18 มี.ค. 2021 เวลา 11:30 • อาหาร
เก็บสตรอเบอร์รีสดอย่างไรให้กินได้นาน?
สตรอเบอร์รีเป็นผลไม้ยอดนิยมที่มีขายอยู่ในท้องตลาดเป็นจำนวนมาก เป็นผลไม้โปรดของใครหลายๆ คน ภาพลักษณ์ของผลไม้สีแดงสดลูกเล็กพอดีคำ กลิ่นหอม มีรสชาติหวานอมเปรี้ยวขึ้นกับสายพันธุ์
สามารถรับประทานสดหรือแปรรูป เช่น น้ำผลไม้, แยม หรือนำไปประกอบอาหาร ของหวานอื่นๆ เพื่อเพิ่มรสชาติได้ ซึ่งถือว่าสตรอเบอร์รีที่หนึ่งในรสชาติหลักของขนมหวาน เครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับ โกโก้ หรือ วานิลลา
สตรอเบอร์รีเป็นผลไม้เศรษฐกิจที่มีมูลค่ามหาศาลในระดับโลก มีการเพาะปลูกอย่างหลากหลายแตกต่างกันไปตามพื้นที่ สายพันธุ์ สภาพอากาศ เป็นผลไม้ที่เหมาะกับผู้รักสุขภาพ เนื่องจากมีสารอาหารที่เป็นประโยชน์จำนวนมาก
ผู้ที่ชื่นชอบการกินสตรอเบอร์รีก็ไม่พลาดที่จะซื้อสตรอเบอร์รีสดมาเก็บไว้ที่บ้าน แต่บางครั้งหลังจากซื้อมาแล้วรับประทานไม่หมด ทำให้เกิดความกังวลว่าจะเก็บรักษาไว้อย่างไรให้อยู่ได้นาน ไม่เน่าเสียได้ง่าย
ไม่อาจบอกเวลาได้แน่นอนว่า หลังจากซื้อสตรอเบอร์รีสดมาจากตลาดแล้ว สตรอเบอร์รีจะสามารถอยู่ได้กี่วันก็จะเน่าเสีย เนื่องจากเราประมาณเวลาหลังจากที่ผลถูกเก็บมาจากสวนนั้นเป็นระยะเวลาเท่าไรแล้ว หากเป็นสินค้าจากซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีวันควรบริโภคก่อนบอกไว้ แต่หากซื้อจากตลาดสดหรือสวนก็คำนวณเวลาได้ยาก
มีข้อมูลบอกไว้ว่า สตรอเบอร์รีเป็นลูกสามารถอยู่ในอุณหภูมิห้องก่อนจะเริ่มเน่าเสีย (หรือขึ้นรา) เป็นเวลาเพียง 1-2 วัน หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะอยู่ได้ 5-7 วัน และหากแช่แข็งไว้จะยืดเวลาสูงสุดถึง 6-8 เดือนเลยทีเดียว
หากเป็นสตรอเบอร์รีที่ผ่าเป็นชิ้นแล้ว อายุการเก็บรักษาก็สั้นลงเกือบครึ่งหนึ่ง และถ้าเก็บรักษาอย่างไม่ถูกวิธีก็ยิ่งทำให้เน่าเสียเร็วขึ้น
มีเคล็ดลับต่างๆ ที่ช่วยเก็บสตรอเบอร์รีไว้ได้นานยิ่งขึ้น โดยยกตัวอย่างได้ดังนี้
1. คัดแยกลูกที่เสียหรือมีสภาพที่ไม่ปกติออก เพราะอาจจะมีเชื้อราหรือแมลงจากสวนที่จะทำให้ลุกลามไปลูกอื่นๆ ได้ง่าย
2. การตัดขั้วสตรอเบอร์รีที่เป็นสีเขียวออก เพราะส่วนนี้จะเป็นจุดอับที่สะสมสิ่งที่ล้างออกไม่หมด
3. การใช้พลาสติกหรือฟิล์มสำหรับห่ออาหารมาห่อทีละผล ช่วยลดการระเหยของน้ำภายในผลทำให้ชุ่มชื้นได้
4. หากยังไม่รับประทานอย่าเพิ่งนำสตรอเบอร์รีไปล้างน้ำเปล่า ควรห่อกระดาษนุ่มและเก็บไว้ไม่ให้ช้ำ
การเผลอกินสตรอเบอร์รีที่เสียอาจส่งผลต่อสุขอนามัยได้ แม้ว่าภายนอกอาจจะยังดูไม่เป็นอะไร การสังเกตถึงรอยช้ำเล็กๆ น้อยๆ หรือการเปลี่ยนสีเป็นจุด ก็เป็นสิ่งที่ควรสังเกตก่อนรับประทาน.
โฆษณา