15 มี.ค. 2021 เวลา 06:11 • ปรัชญา
ศิลปะคือเครื่องฉายความเป็นมนุษย์
ประชากรชาวยิวเสียชีวิตในค่ายกักกันเอาท์วิซช์ ในช่วงสงครามโลกคราวที่ 2 เป็นจำนวนราว 1.1 ล้านคน ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองมีนักธุรกิจท่านหนึ่งชื่อ Oscar Schindler คอยแอบช่วยเหลือชาวยิวจำนวนมากโดยการยอมทำโรงงานแบบขาดทุนเพื่อจ้างชาวยิวเป็นแรงงาน รวมถึงเงินอีกมหาศาลที่ต้องใช้ติดสินบนนายทหารต่างๆ การเล่าด้วยข้อเท็จจริงแบบนี้ทำให้ผู้อ่านได้รับข้อมูล แต่เรื่องอารมณ์ความรู้สึกร่วมยังแห้งแล้ง ในทางกลับกันถ้าลองเปลี่ยนการนำเสนอเป็นภาพยนตร์เรื่อง Shindler’s List ของ Steven Speilberg ซึ่งนำแสดงโดย Liam Neeson หรือเป็นในรูปแบบนิยายเรื่อง เด็กชายในชุดนอนลายทาง ของ John Boyne รับประกันว่าต้องมีใครสักคนต่อมน้ำตาแตกแน่นอน ถึงแม้ข้อมูลจะไม่ได้ใส่มาครบถ้วนเหมือนในเว็บไซต์ Wikipedia ก็ตาม
รูปเหมือนที่วาดโดยฝีมือคน แม้จะไม่เหมือนต้นฉบับเป๊ะเมื่อเทียบกับการเซฟรูปแล้วปริ้นท์ออกมา แต่ปรากฎว่าคนเราให้ค่ากับรูปที่วาดมากกว่า หากตัดความรู้สึกทางด้านศิลปะไปโดยสิ้นเชิง ศิลปะการวาดรูปแทบจะไม่มีความหมายเมื่อการพิมพ์รูปโดยคอมพิวเตอร์เหมือนจริงและรายละเอียดดีกว่า งานปั้นจะถูกแทนที่ด้วยเครื่องพิมพ์ 3 มิติโดยสมบูรณ์แบบ การแสดงดนตรีสดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องดนตรีที่ต้องบ่มเพาะฝีมือการเล่นต่อชิ้น อย่างเช่น ไวโอลิน จะหมดความหมายเมื่อดนตรีสังเคราะห์ทำแทนได้และเล่นซ้ำกี่รอบก็ได้แบบไม่ผิดเพี้ยนและชัดเจนกว่า ความเป็นศิลปะคือไม้ตายที่มนุษย์เอาไปงัดสู้กับ A.I. (Artificial Intelligent) หลังจากที่เราแพ้เรื่องความจำและการคำนวณให้กับมันอย่างราบคาบ เพิ่งแพ้เรื่องหมากรุกและหมากล้อมไปหมาดๆ และตอนนี้พวกมันเริ่มเขียนเพลงและบทความเองได้แล้ว
ผมมองว่าศิลปะเป็นเครื่องมือที่ช่วยขยายอารมณ์ความรู้สึกให้ชัดเจนขึ้น ซึ่งมีอิทธิพลในการโน้มน้าวคนอื่นๆให้มามีจุดมุ่งหมายร่วมกันแล้วผลักดันให้เกิดความเปลี่ยนแปลงในสังคมได้ ข้อมูลตัวเลขจำนวนครัวเรือนของเกษตรกรที่เดือดร้อนทั้งประเทศในปัจจุบัน อาจจะมีผลกระทบไม่สู้รูปถ่ายของเกษตรกรคนเดียวที่กำลังยืนร้องไห้อย่างสิ้นหวังท่ามกลางผืนนาของตนเองที่เสียหาย เพียงแต่ถ่ายทอดออกมาในมุม แสงสี องค์ประกอบที่เหมาะสมซึ่งบริหารจัดการโดยความสามารถเชิงศิลปะ ศิลปะช่วยให้คนอื่นมองเห็นคุณค่าความเป็นคนในคนที่ธรรมดาเกินจะให้ความสนใจในยามปกติได้
