18 มี.ค. 2021 เวลา 18:14 • หนังสือ
When Breath Becomes Air
เมื่อลมหายใจกลายเป็นอากาศ
"ก่อนวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง ผมรู้ว่าวันหนึ่งผมจะตาย แต่ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
หลังวินิจฉัยแล้ว ผมรู้ว่าวันหนึ่งผมจะตาย แต่ผมก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่...
ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับความตายนั้นยังไม่มีข้อยุติ
ทว่าก็ไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วที่จะมีชีวิตอยู่"
"เมื่อลมหายใจกลายเป็นอากาศ คือถ้อยคำบันทึกการเผชิญหน้า สำรวจ ต่อสู้ และโอบรับความตาย ที่แสนจับใจและน่าจดจำ วรรณกรรมแห่งชีวิตอันงดงามถ่ายทอดประสบการณ์การค้นหาความหมายของมนุษย์คนหนึ่งในห้วงยามที่ความหวังมลายสิ้น"
สวัสดีค่ะ นัมจุนอ่านตอนที่ 1 พลอยเลือกหยิบหนังสือที่ชื่อว่า When Breath Becomes Air หรือชื่อแปลไทยก็คือ "เมื่อลมหายใจกลายเป็นอากาศ"
แค่ชื่อก็สะดุดตาแล้วใช่ไหมคะ ความตายนั้นเป็นเรื่องที่เราคุ้นชินแต่เมื่อเวลานั้นมาถึงเราจะพร้อมและยินยอมเผชิญหน้ากับมันมากน้อยแค่ไหนกัน
หนังสือเล่มนี้เป็นเรื่องของคุณพอล ศัลยแพทย์ด้านประสาทวิทยา ผู้หลงใหลถึงขั้นเอาจริงเอาจังในด้านปรัชญาและวรรณกรรม ผู้ใช้ชีวิตที่มีอยู่เพื่อตามหาความหมายของการมีชีวิตอย่างแท้จริง เดิมทีคุณพอลเรียนจบด้านวรรณคดีภาษาอังกฤษ และด้านชีววิทยาเพื่อที่จะเข้าใจคำว่า "การมีชีวิตอยู่" อย่างลึกซึ้งมากขึ้น หลังเรียนจบแล้วก็ตัดสินใจมาเรียนต่อแพทย์ที่เยล
ภายหลังคุณพอลได้เป็นเรียนจบและได้เป็นแพทย์อย่างเต็มตัว เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น อยู่ๆอาการปวดหลังก็กำเริบอย่างรุนแรง คุณพอลเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและรักษาคนไข้นับไม่ถ้วน ย่อมทราบลึกๆอยู่ในใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายตัวเอง "มะเร็งระยะสุดท้าย" ในวัย 34 ปีนั้นเป็นเรื่องที่ไม่มีใครเฝ้าฝันถึง ทันใดที่ตรวจพบและทราบข่าว คนที่เคยคิดว่าตัวเองนั้นคุ้นชินความตายยิ่งกว่าใครในเวลานี้กับมองความตายราวกับคนแปลกหน้า เป็นตัวเขาเองที่กำลังเดินหน้าไปสู่ความตาย
"ผมเริ่มต้นอาชีพนี้ ส่วนหนึ่งเพื่อตามดูความตาย เพื่อยึดฉวยมัน เพื่อเปิดเปลื้องมัน
และพบเห็นมันด้วยตาตัวเองแบบไม่กระพริบ"
คุณพอลใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ไม่ใช่เพื่อต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อวิ่งหนี แต่กลับใช้ชีวิตที่เหลือในการยอมรับและทำความเข้าใจ แม้ว่าชีวิตจะมีความเปราะบาง ความไม่แน่นอน แม้ว่าความตายจะอยู่ตรงหน้า ซึ่งยังไม่รู้ได้ว่าจะเหลือเวลาอีก 3 วัน 3 เดือน หรือ 3 ปี แต่สิ่งไหนกันที่ควรค่าแก่การให้ความหมายและมอบตัวตนที่แท้จริงได้เป็นครั้งสุดท้าย
"บางทีเมื่อไร้ความแน่นอนใดๆ เราอาจทำได้เพียงสันนิษฐานว่าเราจะมีชีวิตอยู่ยาวนาน บางทีนั่นอาจเป็นเพียงหนทางเดียวที่จะก้าวเดินไปข้างหน้าได้"
หนังสือเล่มนี้กลายเป็นหนังสือเล่มที่มีอิทธิพลกับพลอยมากๆเล่มนึง แน่นอนว่าจะขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในหนังสือเล่มโปรดตลอดกาล แม้ว่าจะเป็นหนังสือที่เข้มข้นและหนักอึ้งเพราะมาจากชีวิตจริงของคนคนหนึ่งบอกต่อเรื่องราวความตายเสมือนกับเราเองก็ไปร่วมเผชิญหน้ากับความตายของเราเองด้วยเช่นกัน เล่มนี้จึงมีความพิเศษอย่างมาก ในขณะเดียวกันวิธีการเขียน ความคิดที่ลึกซึ้ง ความตลกขบขัน ความอ่อนหวานและอ่อนโยน ทำให้พลอยเริ่มรู้สึกผูกผันโดยไม่รู้ตัว ในตอนจบบทที่ภรรยาของคุณพอลเขียนนั้นขอสารภาพว่าร้องไห้หนักมาก แต่ไม่ใช่ร้องไห้เพราะเศร้าและเสียใจ แต่ร้องไห้ให้กับความเจ็บปวดและงดงามของการมีชีวิตอยู่ เรื่องราวที่คุณพอลได้ถ่ายทอดนั้นมีคุณค่าอย่างมาก อยากให้ทุกคนได้อ่านอย่างตั้งใจ พลอยคิดหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ทำให้พลอยมีมุมมองความคิดต่อความตายที่เปลี่ยนไปรวมทั้งใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้นด้วยเช่นกัน
"ฉันไปไม่ไหว แต่ฉันจะไป..."
โฆษณา