18 มี.ค. 2021 เวลา 11:59 • สิ่งแวดล้อม
เคยสงสัยกันไหมว่า เวลาเราทิ้งขยะรีไซเคิล มันไปไหนต่อ?
“ผู้คนทิ้งของที่พวกเขาคิดว่ารีไซเคิลได้ลงในถังขยะรีไซเคิล แต่น่าเสียดายที่ไม่ใช่ทุกอย่างที่ทิ้งจะถูกนำไปรีไซเคิล”
ขยะรีไซเคิลมีอะไรบ้าง?
เพื่อน ๆ ลองตอบในใจแล้วมาดูกันว่าคำตอบที่คิดไว้เหมือนกับข้อไหนข้างล่างนี้
.
.
.
.
.
.
1. ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง กระดาษ (คิดแบบเป็นสิ่งของนั้น ๆ เช่น “ขวด” ) หรือ
2. พลาสติก อะลูมิเนียม กระดาษ (ใช้ประเภทของวัสดุเป็นเกณฑ์ เช่น เป็นอะไรก็ได้จากพลาสติกรีไซเคิลได้หมด) หรือ
3. อื่น ๆ
ตัวเลือกข้างบนนี้เกิดจากการสอบถามคนจำนวนมาก เรามาดูคำอธิบายของแต่ละคำตอบกันดีกว่า
คำตอบแบบที่ 1: ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง กระดาษ (คิดแบบเป็นสิ่งของนั้น ๆ เช่น “ขวด” )
>> จริง ๆ แล้ว เรายังมีขยะอีกมากที่รีไซเคิลได้ เพราะอะไรที่รีไซเคิลได้ = มีราคารับซื้อ-ขาย มักจะมีราคาขึ้นบนเว็บรับซื้อขยะ (ท้ายบทความมีลิงก์ให้ลองกดดูเล่นกัน)
คำตอบแบบที่ 2: พลาสติก อะลูมิเนียม กระดาษ (ใช้ประเภทของวัสดุเป็นเกณฑ์ เช่น เป็นอะไรก็ได้จากพลาสติกรีไซเคิลได้หมด)
>> ไม่ใช่พลาสติก กระดาษ หรืออะลูมิเนียมทุกแบบที่รีไซเคิลได้ ยังมีเงื่อนไขอีกมาก
ส่วนคำตอบแบบอื่น ๆ
>> ลองมาอ่านต่อกันว่าตรงกับที่ควรจะเป็นแล้วหรือไม่
รีไซเคิลได้หรือไม่ได้ ใครกันที่บอกได้?
ในการนำขยะหรือวัสดุไปรีไซเคิล เรามีคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องในเส้นทางทั้งหมด 4-5 คน คือ
1.คนทิ้งขยะ หรือ ผู้บริโภค
2.คนคัดแยกขยะขั้นที่ 1 หรือ แม่บ้าน (ถ้ามี)
3. คนเก็บ คัดแยกขยะขั้นที่ 2 เช่น ซาเล้ง หรือ พนักงานรถเก็บขยะ
4. โรงรับซื้อขยะรีไซเคิล หรือ ร้านรับซื้อของเก่า
5. โรงงานรีไซเคิล
เราจะเดินทางย้อนจากโรงงานรีไซเคิลว่าเขารับขยะแบบไหนไปจนถึงผู้บริโภค ว่าแล้วเราควรทิ้งแบบไหนเพื่อตอบโจทย์การรีไซเคิลจริง ๆ นะ
โรงงานรีไซเคิล
การที่โรงงานจะรับรีไซเคิลของสักอย่าง จะขึ้นอยู่กับความสามารถของเครื่องมือในการรีไซเคิลและความต้องการของตลาดที่มากพอจะทำให้ไม่ขาดทุน โดยจำนวนมากเป็นโรงงานรีไซเคิลเฉพาะอย่าง คือบางที่รับรีไซเคิลพลาสติก PET พลาสติกทั่วไป อะลูมิเนียม โลหะอื่น ๆ หรือ กระดาษ บางที่รับรีไซเคิลหลายประเภท
โรงรับซื้อขยะรีไซเคิล หรือ ร้านรับซื้อของเก่า
