14 มี.ค. 2021 เวลา 03:10 • ไลฟ์สไตล์
"การเร่ิมต้นยากเสมอ" แล้วมันยากยังไง ?
โลกอินเทอร์เน็ตนำพาข้อมูลมากมาย ประดังเข้ามาใส่เรา ทั้งบทความพัฒนาชีวิต แนวทางแห่งความสุข การไล่ล่าเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เนื้อหามากมายเหล่านี้เชื้อเชิญให้เราเริ่มต้นพัฒนาตัวเอง ตั้งเป้าหมายและเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น
แต่ทำไมดูเหมือนว่าชีวิตของเรายังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ?
ในหนึ่งๆวัน มีสิ่งที่น่าสนใจเข้ามามากมาย ให้เราซึมซับ และตัดสินใจนับครั้งไม่ถ้วน
การรับข้อมูลมากมายนั้น อาจจุดประกายอะไรบางอย่างให้กับเรา
และเรามักจะพยายามจดจำข้อมูลนั้นไว้เพื่อบอกกับตัวเองว่าสิ่งนั้นสำคัญ ตั้งเป้าหมาย รอเวลาที่เหมาะสม และหวังว่าสักวันหนึ่งจะลองทำมันดู
\
ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ
ที่เราพูดว่าสิ่งนั้นสำคัญ แต่ไม่เคยหาเวลาทำมันได้เลย...
(🌸) ก็เพราะการเร่ิมต้นมันยากยังไงล่ะ !
ช่วงเวลาก่อนเริ่มทำอะไรสักอย่าง เรามักจะคิดถึงแต่ผลลัพธ์อันหวานหอมของมัน
การจุดประกายจากสิ่งกระตุ้นรอบตัวเชื้อเชิญให้เราอยากทำอะไรบางอย่าง
การกระตุ้นนั้น ส่งผลต่อความต้องการของเรา ชวนให้เราจินตนาการถึงรางวัลที่จะได้รับในอนาคต และเกิดการตอบสนองทางความคิด หรือการกระทำ ที่จะนำไปสู่รางวัลนั้นๆ
ปัจจัยกระตุ้น → ความปรารถนา → การตอบสนอง → รางวัล
การกระทำที่มอบรางวัลอันน่าพอใจมีแนวโน้มจะเกิดขึ้นซ้ำ ส่วนการกระทำที่มอบผลลัพธ์ตรงกันข้ามนั้นก็มีแนวโน้มที่จะไม่เกิดขึ้นอีก…
ที่แย่คือ ส่วนใหญ่แล้วการกระทำของเรามักจะมอบผลลัพธ์ที่ไม่ค่อยน่าพึงพอใจให้เราสักเท่าไหร่
ความยากมันอยู่ตรงนี้ !
📍 ความคลุมเคลือ
ในตอนเร่ิมต้น เรามักจะมีข้อยกเว้นเล็กๆน้อยๆมากมายอยู่ตลอดเวลา เพื่อคอยเลื่อนการเร่ิมต้นนั้นออกไป ที่เราทำแบบนั้นเพราะช่วงเวลาในการตัดสินใจลงมือทำ เรามักจะเกิดคำถามขึ้นมาในใจว่า เราจะเร่ิมทำมันอย่างไร ทำมันตอนไหน และไม่รู้ว่าสิ่งใหม่นี้จะส่งผลตอบแทนให้เราเมื่อไหร่
| เราจึงเลือกที่จะทำสิ่งคุ้นเคย และให้ผลตอบแทนเราในทันที
และหลักจากเราเลือกทำสิ่งหนึ่งแล้ว สิ่งนั้นจะเป็นปัจจัยที่กระตุ้นที่นำไปสู่พฤติกรรมอื่นๆ และส่งผลต่อไปยัง “ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ”
ไม่มีพฤติกรรมใดเกิดขึ้นเดี่ยวๆ
📍 ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ
| การกระทำโดยอัตโนมัติมักจะเป็นตัวตัดสินว่าเราจะทำอะไรต่อ
