18 มี.ค. 2021 เวลา 11:36 • ความคิดเห็น
5 ข้อคิดสำคัญจากการไป "ฝึกงาน" ช่อง 7HD
#บอกเล่ากราฟฟิก
5 ข้อคิดสำคัญจากการไปเป็น Intern-ship ในช่อง 7HD มา 4 เดือน
ย้อนกลับไปเมื่อ 2 ปีกว่า ในช่วงที่กำลังวุ่วายไปกับการหาที่ฝึกงาน ตอนนั้นก็เริ่มมีเพื่อน ๆ ในคลาสในสาขา ประกาศลง Group Line ห้องห้องกันแล้วว่าใครได้ที่ไหนกันบ้าง
บางคนก็ยังทำตัวชิลล์ไม่รู้จะชิลล์ไปไหน ในขณะที่เราก็เป็นอีกคนหนึ่งที่กำลังกดดันตัวเอง และเครียดเอามาก ๆ ในตอนนั้น
จะเอาตามหลักแล้วก็คือ ในหัวฉันได้มีที่อยู่ในใจไว้แล้ว 2-3 ที่ และแน่นอนว่า ความคาดหวังแรกจึงมากองอยู่กับสามที่นี้เป็นหลัก
ตอนนั้นมีองค์กรอื่น โทรและติดต่อมาให้เข้าไปสัมภาษณ์อยู่หลายที่ ด้วยความลังเลและยังรออย่างมีความหวัง จึงเลือกที่จะไปสัมภาษณ์เพียงสองสามที่เพื่อรองรับตัวเองเอาไว้ด้วย
3 องค์กรนั้นแน่นอนว่ามีช่อง 7HD รวมอยู่ในนั้นด้วย
และในที่สุดสวรรค์ก็เข้าข้าง เหลือเวลาที่จะไปฝึกงานอีกแค่สามเดือนก็มีเบอร์ ๆ นึงโทรมาจากช่อง 7 บอกได้คำเดียวว่าตอนนั้นเป็นอะไรที่แบบพูดไม่ออกบอกไม่ถูก
จากความฝันที่ครั้งนึงฉันอยากจะเข้าไปสัมผัสบรรยากาศของช่องทีวียักษ์ใหญ่ที่มียอดผู้ชมรับชมเป็นอันดับหนึ่งติดต่อกันมาเป็นสิบ ๆ ปี และตอนนี้ฉันกำลังจะได้เข้าไปฝึกงานที่นั่น ในฐานะพนักงานคนหนึ่งของบริษัท
เกริ่นเรื่องมายาวเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
ในระยะเวลาของการไปฝึกงานนั้นแม้มันอาจจะเป็นเวลาสั้น ๆ แต่ฉันก็เก็บเกี่ยวทุกอย่างมาจนหมดเช่นเดียวกัน มีทั้งปัญหา มีทั้งความช่วยเหลือ อีกทั้งยังได้เพื่อนใหม่อีกมากมาย รวมไปถึงประสบการณ์ที่ดีเอามาก ๆ เลยแหละ
5 ข้อคิดสำคัญจากการไปเป็น Intern-ship ในช่อง 7HD มา 4 เดือน
1. ไม่รู้ให้ถาม
วันแรกที่เข้าไปเป็นนักศึกษาฝึกงาน พี่ ๆ ให้การต้อนรับดีมาก แนะนำตัว บอกรายละเอียดงานคร่าว ๆ มาจนครบ แต่ทว่านั่นแหละ พอเสร็จสิ้นการแนะนำตัวทุกคนก็แยกย้ายไปทำหน้าที่ต่อ ทิ้งให้เรานั่งเคว้งคว้างอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ อยู่คนเดียว มี MAC ทิ้งไว้ให้เราเครื่องนึง กับโปรแกรมที่ซึ่งฉันก็ไม่เคยใช้มาก่อนเลย
(ลืมบอกไปว่าฉันเข้าไปฝึกงานฝ่ายตัดต่อข่าวนะคะ ) อย่างที่เราทราบกันดีว่ารายการข่าวเป็นรายการที่ต้องอาศัยความรวดเร็วในการนำเสนอ ความสดใหม่ และให้ข้อมูลในเรื่อง ๆ นั้นได้เป็นอย่างดี ซึ่ง คำถามคือ พี่ ๆ ทำงานกันอย่างวุ่นวาย ส่วนฉัน ได้เพียงนั่งมองพวกเขาวิ่งไปวิ่งมาผ่านห้องที่ฉันนั่งไปอย่างไม่สนใจใครเลย
