทศสเปนในช่วงที่กำลังเกิดสงครามกลางเมือง และสังเกตเห็นทหารกิน “ช็อกโกแลตเคลือบทรงกลม หุ้มด้วยเปลือก” โดยที่มันไม่ละลายในความร้อน นั่นจึงกลายเป็นไอเดียที่ให้กำเนิด M&M เพราะในช่วงที่อุณหภูมิหน้าร้อนทำให้ช็อกโกแลตละลายเลอะทั้งกระเป๋าและมือ เป็นสาเหตุทำให้ยอดขายช็อกโกแลตลดลงแบบฮวบฮาบ
เมื่อเขาได้ไอเดียสำหรับช็อกโกแลตตัวใหม่ของเขาแล้ว ก็ได้บินกลับมายังสหรัฐอเมริกา ได้รับสิทธิบัตรในการผลิต พร้อมกับตามหาหุ้นส่วน จนได้เจอกับ บรูซ เมอร์รี (Bruce Murrie) ซึ่งครอบครัวของเขาคือเจ้าของแบรนด์ Hershey’s แบรนด์ช็อกโกแลตชื่อดัง จากนั้นทั้งคู่จึงเริ่มพัฒนาขนมช็อกโกแลตที่ต่อยอดมาจากไอเดียนั้น และสร้างจุดเด่นว่ามันเป็นขนมที่สามารถเอาชนะความร้อนได้ โดยที่ไม่ละลายในมือ และออกแบบให้มันมีหลากหลายสี เคลือบด้วยเปลือกแข็ง มีตัวอักษร M อยู่ตรงกลาง โดยใช้ช็อกโกแลต Hershey's ของบรูซ เมอร์รี เป็นส่วนประกอบหลัก และเปิดตัวสู่ตลาดในปี 1941
ซึ่งนับเป็นความโชคดี หรือความเหมาะเจาะที่ลงตัวที่สุด เพราะในช่วงนั้นสหรัฐฯ กำลังส่งทหารเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่ 2 และกำลังมองหาเสบียงให้กับเหล่าทหาร จึงทำให้ M&M แจ้งเกิดในสงครามทันที เพราะด้วยคุณสมบัติทนความร้อน พกพาง่าย ให้พลังงานน้ำตาลได้ดี จนมันกลายเป็นสุดยอดเสบียงที่ทหารทุกคนติดใจ ถึงขั้นว่ากลับจากสงครามแล้ว ก็ยังคิดถึงรสชาติความหวานของมัน จนเกิดการบอกต่ออย่างแพร่หลายทั่วสหรัฐฯ นำไปสู่ยอดขายมหาศาลที่พุ่งสูงสุดในประวัติการณ์
แต่มันกลับสวนทางกับความสัมพันธ์ของผู้ก่อตั้งทั้งสองคนที่กำลังแย่ลงเรื่อย ๆ ฟอร์เรสท์ เขาไม่ใช่นักธุรกิจผู้สงบเสงี่ยม แม้จะทะเยอทะยานและมีความตั้งใจ แต่เขาก็มีนิสัยโผงผาง ใจร้อน เมื่อขัดแย้งกันจนทนไม่ไหว เขาจึงเลือกที่จะจ่ายเงิน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อซื้อหุ้นของเมอร์รี ให้ตัวเองเป็นผู้บริหารและอยู่ในตำแหน่งสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งนั่นเป็นที่มาของตัว M ที่มีอยู่เพียงตัวเดียวบนเม็ดช็อกโกแลตหลากสี สัญลักษณ์ที่บ่งบอกให้คนกินรู้ว่า M&M แม้ ต้องมีตัว M เท่านั้น
แม้ผู้บริหารจะเกิดความขัดแย้ง แต่ก็ไม่มีผลต่อกระแสความฮิตของเจ้า M&M ที่มากขึ้นเรื่อยๆ แต่อย่างใด จนบริษัทต้องออกรสชาติใหม่ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการอะไรที่แปลกใหม่ของผู้บริโภค เช่น รสถั่วลิสง อัลมอนต์ มินต์ มอคค่า และราสเบอร์รี แต่ยังคงเคลือบด้วยช็อกโกแลตหลากหลายสี ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล แดง เหลือง ส้ม เขียว ม่วงเหมือนเดิม ให้คนที่รักช็อกโกแลตได้เลือกสรรตามใจชอบ
และอย่างที่บอกไปตอนต้นว่า กระแสความฮิตของ M&M ไม่ได้อยู่เพียงแค่บนโลกเท่านั้น แต่ยังไปได้ไกลถึงอวกาศ เนื่องจากในปี 1981 NASA และเหล่านักบินอวกาศได้คัดเลือกให้ M&M เป็นเสบียงสำหรับนักบินอวกาศ เนื่องด้วยคุณสมบัติที่ทนต่อความร้อน น้ำหนักเบา พกพาง่าย เป็นขนมที่สมบูรณ์แบบเหมาะแก่การขึ้นสู่วงโคจร
ไม่เพียงเท่านั้น ในปี 1984 M&M ยังเป็นขนมที่สำคัญสำหรับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่จัดขึ้นในเมืองลอสแอนเจลิส ทั้งยังมีโหลแก้วโอลิมปิกเป็นที่ระลึกให้แฟนๆได้เก็บสะสมกัน ซึ่งปัจจุบันมันกลายเป็นของสะสมที่ยังมีคนตามหากันอยู่ เรียกได้ว่าในยุค 80 หรือ 90 หากถามว่าแบรนด์ไหนประสบความสำเร็จที่สุด ก็คงต้องยกให้แบรนด์นี้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าฟอร์เรสท์ จะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่เขาก็ได้ทิ้งประวัติศาสตร์และขนมช็อกโกแลตที่เขาเป็นผู้ปลุกปั้นมันมากับมือให้คนทั่วโลกได้รู้จักและชื่นชอบกัน แม้ธุรกิจจะดำเนินเข้าสู่รุ่นลูกของเขาเป็นผู้ดูแล แต่ก็ต้องยอมรับว่า แบรนด์ M&M เป็นหนึ่งในแบรนด์ขนมที่ประสบความสำเร็จและสามารถครองใจผู้บริโภคทุกกลุ่มทุกวัยมาอย่างยาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเป็นเวลากว่า 80 ปีแล้ว
หากถามว่าอะไรคือสิ่งทำให้แบรนด์มาได้ไกลขนาดนี้ ก็คงเป็นเพราะ “ฟอร์เรสท์ มาร์ส ซีเนียร์” เขามุ่งมั่นและตั้งใจที่จะสร้างแบรนด์ขนมให้สำเร็จ ประกอบกับเขาสามารถดึงความเป็นเอกลักษณ์และสร้างจุดเด่นให้ขนมของเขาไม่ใช่แค่อร่อย แต่สามารถตอบโจทย์ปัญหาของขนมช็อกโกแลตที่ผู้บริโภคส่วนใหญ่ต้องเจอเมื่อหน้าร้อนมาเยือน สำหรับใครที่กำลังพยายามสร้างแบรนด์ขนม หรือสินค้าอื่น ๆ อยู่ก็สามารถนำเรื่องราวของเขาไปเป็นต้นแบบได้ มุ่งมั่น ตั้งใจ และดึงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาให้ได้ แล้วเมื่อลูกค้าสนใจ เขาจะเดินทางไปหาคุณเอง
#อายุน้อยร้อยล้าน #ryounoi100lan
#อายุน้อยร้อยล้านNEWS
#M&M #ขนมช็อกโกแลต #Chocolate #ช็อกโกแลต #ธุรกิจ #ไอเดียธุรกิจ
โฆษณา