แต่ก็นั่นแหละ ถ้ายังมัวมานั่งพูดถึงการตามหาใครซักคนที่ดีพอ เพื่อจะมาพอดีกับเรา แสดงว่ายังไม่รู้จัก The Big O
1
The Big O ฮิตมากสมัยที่มดยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยและใฝ่กิจกรรม (เอิ่ม ... ละไว้นะคะว่ากี่ปีมาแล้ว) ซึ่งในสมัยนั้นโดยส่วนใหญ่เด็กกิจกรรมจะวุ่นวายอยู่กับตัวเองและถามหาความหมายของชีวิต
The Big O คือคำตอบของหลาย ๆ เรื่อง
The Big O มาจากตัวละครในหนังสือภาพ The Missing Piece meets The Big O ของ Shel Silverstein
ก่อนที่เล่ม The Big O จะมา เล่ม The Missing Piece มาก่อนและดังมาก ๆ เกี่ยวกับการตามหาชิ้นส่วนที่หายไป เรื่องราวโรแมนติกตอบโจทย์ของหัวใจที่เฝ้ารอคอยใครสักคนที่พอดีกัน มาเติมเต็มกันจนสมบูรณ์ในที่สุด
แต่ The Big O เล่มที่ตามมาลึกซึ้งกว่านั้นมาก
The Big O เป็นกำลังใจให้กับใครหลาย ๆ คน (รวมถึงมด) ในวันที่คิดว่าเราคือชิ้นส่วนที่ขาดหายของใครบางคน ในวันที่เราต้องการใครซักคนที่ดีพอและพอดีกับเรา ในวันที่เราเหนื่อยและท้อแท้กับการตามหา
1
The Big O บอกเราง่าย ๆ ว่า
“You can roll by yourself.”
2
เราไม่จำเป็นต้องนั่งรอส่วนที่ขาดหาย เพื่อเติมเต็มกันและกันจนกลายเป็นวงกลมแล้วถึงจะ Roll ได้ เราสามารถค่อย ๆ Roll ตัวเอง แม้มันจะยากและทุกลักทุเลในตอนแรก แต่ในที่สุดเราจะกลายเป็นตัว O ที่ Roll ได้ด้วยตนเอง ต่อจากนั้นถ้าจะมีใครสักคนเข้ามา เขาหรือเธอก็ควรจะเป็นตัว O เหมือนกันที่ Roll ไปข้าง ๆ กัน
2
ถ้าเธอรู้จัก The Big O เธอจะไม่เฝ้าถามใครคนนั้นว่า
“เธอรักฉันเพราะฉันดีพอ หรือพอดี?”
เพราะเธอจะเฝ้าถามตัวเองด้วยประโยคนี้แทน
“How can i roll by myself?” และเมื่อเธอกลายเป็นตัว O เธอจะภูมิใจเสมอที่เธอ “ดีพอสำหรับตัวเอง” และพร้อมจะเปิดโอกาสให้ใครสักคนที่จะมาเดินคู่กันไป
3
ป.ล. 1 เพื่ออรรถรส กดไปดูเรื่องราวของ Big O ได้ในยูทูปนะคะ ค้นหาคำว่า