4 พ.ค. 2021 เวลา 07:00 • ประวัติศาสตร์
NBA 104 - ประวัติย่อของทีม NBA ตอนที่ 17 - Milwaukee Bucks
ประวัติทีม Milwaukee Bucks
ฝั่งที่สังกัด - ฝั่งตะวันออก Central Division
ปีที่ก่อตั้ง - 1968
ชื่อเดิม -
Milwaukee Bucks (1968-ปัจจุบัน)
สถานที่ตั้ง - เมือง Milwaukee รัฐ Wisconsin
ชื่อสนามเหย้า - Fiserv Forum
เจ้าของทีม - Wes Edens, Marc Lasry, Jamie Dinan, Mike Fascitelli
CEO - Marc Lasry
GM (General Manager) - Jon Horst
HC (Head Coach) - Mike Budenholzer
ทีมสังกัดใน G-League - Wisconsin Herd
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ลีก - 1 (1971)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ฝั่งทวีป - 2 (1971, 1974)
จำนวนครั้งที่ได้แชมป์ Division - 15 (1971-1974, 1976, 1980-1986, 2001, 2019, 2020)
จำนวนเบอร์เสื้อที่ทำการ Retired - 9 (1, 2, 4, 8, 10, 14, 16, 32, 33)
ประวัติทีมโดยสังเขป
ทีมได้ก่อตั้งขึ้นในปี 1968 และเข้าสู่ลีก NBA ในฤดูกาลแรกที่ปี 1968/69 คู่กับ Suns ที่มาพร้อมกัน แถมผลงานในฤดูกาลแรกก็รั้งบ๊วยเหมือนกันอีกด้วย โดย Bucks ทำได้แค่ 27-55 ในฤดูกาลเปิดตัว ก่อนที่จะได้สิทธิ์การ Draft อันดับ 1 และสามารถคว้าว่าที่สุดยอดผู้เล่นแห่งยุคอย่าง Lew Alcindor เข้าสู่ทีม
Lew Alcindor (Kareem Abdul-Jabbar)
การมาของเขานั้นมีส่วนสำคัญในการทำให้สถิติของทีมดูดีขึ้นอย่างมากในปีถัดมา ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 56-26 ซึ่งถือว่าการเก็บสถิติดีขึ้น 29 เกมนั้นนับว่ามากที่สุดในประวัติศาสตร์ของลีกในตอนนั้นอีกด้วย (ก่อนที่จะถูก Celtics ทำลายลงในภายหลัง) แถม Playoffs ผลงานก็ถือว่าไม่ธรรมดา สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สายตะวันออกก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Knicks อย่างน่าเสียดาย
ในปีถัดมาทีมจึงได้คว้าผู้เล่นสำคัญอีกคนอย่าง Oscar Robertson เข้าสู่ทีม ซึ่งถือว่าเจ้าตัวได้โชว์ศักยภาพควบคู่ไปกับ Alcindor ได้เป็นอย่างดี จนทำให้ทีมสามารถคว้าแชมป์ครั้งแรกและครั้งเดียวในประวัติศาสตร์ของทีมได้ในฤดูกาล 1970/71 ด้วยการเอาชนะ Bullets (Wizards ในปัจจุบัน) ไปได้ในรอบชิงแชมป์ลีกนั่นเอง
Oscar Robertson
ในปีถัดมา Bucks ยังคงโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่ง เริ่มจากในปี 1972 จากการที่ Alcindor ได้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาอิสลามพร้อมกับเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Kareem Abdul-Jabbar แต่ผลงานก็ยังคงยอดเยี่ยมเหมือนเดิมด้วยสถิติ 63-19 น่าเสียดายที่ไปพลาดท่าให้กับ Lakers ในรอบชิงแชมป์สายตะวันออกทำให้พลาดการป้องกันแชมป์ในที่สุด
