15 มี.ค. 2021 เวลา 04:36 • ปรัชญา
กายเป็นนาย ใจเป็นบ่าว
 
เราประเมินพลังของจิตใจสูงไป เพราะพลังมันก็สูงจริงๆ เพียงแต่ในอีกแง่มุมหนึ่งมันก็อ่อนแอกว่าที่เราคิดมาก วันนี้เรามีแรงบันดาลใจเปลี่ยนแปลงตัวเองแต่อีกไม่กี่วันต่อมาเราอาจจะกลับไปนั่งบนโซฟาดูโทรทัศน์พลางหยิบมันฝรั่งทอดกรอบเข้าปาก รู้สึกตัวอีกทีเมื่อมือควานเจอเพียงความว่างเปล่าในถุงหมายความว่าต้องลุกไปเอาถุงใหม่ โลกนี้ไม่มีใครอยากให้ชีวิตตัวเองแย่ ส่วนใหญ่ถ้าเลือกได้ทุกคนล้วนอยากได้สุขภาพแข็งแรง เงินทองไม่ขาดมือ และครอบครัวที่ดี แต่แล้วทำไมสุดท้ายยังมีคนติดพนัน ติดยา เซ็กซ์ สุรา การกิน รวมถึงเป็นเหยื่อของพฤติกรรมบั่นทอนอื่นๆจนทำให้ชีวิตตัวเองมีปัญหาและอาจก่อปัญหาให้กับคนอื่นด้วยซ้ำ จึงวกกลับมาสู่คำถามที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” จริงเหรอ
นิสัยเป็นอะไรที่มีพลังต่อชีวิตมหาศาล สุดยอดปราชญ์อย่างอริสโตเติลก็ยืนยันว่านิสัยคือสิ่งที่ควรบ่มเพาะเพื่อความสำเร็จ Life Coach รวมถึงนักเขียน Best seller หลายคนก็ให้ความสำคัญในจุดนี้ พฤติกรรมบางอย่างที่กลายเป็นนิสัยจะถูกปฏิบัติออกมาโดยแทบไม่ต้องคิดคล้ายข้ามกระบวนการตัดสินใจ ทำสม่ำเสมอหากไม่มีพฤติกรรมบางอย่างไปแทนที่หรือขัดวงจร ยกตัวอย่างเช่นการวิ่งทางไกลที่คนไม่เคยวิ่งอาจรู้สึกเบื่อ เหนื่อย ทรมาน แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นคนที่วิ่งเป็นประจำแล้ว วันไหนที่มีเหตุไม่ได้วิ่งขึ้นมาก็จะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ร่างกายคล้ายเสพติดความเหนื่อยและทรมานมากกว่า แต่มันก็ไม่ได้ง่ายแบบนั้นเสมอไป บางวันที่ชวนให้ขี้เกียจก็ยังเข้ามาทดสอบเราเป็นระยะๆ เช่น พักวันสองวันก็ได้ ให้รางวัลตัวเองจากความพยายามอันแสนยาวนานบ้าง นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นเล็กๆที่ทำให้หลุดจากวงโคจรนิสัยเดิมๆได้หากไปติดนิสัยการพักใหม่ๆแทน
คนที่ประสบความสำเร็จในสิ่งหนึ่งไม่ได้แปลว่าเขามีแรงบันดาลใจในการทำสิ่งนั้นทุกวัน แต่กลับกันคือการยังคงทำสิ่งนั้นแม้จะเป็นวันที่ไม่มีแรงบันดาลใจเลย การที่ทหารจะยอมทิ้งเหตุผลหรือแม้แต่ชีวิตตัวเองเพื่อปฏิบัติตามสั่งของผู้บังคับบัญชาต้องอาศัยการบ่มเพาะจาก “วินัย” สิ่งที่ยังบังคับให้ก้าวไปตามเป้าหมายแม้ใจจะอยากถอยก็ตาม วินัยคือการกักขังใจไว้ในกายที่เคลื่อนไหวแย้งกับความรู้สึก นักปรัชญาสมัยใหม่อย่าง มิเชล ฟูโกต์ ก็เคยกล่าวถึงเรื่องนี้ในทฤษฎี “อำนาจชีวะ” (Bio-power) โดยสังคมวางกลไกของอำนาจผ่านระเบียบและกฎเกณฑ์ ซึ่งมีความสอดคล้องกับวิถีชีวิตประจำวัน ซึ่งจะล้วงลึกเข้าไปถึงจิตสำนึกและวิญญาณ ส่งผลต่อ พฤติกรรม อิริยาบถ วิธีคิด จดนำมาสู่ความมั่งคั่งของเศรษฐกิจสังคม อย่างเช่น ทุกวันนี้พ่อแม่ยังต้องส่งลูกหลานเข้าโรงเรียนในระบบเพื่อโตมาจะได้มีงานและได้เงินเดือนที่มั่นคงจากระบบทุนนิยม จิตใจของเด็กที่ต้องการวิ่งเล่น เล่นเกม จำเป็นต้องถูกร่างกายที่หนั่งอยู่หน้าเอกสารการสอน แล้วบังคับให้สนใจในบทเรียน
