5 เม.ย. 2021 เวลา 02:00 • กีฬา
Ep.08 Just GO ! Recommended , รองเท้า 5 รุ่น 5 สไตล์ใส่เที่ยวและวิ่ง ครบ จบ ในคู่เดียว
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในยุคสมัยนี้ กีฬาวิ่งได้เติบโตขึ้นมากมาก ทั้งในเรื่องของกระแสสังคมและเทคโนโลยีต่างๆ เรียกได้ว่าการวิ่งได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของใครหลายๆคนไปแล้ว บางคนอาจจะชอบวิ่งในตอนเช้าก่อนไปทำงาน บางคนอาจจะชอบวิ่งในตอนเย็นหลังเลิกงาน หรือบางคนอาจจะวิ่งในช่วงพักกลางวันด้วยเลยก็มี เรียกได้ว่าคนเราในทุกวันนี้สามารถออกกำลังกายด้วยการวิ่งได้ทุกเวลาจริงๆ
ด้วยยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเรามีไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งทำงาน ออกกำลังกาย ไปพบเจอกับคนในสังคม ทำให้การเลือกซื้อเลือกใช้นั้นควรตอบโจทย์ได้หลายๆฟังก์ชั่นตามแต่ละการใช้งาน เห็นได้จากการที่เห็นหลายๆคนได้หยิบรองเท้าวิ่ง เข้ามา Mix&Match เพื่อใส่ในชีวิตประจำวันนอกเหนือเวลาวิ่ง เพื่อตอบโจทย์การใช้งานหลายๆอย่าง
และในวันนี้ JUST GO ! จะมาแนะนำรองเท้าวิ่งจาก 5 แบรนด์ที่ทั้งสามารถใส่วิ่งและใส่ลำลองได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างไปติดตามกันได้เลย
Nike React Infinity run Flyknit 2  (ประมาณ 5,800 บาท)
1.Nike react infinity run flyknit 2
รองเท้าวิ่งรุ่นล่าสุดในซีรี่ส์ React ที่ได้ความนิยมอย่างล้นหลามตั้งแต่ตอนเปิดตัวในช่วงปี 2018 กับเทคโนโลยี React Midsole รุ่นใหม่จากทาง Nike ที่ออกแบบคาแรคเตอร์ของโฟมที่ให้ความรู้สึก นุ่ม เด้ง ด้วยในกระแสช่วงนั้นรองเท้าในลักษณะนี้ถือว่ายังมีไม่มาก ด้วยรูปลักษณ์ที่สามารถใส่ได้ทั้งวิ่งและเที่ยวในคู่เดียวกัน ทำไมรองเท้ารุ่นนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่กำลังจะเริ่มวิ่งและอยากหารองเท้าวิ่งคู่แรก ด้วยความที่สามารถใส่ได้ทุกรูปแบบการวิ่ง ทั้งวิ่งช้าและวิ่งเร็ว มาพร้อมกับหน้าผ้าแบบ Flyknit โอบกระชับรูปเท้าและ React Midsole ที่นุ่มเด้งวิ่งสนุก
สำหรับในปี 2021 นี้ Nike ได้ออกเวอร์ชั่นล่าสุดของรองเท้าตระกูล React ออกมา โดยใช้ชื่อว่า React Infinity Run ซึ่งเป็นตัวต่อยอดจากปีที่แล้ว ซึ่งได้ปรับมาใช้หน้าผ้าในรูปแบบ Flyknit ภายใต้โปรเจคที่ชื่อว่า ‘Run Fearless’ ที่ช่วยให้นักวิ่งได้ออกไปวิ่งได้ไกลขึ้น วิ่งแบบไม่เจ็บ สำหรับการใส่ซ้อมวิ่งยาวตั้งแต่ระยะ 5 กิโลเมตรจนถึงระยะมาราธอน
Adidas Ultraboost 21 (ประมาณ 6,500 บาท)
2.Adidas Ultraboost 21
การกลับมาแบบเปลี่ยนโฉมใหม่กับรองเท้าวิ่งระดับท๊อปจากค่ายสามขีดแบรนด์ Adidas กับซีรี่ส์ ‘Ultraboost’ ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่ปี 2015 ซึ่งถือว่าเป็นรองเท้าที่เปลี่ยนโฉมวงการรองเท้าวิ่งด้วยเทคโนโลยี Boost Midsole ซึ่งมีคุณสมบัติรองรับการกระแทกแบบ max cushioning ให้ความนุ่มสบายและมี Energy return ซึ่งนอกจากจะเป็นหัวเรือใหญ่ของรองเท้าวิ่งจากแบรนด์สามขีดแล้ว รองเท้ารุ่นนี้ก็ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาตร์ Sneaker Trend ในช่วงนึงเลยทีเดียว เพราะ Kanye West และ Justin Bieber นักร้องชื่อดังเป็นผู้สวมใส่รองเท้ารุ่นนี้ในช่วงที่ออกมาแรกๆ ทำให้กระแสและความต้องการในรองเท้ารุ่นนี้พุ่งขึ้นไปเป็นเท่าตัว