ในปี 1973 ทีมยังคงรักษาผลงานระดับชนะได้ 60+ เกมสามฤดูกาลติดต่อกัน (ฤดูกาลนี้สถิติของทีมคือ 60-22) ซึ่งกลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ลีกที่ทำได้ เพียงแต่ว่ารอบนี้ผลงาน Playoffs กลับดูไม่ดีนัก แพ้ให้กับ Warriors จอดป้ายเพียงแค่รอบแรกเท่านั้น
เพียงแต่ในฤดูกาล 1973/74 ทีมสามารถกู้หน้ากลับมาได้สำเร็จ สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีก แต่พลาดท่าแพ้ให้กับ Celtics ไปแบบฉิวเฉียดในเกมตัดสินแชมป์หรือเกมที่ 7 พลาดโอกาสในการคว้าแชมป์สมัยที่สองไปอย่างน่าเจ็บใจสุดๆ
โชคร้ายที่ในฤดูกาล 1974/75 Abdul-Jabbar กลับมีอาการบาดเจ็บที่มือ ทำให้ผลงานของทีมหล่นลงมาอย่างน่าใจหายเช่นเดียวกัน และทำให้ผลงานโดยรวมอยู่แค่ 38-44 เท่านั้น แถมหลังจบฤดูกาลเจ้าตัวได้มีการประกาศว่าต้องการย้ายไปเล่นในทีมที่มีตลาดใหญ่มากกว่านี้ด้วย ทีมจึงตอบแทนด้วยการส่งเจ้าตัวไปให้กับ Lakers ในท้ายที่สุด ปิดฉากยุคของเขากับ Bucks เอาไว้แต่เพียงเท่านี้
ยุคของ Sidney Moncrief
หลังจากที่ Abdul-Jabbar ได้จากไป ผลงานของทีมก็ถือว่าไม่สู้ดีนัก จนกระทั่งในปี 1976 ที่ทีมมีการเปลี่ยนโค้ชใหม่เป็น Don Nelson และปี1979 ที่ทีมสามารถ Draft ว่าที่ผู้เล่นฝีมือดีอย่าง Sidney Moncrief เข้าสู่ทีม
Sidney Moncrief
เจ้าตัวได้กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ฟอร์มโดยรวมของทีมดีขึ้นผิดหูผิดตา ทีมจบฤดูกาล 1979/80 ด้วยสถิติ 49-33 พร้อมกับการคว้าแชมป์ Division ไปครองได้สำเร็จ และถือเป็นฤดูกาลสุดท้ายก่อนที่จะถูกย้ายไปประจำที่ Central Division อีกด้วย น่าเสียดายที่ผลงานใน Playoffs กลับดูไม่ดีนัก
แต่หลังจากที่ย้าย Division มาแล้วในฤดูกาล 1980/81 ทีมกลับมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมในช่วงฤดูกาลปกติได้อีกครั้ง สามารถคว้าแชมป์ Division ไปได้ถึง 7 สมัยซ้อน (1980-1986) แต่โชคร้ายที่ไม่มีครั้งไหนเลยที่สามารถไปได้ถึงรอบชิงแชมป์ลีกได้ เนื่องจากโดน Celtics หรือไม่ก็ Sixers กำราบลงก่อนนั่นเอง
เพียงแต่หลังจากนั้นผลงานของทีมก็ย่ำแย่ลงและเข้าสู่ช่วงตกต่ำของทีมอย่างยาวนานนับตั้งแต่ปี 1990 เป็นต้นมาเลยทีเดียว ทีมมีสถิติแพ้มากกว่าชนะติดต่อกัน 7 ฤดูกาล แต่ยังดีที่ในระหว่างยุคตกต่ำนั้น ทีมยังสามารถ Draft ดาวรุ่งอนาคตไกลทั้ง Glenn Robinson ในปี 1994 และ Ray Allen ในปี 1996 มาได้ ซึ่งทั้งสองคนจะกลายเป็นกำลังสำคัญให้กับทีมในเวลาต่อมาได้สำเร็จ