พฤติกรรมบางอย่างอาจจะเสร็จสิ้นภายในไม่กี่วินาที แต่มันจะเป็นตัวกำหนดการกระทำอื่นๆที่เกิดตามมา และเราจะใช้เวลานานหลายชั่วโมงหลังจากพฤติกรรมนั้นได้สิ้นสุดลง
ช่วงเวลาเล็กๆเหล่านี้เป็น “ช่วงเวลาแห่งการตัดสินใจ” ช่วงเวลาที่ต้องเลือกระหว่างเริ่มต้นฝึกภาษา หรือ หยิบวิดีโอเกมมาเล่น ตัวเลือกเหล่านี้เป็นเหมือนทางแยก ที่แต่ละเส้นทางได้กำหนดการกระทำในอนาคตของเราไว้แล้ว
เหมือนการเดินเข้าไปในโรงอาหาร เราต้องเลือกว่าจะกินอะไรในมื้อเที่ยง เมื่อเราเดินเข้าร้านอาหารเราก็จะสั่งได้เฉพาะรายการอาหารที่อยู่ในเมนูเท่านั้น
ถ้าเราเข้าร้านสเต็ก ก็เลือกได้แค่ว่าจะกินเนื้อสันนอกหรือซี่โครง แต่ทางเลือกที่มีคงไม่ใช่ซูชิแน่ๆ ทางเลือกถูกบังคับด้วยสิ่งที่มีอยู่ ซึ่งถูกกำหนดไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว
| ทางเลือกเล็กๆเหล่านี้จะสะสม และเป็นตัวกำหนดว่าเราจะใช้เวลาที่เหลือยังไง
📍 วงจรหมุนดิ่ง
พฤติกรรมล้วนถูกผลักดันจากความต้องการแก้ปัญหาที่เราเผชิญอยู่ และปัญหาส่วนใหญ่จะถูกประมวลรวมกับประสบการณ์ก่อนหน้า และตอบสนองออกมาโดยอัตโนมัติ
เมื่อเราคิดถึงการเปลี่ยนแปลงอะไรสักอย่าง ความตื่นเต้นจะเข้าครอบงำ และจบด้วยการพยายามมากเกินไป
🔗 เราอยากท่องศัพท์ภาษาอังกฤษครั้งละมากๆ จึงตั้งเป้าไว้ว่าจะท่องศัพท์วันละ 20 คำ แต่พอเร่ิมได้สักพัก ก็รู้สึกติดขัด รู้สึกว่ามันยาก และอยากจะผ่อนคลายจากอาการสับสน เราจึงเริ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโซเชียล และรู้สึกผ่อนคลายจากอาการสับสนนั้น — และเชื่อมโยงการเล่นโซเชียลเข้ากับความรู้สึกยากโดยไม่รู้ตัว
เรารู้สึกผิด และอยากจะเลิกเล่นโซเชียลเพื่อเอาเวลาไปเริ่มท่องศัพท์ใหม่อีกครั้ง
แต่พฤติกรรมไม่ดีนั้นเร่งตัวมันเอง
เมื่อเราพยายามเร่ิมท่องศัพท์ เราจะรู้สึกติดขัดขึ้นมาอีกครั้ง เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเล่นโซเชียล และเราก็รู้สึกผิด และอยากกลับไปท่องศัพท์ แต่พอเลื่อนมาหลายวัน เลยรู้สึกว่าต้องรีบท่องให้มากขึ้น และกลายเป็นรู้สึกยากมากขึ้นไปอีก เกิดเป็นวงจรหมุนดิ่งสู่กระบวนการเกิดนิสัยเสียต่อไปเรื่อยๆ
หลังจากนั้น เมื่อคิดถึงการท่องคำศัพท์ เราก็จะเชื่อมโยงมันเข้ากับความยาก และละเลงนิ้วมือพุ่งลงสู่โลกออนไลน์โดยไม่รู้ตัว
| กระบวนการนี้เกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่สมองจะรู้ตัว
📍 หลุมพรางของเป้าหมาย
เป้าหมายเป็นเรื่องของความคาดหวัง
“ทำไมชีวิตเรายังไม่มีอะไรดีขึ้นเลย?”