รับขยะจากซาเล้งหรือการรับซื้อ โดยจะคัดแยกขยะที่รีไซเคิลได้เพื่อส่งต่อไปยังโรงงานรีไซเคิลประเภทต่าง ๆ โดยมีการกำหนดราคารับซื้อจากอุปสงค์-อุปทานของตลาด โดยปกติแล้วจะคัดเลือกจาก
1. ควรเป็น mono-material หรือสามารถแยกวัสดุแต่ละประเภทออกจากกันได้ง่าย:
ถ้าเป็น composite material เช่น กล่องนม ที่หลายคนคิดว่ารีไซเคิลได้ แต่เพราะมีองค์ประกอบทั้งพลาสติก กระดาษ อะลูมิเนียม เชื่อมติดกัน (laminated) ทำให้ไม่สามารถรีไซเคิลได้ ในความหมายที่ว่าทำให้กล่องนมกลับเป็นกล่องนมอีกครั้ง
อีกตัวอย่างหนึ่งคือซองขนม
หากเราพลิกหลังซองดู เราอาจจะได้เห็นสัญลักษณ์ลูกศรชี้กันเป็นวงเพื่อบอกว่าบรรจุภัณฑ์สามารถรีไซเคิลได้ แต่เช่นเดียวกัน ซองขนมมักจะทำมาจากพลาสติกเคลือบติดอะลูมิเนียมฟอยล์ ซึ่งพอเคลือบติดกันแล้วไม่สามารถที่จะรีไซเคิลแยกออกมาได้ มีบางกรณี เช่น กล่องนม ที่มีระบบรองรับการรีไซเคิลโดยเฉพาะ แต่ต้องทิ้งหรือส่งไปตามสถานที่ที่ระบุไว้เท่านั้น
ข้อควรระวัง: ถ้วยกระดาษหรือกล่องกระดาษใส่อาหารที่ไม่เปียกน้ำ ให้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าเป็นจากกระดาษเคลือบด้วยพลาสติกซึ่งหมายถึงมันจะถูกนำไปทิ้งที่ -> landfill
2. มีจำนวนมากพอที่จะคุ้มค่ากับการดำเนินการหนึ่งครั้ง:
พลาสติกหลายแบบมีขนาดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย สามารถรวบรวมได้ยาก
EX. ถุงพลาสติกทั้งแบบถุงร้อนและถุงหูหิ้ว ที่จริง ๆ ก็สามารถรีไซเคิลด้วยความเป็น single material แต่มีการรวบรวมอย่างเป็นระบบค่อนข้างน้อย เลยเกิดปัญหาหลุดจากระบบการรีไซเคิลเยอะ
EX. หลอดก็คล้ายกัน แม้จะทำมาจากพลาสติก PP (Polypropylene) ที่โดยคุณสมบัติทางเคมีแล้วสามารถรีไซเคิลได้ แต่ด้วยขนาดที่เล็กมาก ไม่สามารถที่จะเข้าเครื่องรีไซเคิลตามปกติได้ ถึงเดี๋ยวนี้จะมีหลอดพลาสติกที่บอกว่าย่อยสลายได้ ทำมาจากไบโอพลาสติก PLA สังเกตได้จากสีที่ขุ่น แตกง่าย แต่การย่อยสลายจะเกิดขึ้นในสภาพที่เหมาะสมเท่านั้น (Industrial compostable) ไม่มีการรับไปรีไซเคิลเช่นเดียวกัน มีจุดจบที่เดียวกันกับหลอดทั่วไป คือ บ่อขยะหรือแหล่งน้ำทั่วโลก
3. ตัววัสดุเอง Recyclable ได้จริง: พลาสติกเกือบทุกชิ้นจะมีแปะสัญลักษณ์รีไซเคิล แต่ไม่ใช่ทุกชิ้นที่รีไซเคิลได้ อย่างพลาสติกประเภท PVC (ผ้าม่านห้องน้ำ, ปกแฟ้มเอกสาร) หรือ PS (ช้อนส้อมครั้งเดียวทิ้ง, โฟม) เป็นต้น
4. บางทีสีก็มีผล: ตัวอย่างที่ชัดที่สุดคือขวดพลาสติก PET ราคาขวดใส 9.50 บาท/กก. ขวดสี 1.80 บาท/กก. ส่วนขวดที่สกรีนลาย ราคาตกไปถึง 0.20 บาท/กก. (อ้างอิงราคาจากวงษ์พาณิชย์ 3/3/2021) เพราะขวดที่มีสีหรือสกรีนเมื่อรีไซเคิลจะได้เป็นเม็ดพลาสติกสีเทา ซึ่งมักจะไม่เป็นที่ต้องการของตลาด
