17 มี.ค. 2021 เวลา 03:50 • ธุรกิจ
รู้จัก Cocktail Party Theory วิธีมองหาฟองสบู่ง่าย ๆ สไตล์ ปีเตอร์ ลินช์
2
“ถ้าผมที่เป็นผู้จัดการกองทุนที่กำลังเดินเข้าไปในงานค็อกเทล แล้วมีแต่คนเข้ามาเชียร์ให้ซื้อหุ้นตัวนั้นตัวนี้ นั่นอาจเป็นสัญญาณบอกว่า ผมควรต้องเตรียมขายหุ้นหลายตัว ในเร็ว ๆ นี้แล้ว”
1
นี่คือส่วนหนึ่ง ของ Cocktail Party Theory
หรือ ทฤษฎีงานค็อกเทล ที่ “Peter Lynch” นักลงทุนที่ได้รับการขนานนามมากที่สุดคนหนึ่งแห่ง Wall Street ได้อธิบายขึ้นมา เพื่อให้คนทั่วไปได้เข้าใจเกี่ยวกับการเกิดขึ้นของสภาวะ “ฟองสบู่” ในตลาดหุ้นได้แบบไม่ยาก
1
Peter Lynch ได้อธิบายทฤษฎีนี้ไว้ ในหนังสือ “One Up On Wall Street” ที่เขา และ John Rothchild นักเขียนด้านการลงทุนแห่ง Wall Street ร่วมกันเขียนขึ้นมา
โดยเขาเขียนเล่า ทฤษฎีงานค็อกเทล แบบติดตลกเอาไว้ว่า
เขาคิดค้นทฤษฎีนี้ขึ้นมา จากประสบการณ์ที่เขาเข้าไปยืนในงานปาร์ตี้ค็อกเทล
แล้วฟังคนรอบตัวพูดคุยกันเกี่ยวกับเรื่องหุ้น อยู่เป็นเวลาหลายปี
1
ในงานปาร์ตี้ค็อกเทลที่เขาพูดถึงนั้น
เต็มไปด้วยผู้คนมากหน้าหลายตา และมากมายหลากหลายอาชีพ
โดยหลังจากที่เขาได้ตั้งใจฟัง และเก็บข้อมูลอยู่หลายปี
Peter Lynch ก็สามารถสรุปพฤติกรรมการของคนในปาร์ตี้ ออกเป็น 4 รูปแบบ ตามแต่ละช่วงของสภาวะตลาดหุ้นที่แตกต่างกันไป
ช่วงที่ 1 : ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มกลับมาฟื้นตัว หลังจากผ่านช่วงตกต่ำมาแล้วระยะหนึ่ง
ในช่วงนี้ คนในงานปาร์ตี้จะไม่พูดถึงหรือไม่ค่อยสนใจเรื่องหุ้นเลย และแม้ว่าคุณจะเดินไปบอกพวกเขาเหล่านั้นว่าคุณเป็นผู้จัดการกองทุนชื่อดัง พวกเขาก็จะไม่ค่อยสนใจคุณอยู่ดี
2
ช่วงที่ 2 : ดัชนีตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวขึ้นมาแล้วประมาณ 15%
ในช่วงนี้ จะเริ่มมีคนสนใจและพูดเรื่องหุ้นบ้างแล้ว แต่ก็ยังน้อยมาก
และถ้าพวกเขารู้ว่าคุณเป็นผู้จัดการกองทุน พวกเขาก็อาจจะชวนคุยเรื่องหุ้นเล็กน้อย แต่ไม่นานพวกเขาก็จะเดินจากไป หรือไม่ก็เปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
ช่วงที่ 3 : ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วมากกว่า 30%
ในช่วงนี้ ถ้าเหล่าคนในปาร์ตี้รู้ว่าคุณเป็นผู้จัดการกองทุนแล้วล่ะก็
คุณจะกลายเป็นหนุ่มฮอตในงานขึ้นมาทันที
เพราะพวกเขาจะเข้ามารุมล้อมคุณ
เพื่อที่จะขอคำแนะนำ ว่าควรซื้อหุ้นตัวไหนดี
มากไปกว่านั้นคือ พวกเขาจะถือหุ้นกันอยู่แล้วอย่างน้อย 1 ตัว