ซึ่งในแง่ Performance นั้นทางผมรู้สึกว่า Ultraboost รุ่นแรกๆนั้น ไม่ค่อยให้ความรู้สึกที่เป็นรองเท้าวิ่งมากเท่าไหร่ เพราะด้วยน้ำหนักของรองเท้าเองที่มากกว่า 300 กรัมและ Boost Midsole ที่ให้ความรู้สึกที่นุ่ม ยวบมากจนเกินไป วิ่งไม่ค่อยสนุก แต่ในแง่ของรองเท้าเดินนั้นส่วนตัวให้คะแนน 10/10 เลย เพราะสามารถเดินได้สบายมากๆ ไม่มีความรู้สึกเมื่อยล้าเลย
กลับมาต่อกันที่ตัวปัจจุบันกับ Ultraboost 21 ที่เรียกได้ว่าเปลี่ยนโฉมไปอย่างมากกับรองเท้าในตระกูลนี้ ด้วยเทคโนโลยี Boost Midsole ที่อัดเม็ดโฟมเข้าไปเพิ่มถึง 6% ในช่วงส้นเท้า ซึ่งส่งผลให้ตัวรองเท้าเฟิร์มมากขึ้น ไม่ยวบจนเกินไป และการออกแบบของรองเท้าที่ใส่ความเป็น Rocker Shape ให้กับรองเท้าตามแบบสมัยนิยมในยุคนี้ เพื่อให้เกิดวิ่งที่ลื่นไหลอย่างต่อเนื่อง และสุดท้ายกับ LEP (Linear Energy Push) ที่มีลักษณะเหมือนแกนกลางของรองเท้าคล้ายกับ Torsion System ในรุ่นก่อนๆ ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยในการผลักรองเท้าให้ไปข้างหน้าได้มากยิ่งขึ้นแต่ไม่เท่ากับแผ่น Carbon ของรองเท้ารุ่นอื่นๆเหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารองเท้าสำหรับใส่ซ้อมวิ่งเรื่อยๆแบบ Long Run ไม่เน้นทำความเร็ว รองรับการกระแทกได้ดี
Asics Novablast (ประมาณ 4,900 บาท)
3.Asics Novablast
แต่ก่อนเวลาเรานึกถึงรองเท้าวิ่งของ Asics คนส่วนมากจะนึกถึงรุ่น Nimbus หรือ Kayano ที่เป็นรองเท้าสำหรับสายซัพพอร์ทน้ำหนักมาก หรือไม่ก็จะเป็นแนว Racing Flat อย่าง Tarther Japan ที่ให้ความรู้สึกดิบ ดีด Minimal ไปเลย ซึ่งในปี 2020 ที่ผ่านมาเรียกได้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับ Asics เลยก็ว่าได้ ด้วยการมาของ Asics Novablast รองเท้าที่ฉีกภาพจำของ Asics ไปอย่างสิ้นเชิง มาพร้อมกับ Midsole Flytefoam Blast ซึ่งเป็น Midsole รุ่นใหม่จากทาง Asics ที่ให้ความรู้สึกที่ นุ่ม(มาก)และเด้ง มากกว่ารองเท้ารุ่นอื่นๆที่เคยทำมา (หลายๆคนได้บอกว่าความรู้สึกคล้าย ZoomX ของทาง Nike) มาพร้อมกับรูปทรงแบบ Rocker Shape ที่จะช่วยส่งให้การวิ่งลื่นไหลมากยิ่งขึ้น โดยรองเท้ารุ่นนี้ถูกวางตำแหน่งไว้เป็นรองเท้า Daily Trainer สำหรับใส่ซ้อมทุกวัน โดย Pace ที่เหมาะสำหรับรองเท้ารุ่นนี้ส่วนตัวคิดว่าอยู่ที่ 6.30-5.00 ซึ่งถ้าเร็วกว่านี้หรือช้ากว่านี้ ด้วย Stack Height ที่หน้า 22mm.หลัง 32mm. (Drop 10) เรียกได้ว่าค่อนข้างสูงเลยสำหรับวิ่งในกลุ่มนี้
