ผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
ความสำเร็จของอาลีบาบาในวันนี้คือ “สี จิ้นผิง” ไม่ใช่ “แจ็ค หม่า”
วันพฤหัสที่ 11 มีนาคม ที่ผ่านมา
มีรายงานข่าวของ Wall street Journal เกี่ยวกับรัฐบาลปักกิ่ง
ได้ออกมาตราการณ์กำกับการดำเนินธุรกิจของอาลีบาบา และต้องการให้ตัดความสัมพันธ์อย่างชัดเจนกับแจ็ค หม่า ผู้ก่อตั้งบริษัทแห่งนี้
ในอนาคตถึงจะมีโอกาสได้รับความช่วยเหลือต่างๆจากทางรัฐบาล
หลังจากกลางเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บทความข่าวของ Wall street Journal ที่รายงานถึงสาเหตุสำคัญที่สี จิ้นผิง ระงับการระดุมทุนของ Ant group
เมื่อปลายปีที่ผ่านมา เป็นเพราะเบื้องหลังผู้ถือหุ้นหลักของ Ant group คือฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับ
สี จิ้นผิง โดยเฉพาะมีชื่อของหลานชาย เจียง เจ๋อหมิน
ซึ่งเคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน
อาลีบาบาด้วยเหมือนกัน
ทำให้นักวิเคราะห์ข่าวจากสื่อหลายสำนักได้เห็นพ้องตรงกันว่า Wall street Journal น่าจะเป็นเหมือนกระบอกเสียงให้กับรัฐบาลปักกิ่ง
ในการสื่อสารกับกลุ่มนักลงทุนทั่วโลก ล่าสุดวันพฤหัสที่11 มีนาคมมีข่าวของอาลีบาบาและแจ็ค หม่าออกมาอีกครั้ง
ตามรายงานข่าว รัฐบาลปักกิ่งจะทำการลงโทษปรับเงิน
บริษัทอาลีบาบาเป็นเงินกว่า
พันล้านเหรียญ ซึ่งมากที่สุด
และทำลายสถิติโทษปรับของ Qualcomm บริษัทจำหน่ายชิปของอเมริกา 950 ล้านเหรียญ
ในข้อหากรณีคล้ายกันคือการทำธุรกิจผูกขาดทางการค้า ในปี 2015
นอกจากค่าปรับที่เป็นสถิติใหม่แล้ว บริษัทอาลีบาบายังต้องยกเลิกการดำเนินธุรกิจอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อีกด้วย
โดยปัจจุบันอาลีบาบามีการพัฒนาและดำเนินธุรกิจที่ให้บริการทางเทคโนโลยี อย่าง AI , Ali cloud , Ali computing
ซึ่งการให้บริการทางธุรกิจเหล่านี้ล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับความมั่นคงของประเทศและเป็นสิ่งที่อ่อนโยนภายใต้การปกครองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน
ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ที่แจ็ค หม่าได้ถูกหน่วยงานรัฐเรียกคุย เรื่องแนวทางการดำเนินธุรกิจของ อาลีบาบา และ Ant group
จนมาถึงวันนี้ มูลค่าของบริษัทอาลีบาบาได้หายไปกว่า 200,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณหนึ่งในสี่ของมูลค่าทั้งหมดของบริษัท
กราฟแสดงราคาหุ้นที่ตกของอาลีบาบา ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง
ซึ่งจากการวิเคราะห์ข่าวสารข้อมูลที่ผ่านมาเหมือนทางการรัฐบาลต้องการจะสื่อให้กับทางบริษัท
อาลีบาบาว่าควรจะต้องตัดความสัมพันธ์กับ แจ็ค หม่า ถ้ายังอยากดำเนินธุรกิจนี้ต่อไป
ล่าสุดวันที่ 16 มีนาคม มีรายงานข่าวว่าทางรัฐบาลปักกิ่งต้องการให้อาลีบาบาขายหุ้นในธุรกิจสื่อให้หมด
ปัจจุบัน อาลีบาบามีถือหุ้นในธุรกิจสื่อแบ่งเป็น สำนักข่าวฮ่องกง Southern China Morning Post 100% ,
สำนักข่าวจีน China Business Network 37%
,สื่อสังคมออนไลน์ Sina Weibo 30 %
โดยรัฐบาลปักกิ่งใช้เหตุผลที่ว่ากังวลอาลีบาบาจะใช้สื่อเอื้อประโยชน์กับธุรกิจ
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วสื่อต่างๆก็ต้องพึ่งพาอาศัยบริษัทหรือหน่วยงานในการขายโฆษณาหรือทำการประชาสัมพันธ์อยู่แล้ว
และที่สำคัญการถือหุ้นในสื่อของอาลีบาบาไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น แต่เป็นลักษณะนี้มาหลายปีแล้ว
เช่นเหตุการณ์ที่ อาลีบาบาได้เข้าซื้อกิจการ Southern China Morning Post ตั้งแต่ปี 2016
แจ็ค หม่า ปรับให้ SCMP เป็นสื่อที่ไม่คิดค่าบริการ ในเผยแพร่ข่าวสาร ข้อม