และประเด็นหลักที่คุยกันในงาน คือเรื่องตลาดหุ้นเป็นอย่างไรตอนนี้ และหุ้นตัวไหนที่เป็นหุ้นเด็ด
ช่วงที่ 4 : ดัชนีตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นมาแล้วอย่างมาก และฟองสบู่ในตลาดหุ้นก็กำลังจะแตก
ในช่วงนี้ ทุกคนในปาร์ตี้จะเข้ามารุมล้อมคุณอีกครั้ง
คราวนี้ไม่ได้มาถามหาหุ้นเด็ด แต่พวกเขาจะมาเพื่อแนะนำผู้จัดการกองทุนอย่างคุณ ว่าควรซื้อหุ้นตัวไหนตามพวกเขา
1
พวกเขาจะบอกด้วยว่า ราคาหุ้นทุกตัวที่ซื้อมาอยู่ในพอร์ต ตอนนี้ทะยานสูงขึ้นทุกตัว และเมื่อเวลาผ่านไป 2-3 วัน ราคาหุ้นเหล่านั้นที่พวกเขาแนะนำก็ยังคงขึ้นไม่หยุด
มากไปกว่านั้น ถ้าคุณกลับมาบ้านจากงานปาร์ตี้ แล้วปรากฎว่าเพื่อนบ้านของคุณได้เข้ามาทักทาย พร้อมกับแนะนำคุณให้ซื้อหุ้นตัวหนึ่งตามเขาด้วย
ตอนนั้นเอง ที่เขาจะเริ่มมั่นใจแล้วว่า
“ดัชนีและราคาหุ้นในตลาด กำลังจะไปถึงสุดยอดดอย และพร้อมที่จะตกลงมาแล้ว..”
โดยสรุปแล้ว สิ่งที่ Peter Lynch พยายามจะบอกก็คือ
จากประสบการณ์การสังเกตของเขานั้น
คนเรามักจะให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ตามการเพิ่มขึ้นของมูลค่าของสิ่งนั้น
3
พอคนเห็นว่ามูลค่าของสิ่งนั้นเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
สินทรัพย์นั้นก็จะดึงดูดให้คนอยากซื้ออยากเป็นเจ้าของมากขึ้น
โดยคนที่มาซื้อก็หวังว่า มูลค่าของมันจะเพิ่มไปขึ้นไปเรื่อย ๆ
แล้วตัวเอง ก็จะได้ประโยชน์จากมูลค่าที่สูงขึ้นไปเรื่อย ๆ นั้น
1
แต่ความจริงแล้ว คงไม่มีอะไรที่มีแต่ขึ้น แล้วไม่มีลง
เพราะเมื่อมูลค่าของสิ่งนั้น สูงเกินจุดที่ควรจะเป็นไปมาก
มันก็คือสภาวะ “ฟองสบู่” ที่รอวันแตกออก
ซึ่งการแตกของฟองสบู่นั้นก็จะเกิดขึ้น
เมื่อเริ่มมีคนที่คิดได้ว่า มูลค่าของสิ่งนั้นสูงเกินจริงไปแล้ว และเริ่มทำการเทขายมันออกมา
4
เพราะฉะนั้น เวลาที่เราเห็นหุ้นตัวไหน หรือสินทรัพย์อะไร
ที่กำลังเนื้อหอมและเป็นที่หมายปองของทุก ๆ คน แม้กระทั่งเราเอง
1
สิ่งแรกที่ควรทำ คือพยายามตั้งสติ ควบคุมอารมณ์ และมองภาพรวมให้ดีก่อนว่า ความร้อนแรงของสินทรัพย์ตัวนั้น สูงเกินไปกว่า ราคาหรือมูลค่าที่มันควรจะเป็นหรือไม่ ?
2
โดยการที่เราจะรู้ว่า มูลค่าของสินทรัพย์นั้นควรอยู่ที่จุดไหน
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเข้าใจพื้นฐานของสินทรัพย์นั้นให้ดีพอ
ซึ่งคำถามสำคัญที่คุณต้องถามตัวเองก็คือ คุณเข้าใจในสิ่งที่คุณกำลังให้มูลค่ากับมัน มากพอแล้วหรือยัง ? ..
1
Reference
- หนังสือ One Up On Wall Street เขียนโดย Peter Lynch และ John Rothchild
โฆษณา