โดยในช่วงที่ผ่านมาด้วยกระแสของ Novablast ที่มาแรงอย่างมากในโลกของรองเท้าวิ่ง ด้วยคะแนนรีวิวและเสียงตอบรับที่ล้นหลามจากทั้ง Influencer และ นักวิ่งมือสมัครเล่นทั่วไป จึงไปเข้าตาในโลกของวงการ Fashion ทำให้เกิดการ Collab ครั้งยิ่งใหญ่ในวงการ Street Fashion อย่าง Slam Jam และ Sneaker n Stuff ซึ่งเป็นการ Collab ที่เรียกเสียงฮือฮาไม่น้อยทั้งในวงการวิ่งและ Street Fashion ด้วยรูปลักษณ์ของรองเท้าที่มีความเป็น Techwear และทรงรองเท้าแบบ Dad Shoes ทำให้เป็นที่นับจับตามองว่าในอนาคตเราอาจจะได้เห็นการ Collab กับแบรนด์ต่างๆมากกว่านี้ก็เป็นได้
(ซ้าย) Asics Novablast x Sneaker & Stuff (ขวา) Asics Novablast x Slam Jam
4.Hoka One One Clifton 7
Hoka One One Clifton 7 (ราคาประมาณ 4,900 บาท)
มาต่อกับคู่ที่ 4 กับแบรนด์รองเท้าจากประเทศฝรั่งเศสอย่าง Hoka One One โดดเด่นในเรื่องของการทำรองเท้าแบบ Maximal Shoes หรือรองเท้าวื่งพื้นหนาและเทคโนโลยีแบบ Rocker Shape ที่ช่วยให้การวิ่งลื่นไหลมากยิ่งขึ้น ซึ่ง Hoka One One Clifton นั้นก็ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 7 แล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ในรุ่นแรกๆ ตัวรองเท้าถูกออกแบบมาสำหรับ Fast-Daily Trainer หรือสำหรับใส่ซ้อมในวันที่ต้องการความเร็ว แต่ในรุ่นหลังๆนั้นได้ปรับมาเป็น Cushion Daily Trainer หรือรองเท้าสำหรับสายซัพพอร์ท เน้นความหนา-นุ่ม ใส่สบายเข้ามาแทน
ด้วยความหนา นุ่ม ใส่สบายเท้าและด้วยรูปทรงที่เข้ากับเทรนด์แฟชั่นแบบ Dad Shoes หรือ Chunky Shoes ในสมัยนี้ จึงทำให้ Hoka One One Clifton 7 เป็นตัวเลือกสำหรับคนที่อยากหารองเท้าที่สามารถใส่เดินได้ทั้งวันและไปออกกำลังกายในตอนเย็น และในช่วงนี้ได้มีการปรับลดราคามากกว่า 30% ตามร้านตัวแทนจำหน่ายต่างๆ ด้วยราคาที่ลดแล้วไม่เกิน 4,000 บาท จึงจัดว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว
5.Altra Rivera
Altra Rivera (ราคาประมาณ 4,900 บาท)
ปิดท้ายด้วยแบรนด์รองเท้าสาย Zero Drop รุ่นใหม่จากทาง Altra Running ด้วย Rivera ที่มาพร้อมกับ Slogan “Fast Marathon” ด้วยการผสมผสานของรองเท้า 2 รุ่นยอดนิยมอย่าง Escalante ที่โดดเด่นด้วย Ego Midsole ให้ความรู้สึก นุ่ม-เด้ง เวลาสวมใส่ และหน้าผ้า Mesh จาก Altra Torin ที่ให้ความรู้สึก โล่ง โปร่ง สบายเท้า และด้วย Stack Height ที่ 26 mm. ที่อยู่กลางๆระหว่างทั้งสองรุ่นดัง จึงทำให้รองเท้ารุ่นนี้มีความน่าสนใจอยู่ไม่น้อย เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหารองเท้าสำหรับใส่ซ้อมเป็น Daily Trainer ในทุกระยะ หรือคนที่อยากหารองเท้าสำหรับใส่วิ่งมาราธอนแต่ก็รู้สึกว่า Torin จะนุ่มยวบไป จะไปหา Escalante ก็กลัวว่าจะบางเกินไป คู่นี้จึงตอบโจทย์และเป็นส่วนผสมที่ลงตัว
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม :
#nikerunning #adidasrunning #asicsrunning #hokaoneone #altrarunning #justgo
โฆษณา