เหตุการณ์ของบริษัทธุรกิจเอกชนถูกรัฐบาลจีนเข้าแทรกแซงหรือทำการเข้าควบคุมกิจการ
ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆในช่วงที่เกิดสงครามการค้าจีน-อเมริกา
ตั้งแต่ หวังเจี้ยนหลิน อดีตเศรษฐี
นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่าง Wanda group ถูกบีบให้ขายกิจการส่วนใหญ่
จนมาถึง บรรดาผู้ก่อตั้งบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำของจีน BAT : Baidu ,Alibaba, Tencent ที่ถูกให้ลาออกจากประธานบริษัทในปี 2018
และล่าสุดต้นปีที่ผ่านมานักธุรกิจ เศรษฐีอันดับหนึ่งของจีนอย่าง
จง ซาน ซาน ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตนํ้าดื่ม ลาออกจากตำแหน่งประธานบริหาร และมีหน่วยงานรัฐเข้ามาควบคุม
กรณีของอาลีบาบา มีความเป็นไปได้ว่าจะคล้ายกับของ Wanda group ที่อาจจะต้องทยอยขายธุรกิจอื่นๆที่ไม่ใช่กิจการหลัก
มีการวิเคราะห์จากสื่อการเมืองของจีนว่าหลังจากการประชุมสภาที่เพิ่งจบไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว
ถึงกระแสการแสดงออกถึงความจงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์ของผู้บริหารระดับสูง
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ถ้าจะมีการแสดงแนวทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทอาลีบาบา ให้เป็นไปตามความต้องการของพรรคคอมมิวนิสต์และรัฐบาลจีนมากกว่าแนวทางของผู้ก่อตั้งบริษัทก็คือ แจ็ค หม่า
ตามรายงานข่าวของ Wall street Journal เกี่ยวกับรัฐบาลปักกิ่งออกมาตราการณ์กำกับการดำเนินธุรกิจของอาลีบาบา
มีกล่าวถึงสื่อของทางการจีนอย่าง 學習時報 Study time วันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา มีการลงบทความของอดีตข้าราชการของมณฑลเจ้อเจียง
ที่พูดถึงการประสบความสำเร็จของอาลีบาบาและการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีให้เข้ากับยุคสมัยในปัจจุบันล้วนเป็นผลงานของ
สี จิ้นผิง ที่ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารมณฑลเจ้อเจียง ในช่วงปี 2001-2007
เนื้อหาในบทความนี้ไม่ได้กล่าวถึง
แจ็ค หม่า แต่อย่างใด
การนำเสนอข้อมูลและจดบันทึกประวัติศาสตร์ที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง
ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่ปกครองประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนมากว่า 72 ปี
เรื่องราวหลายเหตุการณ์ที่ถูกนำเสนอได้ผิดแปลกจากความเป็นจริง เช่น การต่อสู้รบกับญี่ปุ่นในสงครามโลก ครั้งที่สอง
กองทหารของคอมมิวนิสต์จีนแทบไม่มีบทบาทในการต่อสู้กับทหารญี่ปุ่นเลย
แต่รัฐบาลคอมมิวนิสต์จีนยังมีการพูดถึงชัยชนะสงครามเหนือญี่ปุ่นอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งที่เวลานั้นรัฐบาลจีนที่ชนะสงครามคือพรรคก๊กมินตั๊ง
หรือ นโยบาย Great Leap Forward ของเหมา เจ๋อตุง ในช่วง
ปี 1958 –1962
ที่เป็นการนโยบายที่ผิดพลาดทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 30 ล้านคน และไม่ค่อยเป็นที่พูดถึงกัน
จากเหตุการณ์ต่างๆ ในยุคของผู้นำประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนคนปัจจุบัน ที่มีแนวทางและนโยบายการปกครองคล้ายกับเหมา เจ๋อตุง
ที่ต้องการรวบรวมอำนาจไว้ที่ศูนย์กลาง และพยายามสร้างภาพพจน์ให้คล้ายอยู่เหนือคนธรรมดาทั่วไป
จึงมีความเป็นไปได้ว่า ต่อจากนี้ไปยี่สิบ สามสิบปี ข้างหน้า อาจจะไม่มีชื่อของแจ็ค หม่า และบุคคลคนสำคัญ ที่ไม่ได้อยู่ฝ่ายเดียวกันกับผู้นำ ในหน้าประวัติศาสตร์จีนอีกก็เป็นได้
ข้อมูลอ้างอิง
- 39
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