อีกตัวอย่างได้แก่ความรักแบบวัยรุ่น ถ้ามองจากมุมสาวใหญ่ลูก 3 คน ผ่านการแต่งงานมา 2 ครั้ง คงจะมองดูว่าไร้สาระหากเห็นวัยรุ่นคนหนึ่งกำลังฟูมฟายเพราะผิดหวังในความรักจากแฟนของตน แต่แล้วจะเข้าใจมากขึ้นหากรับรู้มันผ่านบทเพลงที่ตีแผ่ประสบการณ์เหล่านี้ หรือถ่ายทอดผ่านละครก็ทำให้อินและเข้าใจไปกับมันได้มากขึ้นเช่นกัน ศิลปะเหมือนเจ้าหน้าที่คอยผดุงความเป็นมนุษย์ แต่ในยุคที่เทคโนโลยีพัฒนาไปไวเช่นนี้ ศิลปะก็ดูจะอ่อนแรงลงอยู่เหมือนกัน ศิลปะเองก็มีข้อจำกัดซึ่งก็คือกำแพงของแต่ละบุคคล ลักษณะกำแพงแตกต่างกันไปตามภาษา วัฒนธรรม ความเชื่อ ประสบการณ์ความรู้ ผู้เสพที่จิตใจฝักใฝ่ประชาธิปไตยอาจเข้าไม่ถึงวรรณกรรมที่เขียนโดยฝั่งสังคมนิยม หรือแม้กระทั่งตัวผมเองยังดูรูปศิลปะไม่เป็น อ่านวรรณกรรมลึกๆอย่างซีไรต์หรือโนเบลยังไม่เข้าใจ ซึ่งในเรื่องของกำแพงทางด้านศิลปะนี้ นอกจากฝั่งของศิลปินและผู้เสพแล้วก็มีฝั่งของผู้วิจารณ์งานศิลปะที่มีส่วนช่วยลดระดับกำแพงได้ อย่างตัวผมเองตอนแรกอ่านเรื่องสั้นเรื่อง บาร์เทิลบี ของ Herman Melville แล้วสนุกดีแต่ก็ไม่เข้าใจ พอได้มาอ่านบทวิเคราะห์ของคุณปราบดา หยุ่น แล้วจึงค่อยรู้ว่าเรื่องนี้จริงๆมันแฝงนัยยะที่สุดยอดมากๆ เป็นต้น
ผมไม่ใช่หมอดูหรือนักวิเคราะห์ผู้น่าเชื่อถือแต่อย่างใด แต่ผมมีความเชื่อว่าวันหนึ่งหุ่นยนต์จะแทนมนุษย์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ อาจจะเรียกว่าเป็นมนุษย์ในอีกรูปแบบหนึ่งก็ได้ หุ่นยนต์อาจจะมีงานศิลปะในแบบของหุ่นยนต์เอง เพียงแต่ผมสงสัยว่าหุ่นยนต์จะเลือกเชิดชูความเป็นมนุษย์หรือเชิดชูความเป็นหุ่นยนต์ เพราะหากเลือกเชิดชูความเป็นมนุษย์ก็เท่ากับลดคุณค่าในสิ่งที่หุ่นยนต์เป็นอยู่นั่นก็คือการตอบสนองจากโปรแกรมและชิพแผงวงจรที่ตั้งไว้ แต่หากเชิดชูความเป็นหุ่นยนต์สุดท้ายก็มีบางส่วนของจิตวิญญาณที่ด้อยกว่ามนุษย์ ต่อให้เครื่องกลมีประสิทธิภาพสูงแค่ไหนตามหลักมนุษยธรรมก็ยังให้คุณค่ามันน้อยกว่าชีวิตของเจ้าชายนิทราคนหนึ่ง เรื่องปรัชญาก็คือศิลปะในการเลือกมุมมองของชีวิตเช่นกัน
แต่อีกมุมหนึ่งที่น่าปวดหัวก็คือ เราพยายามพัฒนาหุ่นยนต์ให้เป็นเรา และเราก็พยายามพัฒนาตัวเองให้เป็นหุ่นยนต์มากขึ้น
โฆษณา