คนที่ประสบความส่วนใหญ่คือคนที่สามารถใช้ร่างกายกำกับจิตใจตัวเองได้ผ่านเครื่องมือที่ชื่อว่า “วินัย” แม้แต่นักเขียนหรือศิลปินก็ต้องใช้อิริยาบถบางอย่างเพื่อบังคับให้ความคิดของตัวเองทำงานในเรื่องที่ต้องการ แม้แต่การเขียนบทความเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆของผมก็ต้องใช้วินัยในการกำกับ บทความเพียง 3-4 เรื่องแรกอาจเริ่มเขียนด้วยแรงบันดาลใจ แต่หลังจากนั้นหากจะเขียนให้ได้ต่อเนื่องผมก็จำเป็นต้องใช้วินัยมากำกับซึ่งยอมรับโดยดีว่าหลุดเป็นระยะๆครับ ฮ่าๆ
บุคคลหนึ่งซึ่งผมติดตามอยู่ เขาเล่นกับจิตใจของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ นั่นคือผู้ชายที่ได้ชื่อว่า แกร่งที่สุดในโลก David Goggins ชายผู้เคยลงแข่งวิ่ง 100 ไมล์โดยไม่เคยซ้อมและเกือบตาย ชายผิวดำที่พิชิตหลักสูตรโหดสุดของทหารจนครบไม่ว่าจะ Seal, Ranger หรือ Delta โดยที่ตอนฝึก Seal เขาผ่านสัปดาห์นรกถึง 3 รอบในเวลาช่วง 1 ปี (2 รอบแรกมีเหตุทางกายทำให้ฝึกต่อไม่ได้) โดยที่ก่อนจะสอบเข้าหน่วย Seal เขามีน้ำหนักตัวเกือบ 300 ปอนด์และมีเวลาเพียง 3 เดือนในการลดมาอยู่ในช่วงประมาน 190 ปอนด์ กับภาวะบกพร่องทางการเรียนรู้ที่หลอกหลอนเขากับการเรียนหนังสือเสมอมา และต้องเตรียมตัวสอบในส่วนข้อเขียนให้ทันเช่นกัน หลังจากผ่านช่วงการเป็นทหาร เขาผ่านสนาม Ultra marathon โหดๆมาหลายสนามแล้วจึงค่อยมารู้ว่าตัวเองมีภาวะลิ้นหัวใจรั่ว ช่วงที่ไม่สามารถวิ่งได้เขาทำสถิติโหนบาร์แบบ pull up ได้มากที่สุดในเวลา 24 ชั่วโมง วีรกรรมท้าทายสังขารตัวเองเช่นนี้ของเขามีอีกมาก เช่น กระดูหน้าแข้งหักก็เอาเทปดำมัดขาแน่นๆจนชาแล้วฝึกต่อ ผมยังยกตัวอย่างมาไม่หมด ถ้าจะให้ครบอาจจะต้องเป็นอีกบทความหนึ่งเลยล่ะครับ
แต่ที่น่าสนใจคือการที่เขาออกกำลังกาย(หรือทารุณกรรมกาย)เช่นนี้เขาเล่าว่า จุดประสงค์ก็คือต้องการฝึกจิตใจตัวเองเหมือนกับการติดเกราะให้กับมัน ธรรมชาติของจิตใจจะเป็นสิ่งที่คอยบล็อกศักยภาพของเรา ยกตัวอย่างให้เห็นภาพก็เหมือนกับสเกลความเร็ว ในความเป็นจริงเครื่องเราอาจจะวิ่งได้เร็วสูงสุด 180 กม/ชม. แต่ธรรมชาติจิตใจจะเหมือนกฎหมายที่มาคอยควบคุมไว้ไม่ให้เกิน 90 กม/ชม. แต่เขาเชื่อว่าถ้าใช้ร่างกายบังคับจิตใจ จากนั้นจิตใจก็จะเรียนรู้ว่าต้องเอาพลังที่มีมาช่วยรับใช้เราแทนที่จะห้าม ทุกๆวันสำหรับเขาคือการก่อสงครามผ่านร่างกายเพื่อเอาชนะศึกในหัวของตัวเอง
“ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” สามารถเป็นจริงได้ แต่ต้องผ่านช่วง “กายเป็นนาย ใจเป็นบ่าว” ก่อนเพื่อเรียนรู้การเป็นนายที่ถูกต้องอย่างแท้จริง
โฆษณา