16 มี.ค. 2021 เวลา 04:04 • ธุรกิจ
Who owns the business? Ep.9
ใครเป็นเจ้าของ The mall group ผู้เป็นเจ้าของศูนย์การค้าชั้นนำมากมายในประเทศไม่ว่าจะเป็น เดอะมอลล์, เอ็มโพเรียม, ดิ เอ็มควอเทียร์, บลูพอร์ต หัวหิน และ สยามพารากอน
เขาก็คือคุณ ศุภชัย อัมพุช เป็นลูกคนที่ 5 ของ จักชอง แซ่อื้อ ซึ่งเป็นชาวจีนไหหลํา
โดยครอบครัว อัมพุช ถือได้ว่ามีฐานะที่ดีครอบครัวหนึ่งเลยเพราะพ่อเเม่ประกอบธุรกิจค้าฝิ่นซึ่งสมัยนั้นยังถูกกฎหมาย นอกจากนี้ยังประกอบอาชีพเสริมเป็นตัวแทนจำหน่ายสุราด้วย
แต่เส้นทางชีวิตของคุณศุภชัยก็มาถึงจุดเปลี่ยน เมื่อคุณศุภชัยต้องเสียมารดาไปในวัย 9 ขวบ ซ้ำร้ายปีต่อมานายจักชอง ก็ถึงแก่กรรมตามผู้เป็นภรรยาไปอย่างไม่คาดคิดทิ้งให้ลูกๆ ต้องดูแลกันเอง
1
จากการสูญเสียบิดา มารดาไป ภาระในการดูแลครอบครัวจึงตกไปอยู่กับพี่ชายคนโตชื่อ เปี๊ยะฮี อัมพุช และพี่สาวคนที่ 2 อ้วยกี อัมพุช ซึ่งยังอยู่ในช่วงวัยรุ่น ทำให้ครอบครัวอัมพุชในช่วงนั้นค่อนข้างระส่ำระสาย
1
และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัดเมื่อพี่ชายคนโตตัดสินใจนำทรัพย์สมบัติทั้งหมดของตระกูลออกขายเพื่อซื้อธนบัตรจีนมาเก็งกำไร
ก่อนที่รัฐบาลจีนประกาศยกเลิกธนบัตรเหล่านั้น จึงทำให้ฐานะของตระกูลอัมพุชตกต่ำลงถึงขั้นหมดเนื้อหมดตัว
แต่โชคร้ายของตระกูลอัมพุชดูจะไม่จบลงง่ายๆ เมื่อประเทศไทยก้าวเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 2 รัฐบาลมีนโยบายจัดตั้งสหกรณ์ และให้สิทธิ์ในการขายเหล้าและฝิ่นถูกผนวกเข้าไปอยู่ในสหกรณ์
ส่งผลให้ตระกูลอัมพุชต้องถอนตัวออกจากธุรกิจฝิ่น และสุราไป
ซึ่งด้วยฐานะที่ยากจนลง ประกอบกับการเกิดขึ้นของสงครามโลกทำให้คุณศุภชัยต้องตัดสินใจละทิ้งถิ่นกำเนิดมาอยู่อาศัยกับพี่สาว และเสี่ยงโชคในกรุงเทพฯ และนี่เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นเส้นทางชีวิตของคุณศุภชัย อัมพุช
คุณศุภชัยเริ่มบทแรกของการทำมาหากินด้วยการเป็นกรรมกรในโรงเหล้าย่านหัวลำโพง ชื่อ น่ำอา โดยมีหน้าที่ตั้งแต่ขนส่ง จัดเก็บ และตรวจคุณภาพเหล้า
ก่อนที่จะย้ายไปเป็นเสมียนที่ร้านประไพสวัสดิ์ ตัวแทน เหล้ารายใหญ่ย่านพระโขนงซึ่งถูกอกถูกใจนิสัยใจคอของคุณศุภชัยจึงดึงตัวจาก น่ำอา ให้ไปอยู่ด้วย
ที่นี่เองที่คุณศุภชัยได้โชว์ฝีไม้ลายมือด้วยการคิดสูตรเหล้าใหม่จนขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ส่งผลให้คุณศุภชัยได้เลื่อนขั้นอย่างรวดเร็วจนได้เป็นผู้ช่วยผู้จัดการทั่วไปในวัย 18 ปีเท่านั้น
