📚 รีวิวหนังสือ How to Win Friends and Influence People : หนังสือ how to ระดับตำนาน ที่เกือบ 100 ปี ก็ยังใช้ได้ดีในยุคปัจจุบัน 📚
📍 How to Win Friends and Influence People 📍
เขียนโดย Dale Carnegie
ถ้าจะให้พูดถึงหนังสือ how to ระดับตำนานเล่มนึง แน่นอนว่าต้องมีชื่อของหนังสือเล่มนี้แน่นอนครับ หากไปดูชาร์ตของหนังสือขายดีตลอดกาลในหมวดนี้จะต้องเห็นเล่มนี้ติดอยู่ในอันดับต้น ๆ อย่างแน่นอน เรียกได้ว่าเป็น “All Time Best Seller” เล่มหนึ่งของทุก ๆ ที่เลยครับ 💥
แล้วเชื่อมั้ยครับว่าหนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ออกมาครั้งแรกตั้งแต่ปี 1936! ซึ่งนับถึงทุกวันนี้นี่มันปาเข้าไป 80 กว่าปีแล้วนะครับ OMG !!
แต่ก็ไม่น่าเชื่ออีกเช่นกันว่าเนื้อหา แก่นของหนังสือ “How to win friends and influence people” หรือชื่อที่เล่มแปลไทยใช้ว่า “วิธีชนะมิตรและจูงใจคน” นั้นยังใช้ได้เสมอ เพราะแก่นหรือธรรมชาติของมนุษย์นั้นไม่ได้เปลี่ยนไปเลยครับ หลักการพื้นฐานพวกนี้จึงยังคงสามารถนำไปใช้ได้ตลอดแถมยังใช้ได้ทุกที่ไม่ว่าจะเป็นที่บ้าน ที่ทำงานหรือในสังคมทั่ว ๆ ไปทุก สถานการณ์เลยครับ
……………..
“If you want to gather honey, don’t kick over the beehive”
📌 หลักการข้อแรกของการปฏิบัติตัวกับคนอื่น ก็คือ “อย่าตำหนิ” ผู้อื่นครับ เพราะการไปตำหนิหรือต่อว่าคนอื่นนั้นแทบไม่เกิดประโยชน์เลย เพราะอะไรเหรอครับ?
มันมีแต่จะทำให้ผู้ฟังนั้นรู้สึกไม่ดี แล้วเค้าก็จะต่อต้านเราทันทีครับ การที่เราไปตำหนิคนอื่นนั้นเป็นการไปทำลายความรู้สึกว่ามีความสำคัญ “sense of importance” เพราะมนุษย์เราทุกคนนั้นอยากที่จะเป็นคนที่มีความสำคัญกับคนอื่นครับ
แทนที่เราจะตำหนิให้เราคิดอีกแบบหนึ่งแทนดูครับ ลองพยายามทำความเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงทำแบบนั้นดูครับ เช่น เค้าอาจจะเคยทำแบบนี้มาแล้วสำเร็จก็ได้ หรือเค้าเคยทำอีกอย่างมาแล้วโดนบอกว่ามันไม่ดี เค้าเลยเปลี่ยนไปทำอีกอย่าง หรืออาจจะมีคนหรือหัวหน้าบอกให้เค้าทำแบบนี้ก็ได้ ใครจะไปรู้ถูกมั้ยครับ
……………..