อาทิตย์นึงผ่านไป สองอาทิตย์ผ่านไป ฉันมี้เพียงงานเดินส่งเอกสารข้ามตึกก็เท่านั้น พอเป็นแบบนี้เริ่มมีความรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมาแล้วสิว่าทางช่องจะพาฉันมาเคว้งหรือเปล่า เริ่มเกิดอาการคิดมากตามมาติด ๆ ว่าถ้าเกิดมาฝึกงานแล้วนั่งว่าง ๆ แบบนี้ ตอนเขาประเมินเราจะผ่านการฝึกงานไหม ต่าง ๆ นานาถาโถมเข้ามาในห้วงความคิด
พอผ่านไปสองอาทิตย์ฉันเริ่มปรับมุมมองและหนทางที่จะทำให้ตัวเองมีงานขึ้นมา ในนั้นจะมีพี่คนนึงที่ฉันค่อนข้างจะสนิทด้วย ด้วยความที่เขาอายุเท่ากับพี่ชายฉัน บวกกับไลฟ์สไตล์อะไรต่าง ๆ คล้าย ๆ กัน ฉันจึงเลือกเดินเข้าไปนั่งคุยกับเขาแล้วบอกถึงปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้เขาฟัง
สิ่งที่เขาพูดกับฉันกลับมาคือ ก็พี่ไม่รู้นี่ว่าเราทำอะไรเป็นบ้าง ถนัดอะไร ทำไมอยากทำงานไม่มาถามหรือลองให้พวกพี่ ๆ เขาสอนงานให้หล่ะ แหละนั่นก็ทำให้ฉันตาสว่างขึ้นมาทันที
เพราะเราอย่าลืมจุดประสงค์ของการมาฝึกงานครั้งนนี้นะว่า ทดลองฝึกปฏิบัติงานจริงในองค์กร เก็บเกี่ยวประสบการณ์การทำงาน ต่อยอดความรู้ที่มีกับงานที่ทำ ตรงทุกข้อทุกประเด็นไม่มีผิดเพี้ยนไปจากเดิม
ถึงบางอ้อเลยใช่ไหมคะ พอตั้งแต่วันนั้นฉันก็เริ่มเข้าไปคลุกคลีและครูพักลักจำระบบการทำงานของพี่ ๆ แล้วก็ได้เรียนรู้อะไรมามากมายหลายอย่างเลยจริง ๆ เพียงแค่ "ไม่รู้ให้ถาม"
2. ทำไม่ทันให้บอก อย่าฝืนทำต่อจนงานพัง
แน่นอนว่างานทุกงานย่อมมีกำหนดระยะเวลาในการทำที่ตายตัวมาอยู่แล้ว ตัวอย่างให้เห็นภาพเลยนะคะ Footage หรือคลิปของภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ในข่าวที่เราเห็น ๆ กันนั้น บางคลิปก็จะเป็นคลิปเก่าที่นำมา Cut แบ่งบางส่วนเพื่อออกอากาศใหม่อีกรอบ ส่วนบางคลิปก็จะภาพสดจากการที่ตากล้องจากทางช่องตามไปเก็บภาพแล้วนำภาพเหล่านั้นกลับมาที่สถานีเพื่อผ่านการเรียบเรียงและตัดต่ออีกครั้ง
และวันนั้นเหตุมันเกิดขึ้นเพียงเพราะอยากจะแบ่งเบาภาระของพี่ ๆ เลยอาสานำข่าวมาตัดเองไว้สองข่าว ขออธิบายก่อนว่า ทางโปรดิวเซอร์จะยังไม่เรียงไทม์ไลน์การออกอากาศมาใหม่ฝ่ายตัดต่อ แต่จะเอาแค่สคริปต์มาให้ดูก็เท่านั้น พออีก20นาทีก่อนออกอากาศไทม์ไลน์ก็จะมา แต่เผอิญว่าวันนั้น Rundown มาช้าจนเกือบจะออกอากาศแล้วฉันเลยกะเวลาไม่ถูก และมีข่าวที่ต้องตัดอีกสองตอน
นั่นแหละค่ะ พอ Rundown มาปรากฏว่าข่าวที่ฉันตัดออกอากาศในเบรกแรกเลย และในที่สุดพอออกอากาศเสร็จ พี่ที่ดูแลฉันก็ถูกโปรดิวซ์เรียกเข้าไปตักเตือน เพราะนอกจากต้องเลื่อนไปอยู่เบรกอื่นแล้ว ข่าวของคนอื่นก็ต้องถูกเลื่อนไปเป็นทอด ๆ ด้วย
พี่ตัดต่อเลยเดินเข้ามาหาฉันแล้วพูดแบบเชิงสอน ๆ ว่า ทำไมไม่ทันบอกเลย อย่ายื้อเวลาจนงานพัง โชคดีไปที่พี่เขาค่อนข้างใจดี เลยไม่ได้โมโหอะไรมาก
การที่ทำงานไม่ทันไม่ใช่เรื่องผิด แต่มันจะผิดตอนที่เราไม่บอกนี่แหละค่ะ