Glenn Robinson
นอกจากนั้นยังมี Vin Baker อีกคนที่โชว์ฟอร์มได้ดีมากๆ จนมีชื่อติดทีม All-Star ได้ แต่สุดท้ายแล้วทีมก็ตัดสินใจ Trade ออกจากทีมไปให้กับ Sonics (Thunder ในปัจจุบัน) ในปี 1997 ทำให้ทีมยังไม่สามารถทำลายสถิติแพ้มากกว่าชนะได้ในฤดูกาล 1997/98 และอดเข้ารอบ Playoffs ติดต่อกันถึง 7 ฤดูกาลเลยทีเดียว
Vin Baker
ยุคแห่ง Big 3
เวลาได้ล่วงเลยมาถึงปี 1998 ทีมได้ตัดสินใจว่าจ้าง Head Coach มากฝีมืออย่าง George Karl ประกอบกับการได้ Sam Cassell มาจาก Nets ทำให้ทีมเกิดสามประสานแกนหลักภายใต้การนำทีมของ Robinson, Allen และ Cassell ได้สำเร็จในปี 1999 ทำให้ทีมได้ยกระดับขึ้นมาเป็นหนึ่งในตัวเต็งลุ้นแชมป์ไปในทันที
Ray Allen และ Sam Cassell
ในฤดูกาล 2000/01 ทีมทำสถิติ 52-30 และสามารถกลับมาคว้าแชมป์ Division ได้อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานถึง 15 ปี แถมในรอบ Playoffs ก็ยังฝ่าไปได้ถึงรอบชิงแชมป์สาย ก่อนที่จะไปแพ้ให้กับ Sixers อย่างน่าเสียดาย
เพียงแต่ว่าช่วงเวลาที่ดีของทั้ง 3 คนนั้นถือว่าสั้นเหลือเกิน ในฤดูกาล 2001/02 ทีมกลับมีผลงานที่ดรอปลงอย่างมากจนไม่สามารถเข้ารอบ Playoffs ได้ และนั่นกลายเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ทีมโค้ชและผู้เล่นต่างก็เริ่มมีรอยร้าวกันจนถึงขั้นต่อไม่ติด ท้ายที่สุด Robinson และ Allen ก็โดน Trade ออกจากทีมไปให้กับ Hawks และ Sonics ในฤดูกาล 2002/03 ตามลำดับ สิ้นสุดยุคแห่ง Big 3 ของทีมไปอย่างรวดเร็วเอามากๆ
ยุคของ Michael Redd
อย่างไรก็ดี การจากไปของกำลังหลักทั้ง 2 คน ก็ได้กลายเป็นการเปิดทางให้ผู้เล่นอายุน้อยที่อยู่กับทีมมาตั้งแต่ปี 2000 อย่าง Michael Redd เริ่มได้เวลาในการลงเล่นมากขึ้น พร้อมทั้งได้พัฒนาฝีมือการเล่นไปในตัวด้วย
Michael Redd
จนกระทั่งแกนหลักคนสุดท้ายอย่าง Cassell ก็ได้ถูก Trade ไปให้กับ Wolves หลังจากที่ตกรอบ Playoffs รอบแรกในฤดูกาล 2002/03 ทำให้ต่อจากนี้ Redd ได้กลายเป็นแกนหลักของทีมอย่างเต็มตัว
แต่กระนั้นแล้วผลงานของทีมก็กลับไม่โดดเด่นเท่ากับยุค Big 3 แต่อย่างใด เนื่องจากทางด้านการบริหารทีมนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเช่นเดียวกัน ทั้ง GM คนใหม่อย่าง Larry Harris และโค้ชใหม่ทั้งสองคน แต่ผลงานโดยรวมก็ทำได้แค่เข้ารอบ Playoffs เพียง 2 ครั้งใน 6 ฤดูกาลที่มี Redd เป็นแกนหลักเพียงเท่านั้น
จากการที่มีผลงานที่ย่ำแย่ ทำให้ทีมต้องตัดสินใจเปลี่ยนแปลงทีมบริหารอีกครั้ง ในปี 2006 ทีมได้มีการเปลี่ยน GM เป็น Josh Hammond พร้อมกับเปลี่ยนโค้ชเป็น Scott Skiles ทีมเริ่มมีผลงานที่คงเส้นคงวามากขึ้น แต่ก็ยังไปไม่ถึงฝั่งฝันได้อยู่ดี ถึงแม้จะได้สุดยอดผู้เล่นอย่าง Richard Jefferson มาจาก Nets ในปี 2008 แต่ก็ช่วยทีมไม่ได้มากเท่าที่หวังไว้เช่นเดียวกัน