“Big Secrets of dealing with People”
📌 Dr. John Dewey หนึ่งในนักปรัชญาที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งของอเมริกา ได้บอกไว้ว่า สิ่งที่อยู่ภายในจิตใจลึก ๆ ของมนุษย์ทุกคน คือ ความปรารถนาที่จะอยากมีความสำคัญ “Desire to be important”
ซึ่งสิ่งนี่แหละครับเป็นตัวขับที่ทำให้คนเราลุกขึ้นมาแต่งตัวสวย ๆ หล่อ ๆ ใส่เสื้อผ้าสวย ๆ แต่งตัวให้ดูดี อยากขับรถรุ่นใหม่ ๆ สวย ๆ เพราะเรานั้นอยากที่จะมีคนให้ความสนใจ อยากจะเป็นคนสำคัญนั่นเองครับ
นั่นก็โยงไปถึงการที่มนุษย์เรานั้นชอบ “คำชม” ครับ ซึ่งไม่มีใครไม่ชอบหรอกถูกมั้ยครับ
คนเราส่วนใหญ่มันจะหลงลืมการให้คำชมกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันครับ เช่น เพื่อนร่วมงานเราทำงานสำเร็จหรือส่งงานให้เราได้ตามกำหนด บางทีเราเคยชินจนลืมชื่นชมครับถึงแม้เป็นสิ่งที่เค้าต้องทำอยู่แล้วก็ตาม แนะนำให้ค่อย ๆ ฝึกทำให้เป็นนิสัยครับ
……………..
“Arouse in the other person an eager want”
ในหนังสือเค้ายกตัวอย่างเรื่อง การตกปลาว่าถึงแม้ผู้เขียนจะชอบกินสตรอว์เบอรรี่มาก แต่เวลาเอาเหยี่อไปตกปลาเราก็คงไม่ใช้สิ่งที่เราชอบไปเป็นเหยื่อให้ปลาถูกมั้ยครับ เราก็ต้องใช้หนอนซึ่งเป็นสิ่งที่ปลาชอบ คือให้มองว่าคนอื่นเค้าอยากได้อะไรมากกว่ามองสิ่งที่เราอยากได้
เรื่องนี้เค้าบอกว่าเป็น common sense มาก ๆ แต่ทำไมหละเราถึงไม่ค่อยเอามาใช้กับมนุษย์ด้วยกัน
📌 ถ้าเราอยากจะโน้มน้าวให้คนอื่นทำอะไร สิ่งเดียวเลยที่จะโน้มน้าวเค้าได้ก็คือ ทำให้เค้า “อยากทำด้วยตัวเค้าเอง” ไงครับ เช่น เราเห็นลูกเราสูบบุหรี่ แต่เราไม่อยากให้เค้าสูบ ให้เราไปพูดสั่งสอนให้ตาย เค้าก็คงยากที่จะฟังครับ แต่ให้เราแสดงให้เค้าเห็นว่ามันไม่ดียังไง มีผลกระทบที่ไม่ดียังไงดีกว่าครับ เช่น หากเค้าอยากเป็นนักร้อง เราก็ต้องชี้ให้เห็นว่าการสูบบุหรี่นั้นมันทำให้เสียงเราเสียหายจนทำให้เราไปเป็นนักร้องไม่ได้
ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างอีกว่า เวลาเราไปบริจาคเลือด ทำไมเราถึงไปหละครับ ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่มีใครมาบังคับเราซะหน่อย
เหตุผลคือลึก ๆ แล้วเราอยากทำเพราะเราก็หวังว่าจะได้บางอย่างตอบแทน เช่น คนจะได้ชื่นชม ยกย่อง อะไรทำนองนี้ครับ
ซึ่งเรื่องนี้เหมือนกับแนวคิด “outward mindset” ที่ผมเคยเขียนรีวิวไปแล้ว ซึ่งเอาไปปรับใช้ในการทำงานได้เยอะ เช่น หากเรามีลูกค้า มันก็คือการมองสิ่งที่ลูกค้าต้องการหรือคาดหวัง หากเราฝึกคิดในมุมมองของคนอื่น พยายามทำความเข้าใจ ก็จะทำให้เราประสบความสำเร็จได้นะครับ
💡 ผู้เขียนบอกว่าเรื่องนี้สำคัญมาก ๆ และอาจจะสำคัญที่สุดเลย เพราะเค้าบอกว่าถ้าเลือกได้แค่สิ่งเดียวที่คนอ่านหนังสือเล่มนี้จะได้อะไรจากหนังสือ ก็คือเรื่องนี้แหละครับ
……………..
“6 แนวทางที่จะทำให้คนอื่นชอบเรา”
ผู้เขียนได้สรุปแนวทาง 6 อย่างที่จะทำให้คนอื่นชอบเราได้ดังนี้ครับ
✅ Become genuinely interested in other people
✅ Smile
✅ Remember that a person’s name is the sweetest and most important
✅ Be a good listener
✅ Talk in terms of the other person’s interests
✅ Make the other person feel important – and do it sincerely
……………..