สรุปแล้ว
ของที่สามารถรีไซเคิลได้คือของที่ขายได้
ถ้าอยากรู้ว่าอะไรรีไซเคิลได้ ให้เข้าไปดูราคาในเว็บไซต์ร้านรับซื้อขยะ ซึ่งในแต่ละวันก็มีราคาไม่เท่ากัน และแตกต่างไปในแต่ละเจ้า แต่ละพื้นที่
คนเก็บคัดแยกขั้นที่ 1 และ 2
หรือพ่อบ้าน แม่บ้าน ซาเล้ง นั่นเอง
นี่คือ key person ในการรีไซเคิลก็ว่าได้ เพราะเป็นด่านแรก ๆ ในการคัดเลือกว่าขยะชิ้นไหนจะได้ไปต่อหรือจะตกรอบ เงื่อนไขในการคัดเลือกคือ
1. สภาพไม่เละเกิน พอจะคัดแยกได้ มักจะขึ้นอยู่กับผู้บริโภค ส่วนใหญ่จะเลอะจากอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าดูแล้วเละทั้งถัง บางทีก็ไม่คุ้มที่จะคุ้ย ๆ เพื่อเลือกมาขาย
2. มีค่าพอที่จะขายได้ อยู่ในรายการรับซื้อ การที่จะมีค่า/ราคารับซื้อเพื่อรีไซเคิลได้
>> ปัญหาที่พบในปัจจุบันคือ
1. ทุกถังเละ พี่ ๆ จะมีกัน 2 ทางเลือกคือ เลือกเฉพาะที่หยิบง่าย ขายคล่อง เช่น ขวดพลาสติก ขวดแก้ว กระป๋อง กับปล่อยถังนั้นไปตามยถากรรม
2. ไม่รู้ว่านอกจากขยะยอดฮิตอย่างขวดน้ำแล้วยังมีขยะอย่างอื่นที่ขายได้อีกเพียบ
ผู้บริโภค หรือ คนทิ้งขยะ
มี 2 ทางเลือกคือ
1. รู้ว่าอะไรบ้างที่ขายได้=รีไซเคิลได้ คัดแยกไว้เป็นประเภทที่บ้านตัวเอง หรือทิ้งลงในถังขยะรีไซเคิล
2. ถ้าจำไม่ได้ว่ามีอะไรบ้าง ให้ทิ้งขยะที่สะอาดและแห้ง (พอประมาณ ไม่จำเป็นต้องสะอาดปิ๊ง) ลงในถังขยะรีไซเคิล ถ้ายังมีน้ำหรืออาหารอยู่ ให้เททิ้งแยกไว้ให้เรียบร้อย เท่านี้ก็ช่วยให้การทำงานของขั้นตอนต่อไปง่ายขึ้นมากแล้ว
ถึงจะเป็นขยะสะอาด คัดแยกง่าย บางทีก็รีไซเคิลยากหรือรีไซเคิลไม่ได้ตั้งแต่เกิด
จะเห็นได้ว่านอกจากขึ้นกับผู้ผลิตอย่างมาก ว่าได้ออกแบบมาตอบโจทย์เงื่อนไขการรีไซเคิลหรือเปล่า
เราอาจจะคิดว่าการที่บริษัทแปะป้ายว่าสินค้านี้ recyclable แล้วสินค้าชิ้นนั้นจะสามารถรีไซเคิลได้ หรือเห็นว่ามันเป็นพลาสติก กระดาษ อะลูมิเนียมก็คงรีไซเคิลได้ ซึ่งไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป
ในตอนต่อไป เรามาดูกันว่าจะมีวิธีอะไร ที่ผู้ผลิตสามารถเพิ่มความสามารถในการรับผิดชอบในวงจรชีวิตสินค้าของตัวเองได้บ้าง และในส่วนของผู้บริโภค เราจะทำอะไรได้อีกบ้าง เพื่อช่วยให้เราได้บริโภคอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น
ดูราคาขยะได้ที่
#AsGreenAsYouCan
#littlebiggreen
โฆษณา