ยุคของ Brandon Jennings
จนกระทั่งได้เข้าสู่ฤดูกาล 2009/10 ทีมได้ Draft ดาวรุ่งอย่าง Brandon Jennings เข้าสู่ทีม พร้อมกับการผนึกกำลังกับผู้เล่นอย่าง Redd, John Salmons ที่ได้มาจาก Bulls รวมไปถึง Andrew Bogut ที่เริ่มมีผลงานที่ดีขึ้น ทำให้ทีมกลับมาเป็นตัวเต็งได้อีกครั้งหลังจากที่ห่างหายไปนาน
Brandon Jennings
ทีมจบฤดูกาลด้วยสถิติ 46-36 คว้าอันดับ 6 และเข้ารอบ Playoffs ไปได้สำเร็จ แต่เนื่องจากอาการบาดเจ็บของ Bogut ทำให้ทีมขาดตัวสำคัญจนไม่สามารถผ่านรอบสองไปได้ แถมฤดูกาลถัดมาทีมก็ไม่สามารถเข้ารอบ Playoffs ได้อีกด้วย
จากนั้นผลงานของแกนหลักชุดใหม่ ก็ไม่ส่ามารถทำผลงานตอบสนองต่อความคาดหวังได้อีกคล้ายกับยุคของ Redd จนกระทั่งโค้ช Skiles โดนไล่ออกในฤดูกาล 2012/13 ถึงแม้ว่าฤดูกาลนี้จะเข้า Playoffs ได้ แต่ก็โดนเขี่ยตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ยุคของ Giannis Antetokounmpo
ต่อมาในฤดูกาล 2013/14 ทีมได้มีการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งสำคัญอีกครั้ง เริ่มจากการใช้โค้ชใหม่เป็น Larry Drew พร้อมทั้งการ Trade ผู้เล่นหลายตัวรวมถึงแกนหลักอย่าง Jennings ออกจากทีม ทำให้ในฤดูกาลนี้ทีมเหลือผู้เล่นหน้าเก่าเพียงแค่ 4 คนเท่านั้นหากเทียบกับชุดผู้เล่นในฤดูกาลก่อนหน้า
พร้อมกับการที่ทีมได้ใช้สิทธิ์การ Draft ในอันดับ 15 เลือกว่าที่ผู้เล่นระดับสุดยอดอย่าง Giannis Antetokounmpo เข้าสู่ทีม ถึงแม้ว่าในปีแรกฟอร์มของเขาจะยังไม่ดีอะไรนัก แต่ด้วยผลงานโดยรวมที่ย่ำแย่เช่นกัน หลังจบฤดูกาลจึงมีการเปลี่ยนโค้ชอีกครั้งเป็น Jason Kidd และนั่นทำให้ผลงานของเขานั้นดีขึ้นผิดหูผิดตาเลยทีเดียว
Giannis Antetokounmpo
ทำให้ในฤดูกาล 2014/15 ทีมกลับมาเข้ารอบ Playoffs อีกครั้งที่สถิติ 41-41 ถึงแม้ว่าจะตกรอบแรกไปตามคาด แต่หลายฝ่ายก็เริ่มมีความเชื่อมั่นว่าคราวนี้จะต้องไม่ซ้ำรอยยุคก่อนหน้านี้อีก ทีมต้องก้าวต่อไปข้างหน้าให้จงได้
พอเข้าสู่ฤดูกาล 2015/16 ทีมได้ผู้เล่นมากประสบการณ์อย่าง Greg Monroe มาช่วยทีม พร้อมกับตัดสินใจต่อสัญญาหนึ่งในผู้เล่นสำคัญอย่าง Khris Middleton ด้วยระยะเวลาถึงห้าปีด้วยกัน พร้อมกับทีมได้ตัดสินใจเปลี่ยนสนามเหย้าใหม่กลายเป็นสนามเหย้าที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน หลังจากที่ใช้บริการของ Bradley Center มาตั้งแต่ปี 1988 ก็ตาม