และแล้วชีวิตของคุณศุภชัยก็มาถึงจุดเปลี่ยนอีกครั้งเมื่อเขาเข้าประตูวิวาห์กับน้องสาวบุญธรรมของเจ้าของร้านซึ่งอายุอ่อนกว่าเขา 1 ปี ในวัย 25 ปี ก่อนจะมีลูกด้วยกันถึง 6 คน
คุณศุภชัย และ ภรรยาจึงย้ายออกจากร้านประไพสวัสดิ์พร้อมกับเงินเก็บ 4 แสนบาทมาตั้งอาณาจักรของตัวเองในวัย 31 ปี ซึ่งถ้าเทียบกับค่าเงินในสมัยนี้ เงิน 4 แสนบาทสมัยนั้นก็น่าจะมีมูลค่าหลายล้านบาทในสมัยนี้
แปลว่าในตอนนั้นคุณศุภชัยน่าจะเก็บสะสมเงินจากการทำงานได้เยอะอยู่เหมือนกัน
ในปี 2502 คุณศุภชัยเซ้งตึกแถว 2 ห้องเชิงสะพานพระโขนงมาทำโต๊ะบิลเลียด โดยใช้ชื่อว่า สมาคมชาวพระโขนง มีโต๊ะบิลเลียดทั้งหมด 5 โต๊ะ
แต่ด้วยภาระที่ต้องรับผิดชอบลูกถึง 6 คน
คุณศุภชัยจึงส่งภรรยาไปเรียนเสริมสวยก่อนจะเซ้งตึกเพิ่มอีกหนึ่งห้องเพื่อให้ภรรยาเปิดร้านเสริมสวยคู่กับการทำโต๊ะบิลเลียด
รวมถึงปล่อยชั้นล่างให้ร้านข้าวต้มเช่าอีกด้วย
นอกจากโต๊ะบิลเลียด ร้านเสริมสวย และปล่อยเช่าแล้วคุณศุภชัยยังไปร่วมลงทุนในกิจการโรงเหล้าที่นครสวรรค์อีกด้วย
แต่หลังจากนั้นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับคุณศุภชัย
3 ปีหลังจากออกมาเปิดกิจการของตนเอง ภรรยาคุณศุภชัยได้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง
คุณศุภชัยขายหุ้นโรงเหล้าทั้งหมดเพื่อนำมารักษาภรรยาเป็นเงิน 4 แสนบาท
ซึ่งเงิน 4 แสนบาทถือว่าเป็นจำนวนมหาศาลในสมัยนั้น
และโลกนี้มันก็เป็นแบบนี้
ความเศร้ามักจะมาหาเรา และพลัดพรากคนรักให้จากเราได้โดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดคุณศุภชัยได้สูญเสียภรรยาไปในปี 2507หลังจากนั้น
ถึงแม้จะสูญเสียภรรยาไป แต่ชีวิตของคุณศุภชัยก็ต้องดำเนินต่อไป
เขาได้แต่งงานใหม่กับนางพยาบาลซึ่งคอยดูแลภรรยาของเขาในขณะที่ยังมีชีวิต
หลังจากนั้นคุณศุภชัยรุกคืบเข้าสู่ธุรกิจภาพยนตร์ด้วยการก่อตั้งโรงภาพยนตร์เฉลิมรัตน์ ก่อนจะตะลุยสร้างโรงภาพยนตร์ชั้นสองอีก 5 โรง ในช่วง 5 ปี
แต่คุณศุภชัยทราบดีว่าธุรกิจย่อมมีวันตายประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น เขาจึงตัดสินใจไปทุ่มทุนกับการเปิดร้านอาหาร ไนต์คลับ และอาบอบนวด
เมื่อเสี่ยโซวเพื่อนของคุณศุภชัยชวนไปพัฒนาที่ดินย่านราชดำริซึ่งเป็นที่ย่านกลางเมือง
ที่แห่งนี้ได้ถูกพัฒนาเป็น เดอะมอลล์ ราชดำริ
และนี่เองคือจุดเริ่มต้นอาณาจักรศูนย์การค้าหมื่นล้าน
ซึ่งขยายสาขาไปทั่วกรุงเทพมหานครในเวลาต่อมา
สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากคุณศุภชัย คือ การลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลาอย่างไม่หยุดนิ่ง
1
เเหล่งอ้างอิง : https://www.thairath.co.th/person/6107
โฆษณา