👉🏻 ข้อแรกคือ “การแสดงความใส่ใจคนอื่นอย่างจริงใจ” คนเราส่วนใหญ่และโดยธรรมชาติเลยจะสนใจตัวเองเป็นหลัก เช่น เวลาเราพูดคุยกับใคร เราก็มักจะพูดเรื่องของเรา หรือเวลาเราดูรูปหมู่ เคยสังเกตุตัวเองมั้ยครับว่าเราก็มักจะมองหาหน้าเราก่อนใช่มั้ยหละครับ
แต่ผู้เขียนได้บอกว่าถ้าเราอยากมีเพื่อนเพิ่มหรืออยากเป็นมิตรกับใครให้คุยกับเค้าโดยให้ความสนใจในตัวเค้ามากกว่าที่เราจะพูดเรื่องของเราเองครับ
👉🏻 ข้อถัดมาง่ายมาก ๆ คือ “การยิ้ม” นั่นเองครับ การยิ้มให้คนอื่นเป็นการสดงออกง่าย ๆ ที่แสดงให้เห็นว่าเราชื่นชม ขอบคุณ แล้วก็มีความสุขกับการพูดคุยกับคน ๆ นั้นครับ
👉🏻 ข้อที่สามคือ “การจำชื่อคนอื่นให้ได้” รวมถึงต้องออกเสียงให้ถูกด้วยนะครับ (ในกรณีที่เรามีคนรู้จักหรือเพื่อนเป็นชาวต่างชาติ อันนี้จะสำคัญมาก ๆ) ส่วนตัวผมอยากเพิ่มเติมว่าควรเขียนและสะกดชื่อเค้าให้ถูกต้องด้วยนะครับ คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยให้ความสำคัญหรือความละเอียดละออในเรื่องแบบนี้ครับ ถ้าเราทำได้ ก็จะทำให้คนที่เราคุยด้วยรู้สึกพิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่เคยเจอกันมาก่อน แต่เรารู้ชื่อเค้าและสามารถเรียกได้ถูกต้องครับ
👉🏻 ข้อที่สี่คือ “การเป็นผู้ฟังที่ดี” ซึ่งจากการศึกษาและสำรวจคนที่ประสบความสำเร็จทั้งหลาย ส่วนใหญ่จะมีลักษณะการเป็นผู้ฟังที่ดีทั้งนั้นครับ การเป็นผู้ฟังจะทำให้คนอื่นชอบเราเพราะอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นไงครับว่ามนุษย์เรานั้นอยากที่จะเป็นคนสำคัญ ซึ่งการเป็นผู้ฟังที่ดีนั้นต้องฟังแบบ “attentive listener” คือตั้งใจฟัง แล้วถ้าจะให้ดีก็ต้องมีการถามคำถามเป็นระยะที่ให้ผู้พูดนั้นเค้าตอบได้อย่างมีความสุขนะครับแบบ “enjoy answering” (บางคนตกม้าตายดันไปถามคำถามที่ไม่ควรถาม)
👉🏻 ข้อถัดไปครับคือ “การคุยในเรื่องที่คู่สนทนาเราสนใจ” ซึ่งอันนี้ก็มาจากหลักการเดิมที่ว่าทุกคนอยากเป็นคนสำคัญดังนั้น การคุยเรื่องที่เค้าชอบ เค้าสนใจ จึงทำให้เราสนทนาได้อย่างไหลลื่นและถูกคอมากกว่าครับ
👉🏻 ส่วนข้อสุดท้ายก็คือ “การทำให้เค้ารู้สึกว่าสำคัญ” นั่นเองครับแล้วก็ต้องทำอย่างจริงใจนะครับ ซึ่งอย่างที่ผู้เขียนย้ำไว้ข้างต้นว่าข้อนี้เป็นข้อสำคัญมาก เป็นเหมือน “Golden Rule” ที่จะทำให้เรามีเพื่อนมากมาย เหมือนที่ Dr. John Dewey ได้กล่าวไว้ว่า “Make the other person feel important and do it sincerely”
……………..