น่าเสียดายที่ผลงานโดยรวมไม่ดีนัก ทีมจบด้วยสถิติ 33-49 แต่ผลงานส่วนตัวของ Antetokounmpo กลับเริ่มฉายแววโหดขึ้นเรื่อยๆ สามารถทำ Triple-Double ได้ถึง 5 ครั้งในฤดูกาลนี้
ฤดูกาล 2016/17 ทีมได้มีการเสริมขุมกำลังขึ้นไปอีก ด้วยการ Draft ว่าที่ผู้เล่นสำคัญของทีมอีกคนอย่าง Malcolm Brogdon และเขาก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของแกนหลักชุดนั้นของทีมอย่างรวดเร็ว ประกอบกับผู้เล่นคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มเล่นได้เข้าขากันมากขึ้น ทำให้จบฤดูกาลด้วยสถิติ 42-40 และผ่านเข้ารอบ Playoffs ไปได้อีกครั้ง แต่ก็ต้องตกรอบแรกไปอย่างรวดเร็วด้วยน้ำมือของ Raptors
เพียงแต่ว่าในปีถัดมา Kidd กลับถูกปลดอย่างกะทันหันในช่วงกลางฤดูกาล ถึงแม้ว่าทีมจะจบฤดูกาลด้วยสถิติ 44-38 ซึ่งถือว่าดีที่สุดในรอบหลายปีก็ตาม แต่ทีมคงเห็นว่า Kidd ไม่น่าจะพาทีมไปได้ไกลกว่านี้แล้ว และถึงแม้จะมีการเปลี่ยนโค้ชกลางคัน แต่ทีมก็ยังไม่สามารถผ่าน Playoffs รอบแรกไปได้เช่นเดิม
เข้าสู่ยุคปัจจุบัน
ในปี 2018 ทีมได้แต่งตั้ง Mike Budenholzer โค้ชผู้มากประสบการณ์มาเป็น Head Coach ให้กับทีมแทน Kidd ที่โดนปลดออกกลางฤดูกาลก่อน พร้อมกับการเปิดตัวสนามเหย้าใหม่อย่าง Fiserv Forum อย่างเป็นทางการ
Mike Budenholzer
ผลของการเปลี่ยนโค้ชนั้นนับว่าส่งผลดีต่อทีมเป็นอย่างมาก ทีมจบฤดูกาล 2018/19 ด้วยสถิติ 60-22 ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของทีม พร้อมกับการคว้าอันดับจ่าฝูงในฤดูกาลปกติและ Antetokounmpo ได้กลายเป็น MVP ด้วย เพียงแต่ว่าใน Playoffs ทีมกลับต้องไปพลาดท่าให้กับ Raptors ที่รอบชิงแชมป์สายตะวันออกเพียงแค่เกม 6 เท่านั้น ทำให้ยังไม่สามารถเข้าสู่รอบชิงแชมป์ที่หวังกันมานานได้เสียที
เพียงแต่ทีมยังพยายามหาทางปรับปรุงขุมกำลังเพื่อที่จะทำเปาหมายให้เป็นจริงได้อีกครั้ง ในฤดูกาล 2019/20 ทีมยังคงรักษาความเป็นจ่าฝูงฤดูกาลปกติไว้ได้ พร้อมกับการที่ Antetokounmpo ได้เป็น MVP สมัยที่สองติดต่อกัน เพียงแต่รอบนี้ผลงานใน Playoffs กลับย่ำแย่กว่าเดิม หลังจากที่ไปแพ้ Heat แบบพลิกความคาดหมายเพียงแค่รอบสองเท่านั้น
ทำให้สุดท้ายแล้ว ฤดูกาลปัจจุบัน น่าจะเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญของทีมชุดนี้แล้ว ถ้ายังไม่สามารถไปถึงดวงดาวได้อีก ไม่แน่ว่า Antetokounmpo อาจเกิดเปลี่ยนใจไม่อยู่ร่วมสร้างประวัติศาสตร์ให้กับทีมอีกต่อไปแล้วก็เป็นได้
ถ้าชอบก็ฝาก Share และกดติดตามด้วยนะครับ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านครับ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา