15 มี.ค. 2021 เวลา 06:45 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
รีวิว ซีรีส์ Alice in Borderland อลิสในแดนมรณะ (2020)
ซีรีส์ออริจินอลที่ฉายทาง Netflix เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เรียกได้ว่าเป็นการผจญภัยที่ตรงข้ามกับอลิสในแดนมหัศจรรย์มากๆ เปลี่ยนมาเป็นแดนมรณะได้สมชื่อ
ถูกใจคอหนังแนวเอาตัวรอด โดยผู้เขียนเองก็ชอบซีรีส์หรือภาพยนตร์แนวนี้ ให้ความสนุก ตื่นเต้น ลุ้น เดาไม่ถูก และที่สำคัญความโหด แบบ 18+ ทำให้ตัวซีรีส์มีความบันเทิงแบบจัดเต็ม
Alice in Borderland เป็นซีรีส์ญี่ปุ่นที่ดัดแปลงมาจากมังงะชื่อเดียวกัน โดยได้ผู้กำกับ Shinsuke Sato ซึ่งมีผลงานกำกับภาพยนตร์ Live Action มาแล้วมากมายทำให้เราเกิดความไว้วางใจฝีมือของผู้กำกับคนนี้ได้เลย
เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า ตัวละครกลุ่มหนึ่งที่ค้นพบว่าคนในโตเกียวได้หายไปหมด จนทั้งเมืองกลายไปเมืองร้าง ขณะที่กำลังตกใจ และสงสัยอยู่ พวกเขาก็ถูกบังคับให้ร่วมเล่นเกมปริศนาที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน หากอยากมีชีวิตรอดก็จะต้องเล่นเกมมรณะไปเรื่อยๆ
ตัวละครหลายตัวได้พบกันระหว่างการเล่นเกม จนเกิดเป็นความสัมพันธ์ เป็นพันธมิตร และการค้นหาคำตอบของเรื่องราวทั้งหมดว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร มีสิ่งใดอยู่เบื้องหลัง และหากจะกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติต้องทำอย่างไร
ที่มาภาพ small-scree.co.uk ©netflix
ผู้เขียนชอบลักษณะของเนื้อเรื่องที่ทำให้ตัวละครกลุ่มหนึ่งมาเจอกัน และต้องทำภารกิจปริศนาในเงื่อนไขที่จำกัด นึกไปถึงภาพยนตร์ที่มีแนวคล้ายกัน ตั้งแต่ Battle Royale, The Incite Mill และ As the Gods Will เลย ส่วนฝั่งอเมริกาก็จะนึกถึง Saw, Escape Room เป็นต้น
ซีรีส์มีความยาว 8 ตอน มีเกมมรณะให้ผจญภัยจำนวนมาก ด้วยความที่เป็น “ญี่ปุ่น” ซึ่งจะมีเสน่ห์ที่สร้างสรรค์เกมได้อย่างแปลกใหม่ ตื่นเต้น และเหนือจินตนาการ ทำให้รู้สึกจุใจ ดูได้อย่างติดต่อกันอย่างหยุดไม่ได้
ความพิเศษของเนื้อเรื่องคือ ไม่ได้เล่นเกมอย่างเดียวไปทีละตอน เกม 1 เกม 2 เกม 3 แต่มันจะมีจุดเปลี่ยนของเนื้อเรื่องที่ต้องย้ายองค์ของซีรีส์ไปยังอีกสถานการณ์หนึ่ง ที่แตกต่าง และน่าค้นหากว่าเดิม ทำให้จุดนี้สามารถพาตัวละครไปยังบทสรุปในตอนท้ายที่เป็นเกม Climax
ด้านอารมณ์ของเรื่องถือว่าทำได้ดีมาก ซีรีส์จะพาเราไปเจาะลึกที่มาของตัวละครแต่ละตัว ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ของตัวละคร เมื่อถึงเวลาที่ต้องดราม่าก็สามารถทำให้สุดได้ เกิดเป็นตัวกระตุ้นและพัฒนาการของตัวละครผ่านไปแต่ละตอน
ตัวละครมีค่อนข้างมาก แต่ก็มีจุดเด่นที่แตกต่างทำให้เราจดจำได้ บางประเด็นของตัวละครที่ไม่คิดว่าผู้กำกับจะใส่มันเข้ามาก็ถึงกับต้องเซอร์ไพรส์
โดยรวมเพื่อความบันเทิงกับความเป็นเกมเอาตัวรอด ผู้เขียนให้คะแนน 9.5/10 เพราะมีโอกาสไม่มากเลยที่เราจะได้สนุกกับเรื่องราวที่น่าติดตามแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง
สิ่งที่ซีรีส์นี้ทำได้ดีมากๆ อีกอย่างหนึ่งคือ ความเป็นจิตวิทยาที่ทำให้เราต้องคิดตามอยู่ตลอด รวมถึงองค์ประกอบอื่นๆ Soundtrack เอฟเฟ็คซีจี งานด้านภาพก็ทำได้ยอดเยี่ยม.
โฆษณา