คำถามนี้กำลังแสดงถึงความทุกข์ใจอยู่รึเปล่า?
คุณกำลังคิดว่า “เมื่อฉันบรรลุเป้าหมายแล้ว ฉันถึงจะมีความสุข” อยู่ใช่มั้ย?
บ่อยครั้งที่เราตั้งเป้าหมาย และหลงผูกติดความสุขในชีวิตกับเป้าหมายนั้น เราจะผลักไสความสุขออกห่างไปเรื่อยๆ เฝ้ารอจนกว่าจะไปถึงเป้าหมายที่วางไว้
จำกัดความพอใจไว้กับรูปแบบของชีวิตเพียงอย่างเดียว คือทำเป้าหมายให้สำเร็จ
เป้าหมายบังคับเส้นทางให้เราสองทางคือ ความสำเร็จ กับ ความล้มเหลว
ถ้าไม่บรรลุเป้าหมายก็เท่ากับล้มเหลว และเพียงเพราะมันไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ เราก็จะทิ้งความสุขไปกับมุมมองแคบๆนี้โดยไม่รู้ตัว และหลีกหนีมันด้วยการไม่ลงมือทำตั้งแต่ต้นเพื่อป้องกันความล้มเหลวในใจ
| คุณกำลังยึดติดอยู่กับเป้าหมายสุดท้ายอยู่รึเปล่า ?
ถ้าเป้าหมายของคุณคือการเป็นนักเขียน
จำไว้ครับว่าคุณไม่ได้เกิดมาพร้อมกับการเป็นนักเขียนตั้งแต่แรก แต่คุณจะเป็นนักเขียนได้ก็ต่อเมื่อคุณเขียนบทความใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง สะสมหลักฐานมากขึ้นและคุณจะกลายเป็นนักเขียนโดยไม่รู้ตัว
เมื่อกระบวนการหนึ่งเกิดขึ้นซ้ำๆ หลักฐานจะค่อยๆเพิ่มพูน และตัวตนของคุณก็จะเริ่มเปลี่ยนไป
เร่ิมต้นจากการสำรวจตัวเอง แล้วดูว่าที่ผ่านมาเราเคยติดอยู่กับปัญหาเหล่านี้โดยไม่รู้ตัวรึเปล่า แค่รู้ว่าเคยพลาดตรงไหนแค่นั้นก็ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วครับ
ลองสำรวจตัวเองดูครับ ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับเรารึเปล่า
・ ยาก! เพราะขาดความชัดเจน
・ ยาก! เพราะติดอยู่กับวงจรนิสัยเดิมๆ
・ ยาก! เพราะอยากเร่ิมทำอะไรทีละมากๆ
・ ยาก! เพราะยึดติดกับเป้าหมายเป็นหลัก
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้อยู่ๆ เราขอแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาห... ล้อเล่นครับ
\
อยากจะชวนทำความเข้าใจใหม่ว่า
ทุกๆการกระทำ คือการโน้มเอียงไปสู่การเป็นคนในแบบที่เราปรารถณา ไม่มีสิ่งใดเพียงสิ่งเดียวที่จะเปลี่ยนตัวเราได้ในทันที
ฉะนั้นการเร่ิมต้นที่ดีจึงควรเป็นการเริ่มต้นเล็กๆที่เชื้อเชิญให้เราทำซ้ำ และเกิดเป็นกระบวนการที่จะพาไปถึงเป้าหมายได้ในที่สุด
(💐) ขอบคุณเนื้อหาจากหนังสือ Atomic Habits
ร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่านทางคอมเมนต์ เพื่อแบ่งปันมุมมองกันนะครับ
ขอบคุณผู้รักการเรียนรู้ทุกท่านครับ :-)
โฆษณา