ในส่วนของการพูดจาโน้มน้าวคนอื่นนั้นให้เราเริ่มด้วยการพูดจาดี ๆ มีอัธยาศัยที่ดีครับ ดั่งประโยคที่ผู้นำอย่าง Abraham Lincoln กล่าวไว้ว่า “A drop of honey catches more flies than a gallon of gall” 🍯
นอกจากนั้นเราควรจะเปิดบทสนทนาจากเรื่องที่เรากับเค้าเห็นตรงกัน เรื่องที่เรามีส่วน “common” กัน มันก็จะเป็นการคุยที่ง่ายกว่า เช่น หากเรารู้ว่าเค้าเป็นคนจังหวัดเดียวกับเรา เราก็สามารถเปิดบทสนทนาด้วยเรื่องนี้เลย มันจะช่วยทำให้ไม่ว่าเราคุยเรื่องอะไรต่อ แม้จะเป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงกัน มันก็จะทำให้การพูดคุยนั้นเบาลงและมีความเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น 😃
ผู้เขียนได้แนะนำเพิ่มว่าเวลาเราจะบอกว่าคนอื่นทำอะไรผิด แทนที่จะบอกตรงๆ เลย ให้ลองเปลี่ยนเป็นการถามคำถามให้เค้าคิด และตอบว่า “ใช่” ด้วยตัวเค้าเองดูครับ
ให้เราเห็นอกเห็นใจคนอื่น ไม่ตำหนิเค้าก่อน ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์เราทุกคนต้องการ
……………..
“You can’t win an argument”
📌 หากมีเรื่องโต้แย้งกันเค้าบอกว่าให้เลิกคิดไปเลยถึงการโต้เถียง โต้แย้งกัน เพราะสุดท้ายจะไม่มีใครหรอกที่จะชนะ ถึงเราชนะเค้า เราก็แพ้อยู่ดีเพราะเราทำให้คนอื่นรู้สึกไม่ดี เสียความรู้สึก ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุดที่จะเอาชนะการโต้แย้งกันก็คือ ให้หลีกเลี่ยงมันซะ
“Never say you are wrong”
📌 นอกจากนั้นอย่าพูดคำว่า “คุณผิดแล้ว” “เธอผิดแล้ว” อย่าไปเริ่มต้นด้วยการไปตัดสินคนอื่นครับ ให้เราเคารพความเห็นคนอื่น อย่าพยายามโชว์ให้เห็นว่า “ฉันเก่งกว่าเธอนะ”
📌 แต่หากเราทำอะไรผิดพลาดก็ให้ยืดอกยอมรับไปเลยครับ ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะไปแก้ตัวหรือพยายามที่จะหาโต้แย้ง ซึ่งมันจะทำให้ไม่จบและอาจจะเกิดความขัดแย้งมากขึ้นครับ
……………..
“Let the other person do a great deal of talking”
หากมีเรื่องที่มีปัญหา ให้ปล่อยให้คนอื่นได้พูดได้อย่างเต็มที่เลยครับ ให้เค้าระบายออกมา โดยเราไม่ต้องไปเถียงหรือแสดงความเห็นใด ๆ ทั้งนั้น เพราะในสถานการณ์แบบนั้นคน ๆ นั้นก็จะไม่ได้มีสมาธิในการจะรับฟังสิ่งที่เราจะพูดอยู่แล้วครับ ให้เราฟังอย่างอดทนแล้วก็เปิดใจแทนครับ
💡 หากเราจะโน้มน้าวให้คนอื่นทำอะไรให้เรา ให้พยายามให้เค้ามีส่วนร่วมกับความเห็นหรือแนวทางนั้น ๆ ครับ เพราะไม่มีใครที่ชอบให้คนอื่นมาสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ถูกมั้ยครับ?
