หากพูดถึงวิลล่าสุดหรูบนแม่น้ำแควน้อยแล้วนักท่องเที่ยวเกือบ80% ต้องรู้จักที่นี่และเคยมาพักกันไม่มากก็น้อยครับ

การเดินทางจากกรุงเทพโดยรถยนต์ส่วนตัวค่อนข้างสะดวก พอมาถึงจะต้องจอดรถของเราไว้ที่ท่าเรือพุตะเคียนและนั่งเรือหางยาวชมวิวทิวทัศน์สองข้างฝั่งแม่น้ำมายังรีสอร์ทใช้เวลาประมาณ 15 นาทีก็ถึงครับ (ลานจอดรถเป็นของโรงแรมมีเจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยฉะนั้นหายห่วงเรื่องความปลอดภัย)

หลังจากโดยสารโดยทางเรือธรรมชาติ2ฝั่งของแม่น้ำแควน้อย ก็มาถึงโรงแรม พนักงานจะมี Welcome Drink และผ้าเย็นมาต้อนรับพร้อมทั้งตรวจวัดอุณภูมิก่อนการเข้าพัก สังเกตุเห็นว่าพนักงานที่นี่ให้ความสำคัญกับมาตราการป้องกันโควิด19กันเกือบทุกคนเห็นแบบนี้ก็สบายใจไปได้เยอะครับ

แอลกอฮอร์เจลล้างมือ มีจัดเตรียมไว้หลายจุดทั่วบริเวณโรงแรม

หลังจากลงทะเบียนเสร็จเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะอธิบายถึงบริการต่างๆของโรงแรมและบางกิจกรรมที่ปิดให้บริการในช่วงนี้เนื่องจากสถาณการณ์โควิดครับ ห้องพักที่พักครั้งนี้เป็นห้องหมายเลข 2A เดินจากล็อบบี้มาขวามือประมาณ 2 นาทีก็ถึงครับ

ที่นอนของที่นี่ต้องขอยกนิ้วให้เลยครับ เพราะนอนแล้วนุ่มจริงๆดูดวิณญาณกันไป3ภพ3ชาติ 5555 และอีกอย่างที่ชอบคือมีหมอนเยอะมากๆครับ เขาจะมีแยกกันระหว่างหมอนแบบนุ่มและแบบแน่นคือแบบว่านอนแล้วไม่อยากจะลุกไปไหนเลย

ห้องพักมีเครื่องปรับอากาศและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่หลากหลายตอบโจทย์ตามคอนเซ็ป เรือนแพไฮโซได้จริงๆครับ

ภายในห้องพักตกแต่งโทนสีธรรมชาติแต่คงไว้ด้วยความเรียบหรู มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆและที่ชอบเป็นการส่วนตัวคือเครื่องทำกาแฟแบบกาแฟสด / Wifi ฟรีและเร็วพอสมควรทั้งๆที่อยู่ในกลางหุบเขาครับ

มินิบาร์และของใช้ต่างๆเขาจัดมาให้แบบครบ มีเครื่องทำกาแฟสดในห้อง และห้องพักตกแต่งได้สบายตาและสะอาดไม่รู้สึกถึงความอึดอัดครับ

ห้องน้ำมีแยกแบบห้องอาบน้ำและสุขาแบบเปิด Open Air ฟินเว่อร์ รวมถึงของใช้ต่างๆ เอาจริงๆมาพักที่นี่แทบจะไม่ต้องพกอะไรติดตัวมาเลยนอกจากเสื้อผ้า และ กล้องถ่ายรูป

ของใช้ในห้องน้ำทางโรงแรมมีจัดเตรียมไว้ให้ครบ ไม่ว่าจะเป็นไดร์เป่าผม หมวกคลุมผม แชมพู ครีมนวดผม และ ครีมอาบน้ำ ที่ผมชื่นชอบเป็นการส่วนตัวคือกลิ่นหอมของ แชมพูและครีมอาบน้ำของที่นี่ และได้ไปสอบถามกับพนักงานทราบมาว่าเป็นกลิ่นเฉพาะของโรงแรมในกลุ่ม SERENATA และมีการใช้กลิ่นเดียวกันหมดทุกแห่งในประเทศไทย หากเราต้องการที่จะซื้อกลับบ้านทางรีสอร์ทก็มีจำหน่ายที่เคาเตอร์ต้อนรับในขวดละ 190 บาทขนาด 300 Ml

หากใครอยากเล่นกิจกรรมทางน้ำสามารถติดต่อพนักงานได้เลยครับ เขามีทั้งกิจจกรรมพายเรือ คายัค หรือ แพเปียกครับ

มาดูอาหารเช้ากันครับ เมื่อคืนจากที่ดูน่าจะมีลูกค้าเข้าพักหลายห้องอยู่เหมือนกันครับ เช้านี้ทางรีสอร์ทจัดอาหารเช้าแบบเป็น Buffet เมนูค่อนข้างจัดได้ดีมากๆครับ มีตัวเลือกทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติให้เราเลือกทานกันแบบไม่อั้น รสชาติอร่อย พนักงานในห้องอาหารบริการได้ดีมากๆครับ มีการคอยมาสอบถามอยู่ตลอดเวลา เวลาต้องการรับอะไรเพิ่มไหมที่นี้จะมีข้อปฏิบัติคือเวลาเราลงมาพื้นที่ส่วนกลางหรือห้องอาหารจะต้องสวมใส่ Mask ทุกครั้ง เพื่อป้องกันลดความเสี่ยงเกี่ยวกับโรคระบาดในปัจจุบัน อันนี้ผมขอชมเชยรีสอร์ทที่เล็งเห็นความสำคัญของด้านสาธารณสุข และความปลอดภัยของผู้เข้าพักและพนักงานครับ

ช่วงเวลาที่แนะนำให้ลงมาทานอาหารเช้าคือ 07.00-08.30 เพราะช่วงเช้าอากาศจะยังเย็นสบาย และวิวแม่น้ำแควตรงนี้สวยจริงๆครับ และในช่วงระหว่างทานอาหารจะมีเชฟออกมาสอบถามเรื่องความพึงพอใจของอาหาร และหากเราต้องการอะไรที่ทางเชฟเขาจัดเตรียมให้ได้สามารถแจ้งทางเชฟได้เลยครับ เชฟที่นี่เล่าให้ฟังว่าพวกผลไม้ต่างๆที่นำมาบริการในห้องอาหารจะเป็นของทางรีสอร์ทที่พนักงานช่วยกันปลูกเองและไม่มีสารเคมีใดๆครับ