3. ทำไม่ได้ให้ดู ดูไม่ได้ให้ฟัง ฟังไม่ได้ให้จด
ความหมายก็ตรงตัวเลยค่ะ ขออนุญาตแทนตัวพี่ที่ฝึกงานว่าพี่เอนะคะ พี่เอเขาเชิงเล่าให้ฟังว่ามีน้องฝึกงานคนนึงรุ่นก่อนหน้านี้ที่เข้ามาฝึก เขาไม่ค่อยเก่งเรื่องการใช้โปรแกรมเท่าไหร่ แต่เขาจะเป็นประเภทชอบดูชอบฟังชอบจดอะไรไปเรื่อย ปรากฏว่าแม้เขาจะไม่ค่อยได้รับมอบหมายให้ตัดงานออกอากาศมากนัก แต่พอช่วงที่มันจำเป็นต้องหาคนมาแทนคนที่หยุด เขาก็สามารถทำได้สบายๆ พี่เองงมากว่าทำไมเขาถึงทำได้ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้สอนอะไรมากนัก เด็กฝึกงานคนนั้นก็ตอบว่า ผมจำพวกพี่ๆ มาครับ บางครั้งจำไม่ได้ก็จดเอามาตรงไหนทำหน้าที่อะไร
พอได้ยินแบบนี้พี่เอก็เลยหันมาบอกว่า เราก็ดูเขาเป็นตัวอย่าง เพราะทุกอย่างที่นี่มันสามารถเป็นประสบการณ์ได้หมดเลย มันอยู่ที่ว่าเราจะเลือกรับมันไหมมากกว่า
4. เข้าหาผู้ใหญ่ อย่าเก็บตัวเงียบโลกส่วนตัวสูง
การเข้าไปนั่งพูดคุยกับพวกพี่ๆ ที่ทำงานก็ไม่ใช่เรื่องแย่เสมอไป แม้ว่าด้วยวัยและความคิดต่างกันมาก แต่ทว่าไอจุดนี้แหละที่จะสร้างความสัมพันธ์อันดีให้เราต่อไปได้ในอนาคต
ลองนึกภาพตามนะคะ ว่าถ้าเกิดเราทำตัวสนิทสนม ไปลามาไหว้อยู่ตลอด มีเรื่องดีๆ หรือของฝากอะไรเขาก็จะนึกถึงเราเป็นอันดับแรกๆ และเรื่องหนทางการฝากงานด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่า ด้วยความที่ฉันมักจะชอบเข้าหาพวกพี่ๆ เพื่อไปพูดคุยหรือให้สอนงานอยู่ตลอด พอเริ่มมีการเรียนรู้ เริ่มมีการปรับตัวกับองค์กรที่ดี ใครหล่ะจะไม่อยากได้คนที่ทำงานเป็น เข้ากับคนอื่นได้ง่ายไปร่วมงานด้วย
ฉะนั้น อย่าลืมที่จะเข้าไปสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้วยนะคะ
5. ไปลามาไหว้ อย่ามือหนักปากหนัก ยิ้มไม่เป็น
พอพูดแบบนี้พอเห็นภาพขึ้นมาเลยใช่ไหมคะ ดังที่กล่าวไปตั้งแต่ข้างต้นว่า ถ้าเกิดเราทำตัวสนิทสนม ไปลามาไหว้อยู่ตลอด มีเรื่องดีๆ หรือของฝากอะไรเขาก็จะนึกถึงเราเป็นอันดับแรกๆ และเรื่องหนทางการฝากงานด้วยเช่นกัน
ไม่มีใครหรอกไม่ชอบคนที่ยิ้มแย้ม อัธยาศัยดี มีสัมมาคาราวะ นอกจากจะใช้ได้ในทุกสังคมแล้ว สิ่งเหล่านี้มันจะติดตัวให้เราเกิดเป็นนิสัย ดังที่คุณสติฟท์กล่าวว่า "ผมชอบการไหว้ที่สุด เพราะไหว้เสร็จพวกเขาจะยิ้มให้ผม และวัฒนธรรมนี้มักใช้กับองค์กรที่ดี มันทำให้ผมเกิดความประทับใจเป็นอย่างมาก"
นี่แหละค่ะ ข้อดีของการไปลามาไหว้
และนี่ก็เป็น 5 ข้อคิดที่ไม่ว่าคุณจะกำลังปรับเปลี่ยนงาน หรือกำลังจะไปฝึกงาน หรือกำลังจะย้ายงานก็ตาม ห้าข้อนี้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ทุกสถานการณ์แน่นอน
หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อน ๆ ไม่มากก็น้อยนะคะ
#บอกเล่ากราฟฟิก
โฆษณา