คนเราจะชอบคิดอะไรเอง ทำเองตามความคิดเค้ามากกว่า เราสามารถแนะนำเค้าได้ แต่สุดท้ายต้องปล่อยให้เค้าสรุปแล้วตัดสินใจเอง แล้วเค้าจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ครับ
“Dramatize your ideas”
นอกจากนี้หากเราต้องนำเสนอไอเดียของเราเพื่อโน้มน้าวผู้อื่น ให้เราทำให้มันอลังการ ให้ว้าวไว้ก่อน เหมือนแบบที่โฆษณาหรือในหนังเค้าใช้กันไงครับ 💡
👉🏻 นอกจากนี้ให้เราลอง “Throw down a challenge” หรือให้เราโยนหรือกระตุ้นให้เกิดการแข่งขันไปเลยครับ เพราะมนุษย์เรานั้นชอบแข่งขัน อะไรที่เป็นเกมการแข่งขัน มันจะเป็นโอกาสให้เราได้พิสูจน์ตัวเอง เพราะทุกคนอยากมีคุณค่าและความสำคัญยังไงหละครับ
……………..
📝ในกรณีที่เราอยู่ในตำแหน่งผู้นำหรือเป็นหัวหน้านั้น ก็มีเทคนิคในการโน้มน้าวทีมงานหรือลูกน้องเราให้อยากทำตามเราดังนี้ครับ
• หากเราจะตำหนิเค้า ให้เราเริ่มด้วยการชมก่อนครับ
• ลองเปลี่ยนคำว่า “แต่” เป็นคำอื่น หรือใช้คำว่า “และ” แทนดูครับ
• ลองยกตัวอย่างความผิดพลาดที่เราเคยทำมาให้เค้าฟังดูครับ ให้เห็นว่ามันเกิดกันได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย
• ให้เค้ามีส่วนร่วมในการตัดสินใจครับ เพราะไม่มีใครชอบทำตามแต่คำสั่ง
• อย่าทำให้เค้าขายหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อคนอื่น
• ชื่นชมสิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เค้าทำสำเร็จ
• ทำให้เค้ารู้ว่าความผิดพลาดมันแก้ได้ไม่ยาก เค้าจะได้มีกำลังใจพัฒนาตนเองต่อไป
• ทำให้เค้ารู้สึกมีความสุขกับงานที่เค้าที่ได้รอบหมายให้ทำ ให้เห็นถึงประโยชน์และคุณค่าของมัน
……………..
🎯 หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่ต้องบอกว่าคลาสสิคจริง ๆ ครับ ผมเชื่อว่าคนที่ชอบอ่านหนังสือ how to หลายต่อหลายคนคงเคยอ่านกันมา ซึ่งคิดว่าน่าจะยังมีการตีพิมพ์ให้อ่านกันต่อไปถึง 100 ปีแน่ ๆ ครับ
👉🏻 สิ่งที่ผมชอบขอหนังสือเล่มนี้คืออ่านแล้วมันเป็นเรื่องพื้นฐานมาก ๆ เลยครับแล้วเราก็รู้กันดีว่าเรื่องพวกนี้ทำแล้วดี แต่คนเรามักจะหลงลืมเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไปครับ
💡แก่นของหนังสือเล่มนี้ที่ผมจับใจความได้ก็คือ การให้ความสำคัญกับคนอื่นในทุก ๆ เรื่อง การทำความเข้าใจคนอื่นและมองในมุมมองของเค้าและเปิดโอกาสให้เค้าได้เป็น “คนสำคัญ” ของเรา ซึ่งเมื่อเราเห็นเค้าเป็นคนสำคัญแล้วเราก็น่าจะทำแต่สิ่งดี ๆ ให้เค้า ซึ่งก็จะทำให้การผูกมิตรกันนั้นเป็นไปได้ดีทีเดียวครับ
#HowToWinFriendsAndInfluencePeople #BookReview #รีวิวหนังสือ #สิงห์นักอ่าน
ป.ล. ถ้าไม่อยากพลาดการติดตามการรีวิวหนังสือดี ๆ แบบละเอียดยิบ ฝากกด Like กดติดตามเพจ รวมถึงยังติดตามได้อีกหนึ่งช่องทางใน facebook - facebook.com/TheCrazyBookReader
- 50
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
