15 มี.ค. 2021 เวลา 13:24 • การศึกษา
“มนุษย์เป็ด” อยู่รอดได้…เพราะ “รู้กว้าง” และทำได้หลายอย่าง
4
หนึ่งในคำถามที่น่าสนใจเเละเป็นที่ถกเถียงกันมากในยุคนี้ คือ คนที่มีความรู้เเบบ "รู้กว้าง” หรือ มีความรู้หลากหลายเเต่ไม่เด่นสักด้าน กับ “รู้ลึก" หรือ มีความรู้ความชำนาญในเรื่องใดเรื่องหนึ่งอย่างลึกซึ่งเพียงเรื่องเดียว ความสามารถเเบบไหนที่ตลาดในยุคนี้ต้องการมากกว่ากัน ?
ซึ่งกระแสใหม่ในช่วงนี้ ค่อนข้างจะหนักไปทาง “รู้กว้าง” หรือ คุณสมบัติความเป็น “มนุษย์เป็ด” ที่ไม่จำเป็นต้องเก่งที่สุด แต่ปรับตัวไว ทำได้หลายอย่าง จะเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า ซึ่งสวนทางกับค่านิยมในอดีตที่มองว่า คนที่เชี่ยวชาญในด้านในด้านหนึ่งน่าจะได้เปรียบกว่า
ข้อถกเถียงดังกล่าว จึงนำไปสู่การค้นคว้าวิจัยของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยเขาได้ทำการสำรวจผู้ที่เรียนจบ MBA จำนวน 400 คน จนพบว่าคนที่จบด้าน Investment Banking โดยเฉพาะ จะได้รับการเสนองานน้อยกว่าคนที่มีภูมิหลังเเละประสบการณ์เเบบรู้กว้าง
สรุปง่ายๆ ก็คือ คนที่ “รู้กว้าง” ได้รับการเสนองาน “มากกว่า” คนที่ “รู้ลึก” นั่นเอง ซึ่งสาเหตุที่บริษัทในยุคนี้เริ่มต้องการคนที่ “รู้กว้าง” มากกว่า คือ
1) ยุคนี้องค์กรต่างๆ นิยมการทำงานแบบทีมเล็กกันมากขึ้น ยิ่งในบริษัทที่ผมเคยทำงานประจำซึ่งเป็นสตาร์ทอัพ แล้ว คนหนึ่งคนจำเป็นต้องทำได้หลายอย่าง
3
เช่น ตำแหน่งพัฒนาธุรกิจที่ผมทำงานอยู่ ซึ่งหน้าที่หลักคือ ต้องวางแผนธุรกิจ และ เจรจากับคู่ค้า แต่ทั้งนี้ก็ยังต้องสามารถสร้างสรรค์แคมเปญการตลาดได้ รวมถึงต้องขายเป็นด้วย ยังไม่นับรวมที่ผมต้องไปฝึกอบรมให้ลูกค้าอีก เรียกว่าต้องทำทุกอย่างได้แบบ All-in-one เลยก็ว่าได้
2) บริษัทมักจะมองหาคนที่สามารถนำมาฝึกฝนได้มากกว่า จากที่ผมสังเกตเวลาบริษัทรับคนเข้ามา เขาจะไม่ค่อยรับคนที่เชี่ยวชาญด้านในด้านหนึ่งมาเลย เหตุผลง่ายๆ คือ “เพราะเขาไม่อยากจ่ายค่าจ้างแพง” นั่นเอง
1
3) ลักษณะงานมีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ยิ่งเป็นบริษัทที่ทำเกี่ยวกับเทคโนโลยีต้องบอกว่าการทำงานมีการเปลี่ยนแปลงเกือบทุกวัน งานที่เราคิดว่าต้องทำตอนสมัครเข้ามาใหม่ๆ ผ่านไปเดือนเดียวอาจจะต้องเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นแล้วก็ได้ ซึ่งคนที่รู้กว้างจะได้เปรียบเรื่องการปรับตัว เพราะอย่างน้อยก็มีพื้นฐานความรู้ด้านอื่นๆ มาบ้าง ต่างกับคนที่รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งการปรับตัวจะทำได้ยากกว่า บริษัทจึงคิดว่าถ้าเกิดการทำงานเปลี่ยนแต่คนไม่สามารถปรับตัวได้มันจะเป็นภาระบริษัทเสียมากกว่า
อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าการเชี่ยวชาญด้านใดด้านหนึ่งไม่สำคัญ เพราะมันก็ยังมีงานที่ต้องใช้ความรู้เฉพาะทางอยู่ อย่างเช่น หมอ พยาบาล วิศวกรรม วิทยาศาสตร์ เป็นต้น
แต่ถ้าพูดถึงคนทำงานส่วนใหญ่ และ การทำงานกับองค์กรเอกชนในปัจจุบันแล้ว การมีความรู้แบบกว้างอาจจะได้เปรียบมากกว่า แต่ถ้าถามผมว่า คนเราควรมีความรู้แบบไหน “ผมว่ายุคนี้การมีความรู้แบบตัว T เป็นทักษะที่ดีที่สุด” คือ รู้ลึกหรือเชี่ยวชาญอะไรสักด้าน ขณะเดียวกันก็ต้องมีความรู้กว้างในด้านอื่นๆ ด้วย
แต่สิ่งที่น่าสนใจ คือ ตั้งแต่เราเข้าเรียนมหาลัยจนจบ ไม่เคยมีใครสอนให้เราเข้าใจเรื่องนี้ ซึ่งในระบบการศึกษาเรามักสอนแค่ทักษะบางอย่าง ทำให้คนส่วนใหญ่ติดกับดักที่ว่า “ถ้าฉันเก่งด้านใดด้านหนึ่งก็คงไม่สามารถทำอย่างอื่นได้ หรือ ถ้าทำได้หลายอย่างก็จะมองว่าตัวเองคงเก่งไม่จริงสักอย่าง”
และในเมื่อตอนนี้ เราก้าวเข้าสู่โลกการทำงานแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ก็ต้อง ‘เริ่ม’ เติมทักษะความรู้กว้างให้ตัวเองตั้งแต่วันนี้ หรือ พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ เริ่มจากการฝัง “ความกล้า” ที่จะเรียนรู้ และ สร้างกรอบความคิดแบบ Growth Mindset ที่มองว่าทุกอย่างสามารถพัฒนาได้ รวมถึงความกล้าที่จะละทิ้งอะไรเดิมๆ แบบ Agile Mindset เพื่อให้รู้วิธีที่จะโต้คลื่นความเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ และสามารถปรับตัวเข้ากับงานที่ทำได้ไม่ว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากแค่ไหนก็ตาม
แค่คำถามคือ จะเริ่มยังไง และ ควรเริ่มจากตรงไหนล่ะ ?
ผมขอแนะนำให้เริ่มจากการลงทุนในความรู้กับ YourNextU แพลตฟอร์มการเรียนรู้ ที่จะให้เราได้เข้าถึงทุกทักษะที่จำเป็นต่อการทำงานในยุคนี้ ด้วยระบบสมาชิก ที่จ่ายครั้งเดียว มีมากกว่า 200+ หลักสูตรทั้งออนไลน์ หรือเรียนแบบเจอหน้ากันจริงๆ เริ่มต้นที่ 4,000 บาท / 3 เดือน บอกได้อย่างเดียวว่า แค่ลงเรียนหลักสูตร Growth Mindset ตัวเดียวก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว ตอบโจทย์คนทำงานอย่างเราๆ ในยุคนี้สุดๆ
1
แถมยังมีสิทธิพิเศษสำหรับแฟนเพจ “สมองไหล”
- รับส่วนลดทันที 700 บาท เพียงกรอก Code : LEARNMARCH (วันนี้ – 21 มี.ค. นี้เท่านั้นนะ)
- สมัครได้ที่ https://bit.ly/3uQWv2J
- หรือถ้าต้องการรับสิทธิส่วนลดไว้ก่อน และอยากรู้ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถกรอกรายละเอียดได้ที่ https://forms.gle/ZJkNqCmBGe1fk4Ws9 เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ
1
โฆษณา